ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดอลลาร์ร่วงลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือนเมื่อเทียบกับเยนในวันศุกร์ หลังจากรายงานของสื่อทำให้เกิดการคาดการณ์อีกครั้งว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า รายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล และหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สเมื่อวันพฤหัสบดีระบุว่า การลดดอกเบี้ย 0.50% ยังคงเป็นทางเลือกหนึ่ง และความเห็นจากอดีตเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนการลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับการคาดการณ์ในตลาด Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.10 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ ร่วงลงจากระดับ 101.24 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของยูโร
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 140.66 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ ร่วงลงจากระดับ 141.79 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากที่ร่วงลงสู่ระดับ 140.285 เยนในช่วงแรก ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. และดอลลาร์ร่วงลง 1% เมื่อเทียบกับเยนในสัปดาห์ที่แล้ว
ยูโร/ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาที่ 1.1076 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์
หุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นขนาดเล็กปรับตัวโดดเด่นกว่าตลาด โดยการคาดการณ์เกี่ยวกับสัดส่วนการลดดอกเบี้ยของเฟดผันผวนและมีโอกาสพอๆกันในวันศุกร์ ขณะที่เครื่องมือเฟดวอทช์ของซีเอ็มอีพบว่า การคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% พุ่งขึ้นมาที่ 49% จาก 28% เมื่อวันพฤหัสบดี และอดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า มีเหตุผลหนักแน่นที่สนับสนุนการลดดอกเบี้ย 0.50% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.72% สู่ 41,393.78
ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.54% สู่ 5,626.02
ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 0.65% สู่ 17,683.98
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดลดลงในวันศุกร์ ขณะที่การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐเกิดขึ้นอีกครั้งหลังพายุเฮอริเคนฟรานซีน และข้อมูลพบว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ปิดลดลง 0.32 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ที่ 68.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดลดลง 0.36 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ที่ 71.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองพุ่งขึ้นในวันศุกร์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่โมเมนตัมเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นจากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะลดอัตราดอกเบี้ยนั้นได้แรงกระตุ้นจากเงินทุนไหลเข้า และการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ที่ 2,582.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ Eikon source text
--จบ--
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลดอัตราดอกเบี้ย และคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบีได้ลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนหน้า โดยระบุว่า อีซีบีจะปล่อยให้ข้อมูลเศรษฐกิจกำหนดการดำเนินนโยบายต่อไป ทั้งนี้ อีซีบีลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับ 3.5% ตามคาด แต่ลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ลง 0.60% สู่ระดับ 3.65% Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.24 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ร่วงลงจากระดับ 101.78 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข็งค่าของยูโร โดยยูโรเป็นส่วนประกอบที่มากที่สุดในดัชนีดอลลาร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 141.79 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี อ่อนค่าลงจากระดับ 142.35 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.11 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี แข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.1011 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ และยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเยนด้วย
หุ้นสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดได้ตอกย้ำการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ขณะที่คาดการณ์รายได้ที่อ่อนแอของบริษัทโมเดอร์นาฉุดหุ้นโมเดอร์นาร่วงลงมากที่สุดในดัชนี S&P 500 โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เทียบกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 230,000 รายในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.58% สู่ 41,096.77
ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.75% สู่ 5,595.76
ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.00% สู่ 17,569.68
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดพุ่งกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตประเมินผลกระทบต่อการผลิตในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ หลังจากพายุเฮอริเคนฟรานซีนพัดถล่มพื้นที่ผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งก่อนที่จะลดระดับความรุนแรงลงเป็นพายุโซนร้อน และสำนักงานความปลอดภัยและการบังคับใช้ทางสิ่งแวดล้อมของสหรัฐเปิดเผยว่า มีการหยุดการผลิตน้ำมันกว่า 730,000 บาร์เรลต่อวันหรือเกือบ 42% ของการผลิตในอ่าวเม็กซิโกเนื่องจากพายุฟรานซีน Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ปิดพุ่งขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ที่ 68.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดพุ่งขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ที่ 71.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองพุ่งกว่า 1% มาที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดีโดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า หลังจากข้อมูลของสหรัฐบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 1.7% ที่ 2,554.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ Eikon source text
--จบ--
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียปรับฐานอ่อนค่าลง หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐตอกย้ำแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในสัดส่วนเล็กน้อยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่แสดงความระมัดระวัง หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
เทรดเดอร์ทั่วโลกกำลังคาดการณ์ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเท่ากับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. ขณะที่มีความน่าจะเป็น 15% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50%
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.10 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY | FX RIC | FX DAILY % | FX YTD % |
Japan | JPY= | -0.04 | -0.94 |
China | CNY=CFXS | -0.00 | -0.30 |
India | INR=IN | +0.00 | -0.92 |
Indonesia | IDR= | -0.10 | -0.10 |
Malaysia | MYR= | -0.07 | +6.00 |
Philippines | PHP= | -0.14 | -1.18 |
S.Korea | KRW=KFTC | +0.10 | -3.89 |
Singapore | SGD= | +0.00 | +1.19 |
Taiwan | TWD=TP | -0.14 | -4.40 |
Thailand | THB=TH | -0.15 | +1.23 |
Eikon source text
3 ก.ย.--รอยเตอร์
มูลค่าในตลาดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค. ในขณะที่มีความกังวลเรื่องต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ โดยนักลงทุนมองว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ ถ้าหากตลาดหุ้นปรับฐานลงในอนาคต ทั้งนี้ มูลค่าในตลาดของบริษัทแอลฟาเบทของสหรัฐดิ่งลง 4.7% ในเดือนส.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวลงของยอดขายโฆษณาในยูทูบ, การที่ผู้พิพากษาในสหรัฐตัดสินว่า กูเกิลละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และการแข่งขันกับบริษัทโอเพนเอไอ ในขณะที่โอเพนเอไอกำลังพัฒนาตัวจำลองต้นแบบสำหรับโปรแกรมค้นหาข้อมูลออนไลน์ที่ใช้ AI โดยมูลค่าของแอลฟาเบทดิ่งลง 9.978 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. สู่ 2.0209 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.
แอลฟาเบทถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยรองจากแอปเปิลที่มีมูลค่า 3.4818 ล้านล้านดอลลาร์, ไมโครซอฟท์ที่มีขนาด 3.1006 ล้านล้านดอลลาร์ และเอ็นวิเดียที่มีขนาด 2.9282 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัทขนาดยักษ์อีกแห่งที่มีมูลค่าดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนส.ค. คืออะเมซอนดอทคอมที่มีมูลค่าในตลาดดิ่งลง 4.5% โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายออนไลน์ที่ชะลอตัวลง โดยมูลค่าของอะเมซอนรูดลง 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. สู่ 1.8735 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของเทสลาดิ่งลง 7.7% ในเดือนส.ค. หลังจากเทสลาเปิดเผยผลกำไรที่อ่อนแอลงในไตรมาสสอง และหลังจากมีข่าวว่าแคนาดาวางแผนจะเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100% จากรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน โดยเทสลาซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ได้เริ่มต้นส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในนครเซี่ยงไฮ้ไปสู่แคนาดาในปีที่แล้ว โดยมูลค่าของเทสลาดิ่งลง 5.728 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 6.828 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนส.ค. ทั้งนี้ มูลค่าในตลาดของเอ็นวิเดียดิ่งลง 7.7% ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนส.ค. สู่ 2.92 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค. หลังจากเอ็นวิเดียคาดว่า อัตราผลกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 75% ในไตรมาสสาม ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 75.5% และเอ็นวิเดียรายงานว่า รายได้พุ่งขึ้น 122% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี หลังจากรายได้เคยพุ่งขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบรายปีมาติดต่อกัน 3 ไตรมาส โดยเอ็นวิเดียครองส่วนแบ่งสูงกว่า 80% ในตลาดชิป AI
มูลค่าของบริษัทบางแห่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนส.ค. โดยมูลค่าในตลาดของบริษัทอีไล ลิลลีในกลุ่มผู้ผลิตยาพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในเดือนส.ค. หรือพุ่งขึ้นราว 1.4805 แสนล้านดอลลาร์ สู่ 9.124 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง และจากการเปิดตัวยาลดน้ำหนักที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกิน ทั้งนี้ มูลค่าในตลาดของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์พุ่งขึ้นมาปิดตลาดเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในช่วงสิ้นเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทนี้ ในขณะที่นักลงทุนหลายรายมองว่าบริษัทนี้เหมือนเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยมูลค่าของเบิร์คเชียร์พุ่งขึ้น 8.062 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 1.0264 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.
มูลค่าในตลาดของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์พุ่งขึ้นเกือบ 10% ในเดือนส.ค. หลังจากเมตารายงานว่า รายได้ไตรมาสสองอยู่สูงเกินคาด และเมตาคาดการณ์ว่า รายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. โดยสิ่งนี้บ่งชี้ว่า รายได้จากโฆษณาดิจิทัลที่แข็งแกร่งในแพลตฟอร์มของเมตาจะสามารถชดเชยต้นทุนจากการลงทุนใน AI ทั้งนี้ มูลค่าของเมตาพุ่งขึ้น 1.1759 แสนล้านดอลลาร์ สู่ 1.3188 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
30 ส.ค.--รอยเตอร์
บริษัทหลายแห่งในเอเชียเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสองที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา และส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรต่อหุ้นสำหรับบริษัทในดัชนี MSCI ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในช่วง 12 เดือนข้างหน้า พุ่งขึ้น 3.9% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หลังจากตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรดังกล่าวเคยถูกปรับลดลงหรือไม่ก็ถูกปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ โดยตัวเลขคาดการณ์นี้ได้รับแรงหนุนในเดือนส.ค.จากการที่บริษัทในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของเอเชียได้รับประโยชน์จากภาวะเฟื่องฟูในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบรู้สร้าง ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 8% ในเดือนส.ค. ส่วนตัวเลขคาดการณ์สำหรับบริษัทไต้หวันและบริษัทญี่ปุ่นทะยานขึ้น 5% ในเดือนส.ค.
บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า อุปสงค์ในชิปจะอยู่ในระดับแข็งแกร่งในปีนี้ หลังจากผลกำไรจากการดำเนินงานของซัมซุงทะยานขึ้นกว่า 15 เท่าในไตรมาสสอง ทางด้านบริษัท TSMC ของไต้หวัน ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรับเหมารายใหญ่ที่สุดในโลก ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ หมินยือ หลิว ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในหุ้นของบริษัทบีเอ็นพี พาริบาส์ แอสเซท แมเนจเมนท์ระบุว่า "การปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทเอเชียได้รับแรงกระตุ้นหลักจากการปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทเกาหลีใต้และไต้หวัน โดยเป็นผลจากผลกำไรที่ดีขึ้นในภาคเซมิคอนดักเตอร์"
ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรต่อหุ้นช่วง 12 เดือนข้างหน้าของบริษัทจีน ปรับขึ้น 1.5% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยอลิซาเบธ สุ่น หัวหน้าฝ่ายหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นของบริษัทไพน์บริดจ์ อินเวสท์เมนท์ระบุว่า "นักลงทุนหลายรายเลือกที่จะมองข้ามจีน ถึงแม้ว่าบริษัทจีนบางแห่งรายงานผลกำไรที่สูงเกินคาด" และเธอกล่าวเสริมว่า "มาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ในทางบวกสำหรับการสนับสนุนจากภาครัฐ" ทั้งนี้ ถึงแม้อุปสงค์ในจีนยังคงอยู่ในภาวะอ่อนแอ ผลกำไรในภาคการผลิตก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนก.ค.
มีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทอินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และอินเดียลงในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิของบริษัทในดัชนี MSCI ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกพุ่งขึ้น 29.2% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองปี ทางด้านดัชนี MSCI ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกทะยานขึ้นมาแล้ว 9.7% จากช่วงต้นปีนี้
หากแยกตามแต่ละภาคธุรกิจในเอเชีย ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับบริษัทในภาคเทคโนโลยีก็พุ่งขึ้นมาแล้ว 7.5% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา, ตัวเลขคาดการณ์สำหรับบริษัทในภาคบริการการสื่อสารทะยานขึ้น 5%, ตัวเลขคาดการณ์สำหรับบริษัทในภาคสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 5% และตัวเลขคาดการณ์สำหรับบริษัทในภาคการแพทย์ทะยานขึ้น 8% นอกจากนี้ ตัวเลขคาดการณ์ EPS สำหรับบริษัทในภาคสาธารณูปโภคก็พุ่งขึ้นราว 20% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะพุ่งสูงขึ้นในบางประเทศในเอเชีย ซึ่งรวมถึงอินเดีย โดยบริษัทในภาคสาธารณูปโภคมักจะจ่ายเงินปันผลสูงด้วย ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์อีกด้วยว่า วัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะช่วยหนุนผลกำไร และจะส่งผลบวกต่อหุ้นเอเชีย--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
31 ก.ค.--รอยเตอร์
บริษัทหลายแห่งทั่วโลกรายงานว่า ผลกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสล่าสุด แต่ทางบริษัทปรับลดแนวโน้มผลกำไรและยอดขายตลอดทั้งปีลง ในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงและจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ บริษัทราว 40% ในสหรัฐและยุโรปได้รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาแล้ว และผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ก็อยู่ในระดับที่ตรงตามความคาดหมาย อย่างไรก็ดี เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ผลกำไรที่ตรงตามความคาดหมายจึงอาจจะสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนได้ โดยบริษัทชื่อดังที่สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนในช่วงนี้รวมถึงบริษัทแมคโดนัลด์, นิสสันซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์, เทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า, เนสท์เล่ และดิอาจิโอ ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทขนาดยักษ์หลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทไมโครซอฟท์ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาในช่วงเย็นวันอังคาร, บริษัทเมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันพุธ, บริษัทแอปเปิลกับบริษัทอะเมซอนที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันพฤหัสบดี, บริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้, บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ของญี่ปุ่น, บริษัทเอ็กซอน โมบิลในกลุ่มน้ำมันของสหรัฐ, บริษัทเชลล์ในกลุ่มน้ำมัน, บริษัทลอรีอัลของฝรั่งเศส และบริษัทอาดิดาสของเยอรมนี ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งทั่วโลกระบุว่า ผลกำไรของบริษัทเผชิญกับปัญหาสำคัญ 2 ประการ โดยปัญหาแรกคืออัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง ซึ่งส่งผลลบต่อปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และปัญหาที่สองคือความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน โดยจีนถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
แมคโดนัลด์เพิ่งรายงานว่า ยอดขายทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ไตรมาส โดยเป็นผลจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน ส่วนบริษัทยูนิลีเวอร์, วีซ่า และแอสตัน มาร์ตินก็ตั้งข้อสังเกตถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีนด้วยเช่นกัน ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุเตือนว่า อุปสงค์ในจีนไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากผู้บริโภคจีนได้รับแรงกดดันจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในภาวะตกต่ำมาเป็นเวลานาน และจากความไม่มั่นคงทางการทำงาน ทั้งนี้ ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 12% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดรอบ 10 ไตรมาส ส่วนผลกำไรของบริษัทยุโรปปรับขึ้น 4% ในไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงเกินคาด และถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022
บริษัทสหรัฐปรับลดคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสสามลงในช่วงนี้ โดยบริษัทสหรัฐคาดว่า ผลกำไรไตรมาสสามอาจปรับขึ้นเพียง 7.3% เมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจาก +8.6% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. ทั้งนี้ ทั้งบริษัทเนสท์เล่และยูนิลีเวอร์ต่างก็รายงานยอดขายครึ่งปีแรกที่เติบโตน้อยเกินคาด ในขณะที่บริษัทโดยรวมในเยอรมนีและฝรั่งเศสคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะฟื้นตัวอย่างเฉื่อยชา โดยสำนักงานสถิติฝรั่งเศสรายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวมของฝรั่งเศสดิ่งลงจาก 99 ในเดือนมิ.ย. สู่ 94 ในเดือนก.ค. ส่วนสถาบัน Ifo รายงานในสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีดิ่งลงจาก 88.6 ในเดือนมิ.ย. สู่ 87.0 ในเดือนก.ค.
บริษัทรถยนต์หลายแห่งกำลังเผชิญปัญหาในสหรัฐ ซึ่งเป็นปัญหาจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ระดับสูง และปัญหาด้านโลจิสติกส์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลกำไรของบริษัทฟอร์ด มอเตอร์, สเตลแลนทิส และนิสสัน ทางด้านเทสลาเพิ่งรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาสล่าสุด และนักลงทุนหลายรายก็มองว่า บริษัทเทสลามีมูลค่าสูงเกินไป ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
18 ก.ค.--รอยเตอร์
สกุลเงินเอเชียปรับตัวอย่างไร้ทิศทางชัดเจนในวันนี้ ในขณะที่วอนของเกาหลีใต้ขยับขึ้น 0.04% ในวันนี้ และดอลลาร์สิงคโปร์ปรับขึ้น 0.04% เช่นกัน แต่บาทของไทยร่วงลง 0.21% ในวันนี้, ดอลลาร์ไต้หวันปรับลง 0.09% และริงกิตของมาเลเซียขยับลง 0.06% ในวันนี้ ทั้งนี้ รูเปียห์ของอินโดนีเซียร่วงลง 0.4% ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งพุ่งขึ้น 0.49% เมื่อวานนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวานนี้
ดอลลาร์สหรัฐ/เยนขยับขึ้น 0.05% สู่ 156.24 เยนในวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 155.36 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ และออกห่างจากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. โดยนักลงทุนตั้งข้อสงสัยในช่วงนี้ว่า ทางการญี่ปุ่นอาจเข้ามาแทรกแซงตลาดด้วยการเข้าซื้อเยนเป็นจำนวนเกือบ 6 ล้านล้านเยนในวันที่ 11-12 ก.ค. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารเมย์แบงก์ระบุว่า "หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐกับญี่ปุ่นก็ยังคงอยู่ในระดับกว้าง และด้วยเหตุนี้เราจึงคาดว่า ดอลลาร์/เยนอาจจะดีดขึ้นได้ต่อไปในช่วงไตรมาส 3/2024"
ดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลง 2.36% ในวันนี้ ในขณะที่หุ้นกลุ่มชิปทั่วโลกเผชิญกับแรงเทขาย ทางด้านดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้กับไต้หวันก็รูดลงอย่างรุนแรงในวันนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการคุมเข้มมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงให้แก่จีน ทั้งนี้ ดัชนี MSCI สำหรับหุ้นภูมิภาคแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นดิ่งลง 1% ในระหว่างวัน และอาจจะปิดตลาดวันนี้ในแดนลบเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้รูดลง 1.5% ในระหว่างวัน และลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ทางด้านดัชนีตลาดหุ้นไต้หวันรูดลง 1.56% ในวันนี้ ในขณะที่หุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ดิ่งลง 2.43%
เจสซิกา อามีร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทมูมูกล่าวว่า "มีความเสี่ยงสูงที่จะมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนหรือสินค้าจากภูมิภาคของจีน และตอนนี้ภาคการผลิตชิปก็ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าภาคการผลิตชิปอาจจะเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรมากยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่นักลงทุนกำลังโยกย้ายเงินลงทุนออกจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์อยู่แล้วในช่วงนี้ เพื่อนำเงินไปลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดเล็ก โดยการโยกย้ายเงินลงทุนดังกล่าวเป็นผลจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2-3 ครั้งในปีนี้"
ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียพุ่งขึ้น 1.08% ในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและหุ้นกลุ่มธนาคาร
อัตราแลกเปลี่ยนเทียบดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลา 12.06 น. ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
-0.11 |
-9.77 |
China |
CNY=CFXS |
+0.08 |
-2.20 |
India |
INR=IN |
-0.01 |
-0.46 |
Indonesia |
IDR= |
-0.35 |
-4.69 |
Malaysia |
MYR= |
-0.06 |
-1.57 |
Philippines |
PHP= |
+0.07 |
-4.88 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
-0.01 |
-6.76 |
Singapore |
SGD= |
+0.03 |
-1.59 |
Taiwan |
TWD=TP |
+0.04 |
-5.73 |
Thailand |
THB=TH |
-0.14 |
-4.98 |
--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน