ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--12 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่สหรัฐรายงานในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเร่งตัวขึ้นในเดือนส.ค. และปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021 หรือน้อยที่สุดในรอบกว่า 3 ปี หลังจากปรับขึ้น 2.9% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ดี ดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.2% ในเดือนส.ค. หลังจากปรับขึ้น 3.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ สหรัฐยังรายงานอีกด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อแบบ supercore หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในภาคบริการที่ไม่รวมค่าที่อยู่อาศัย ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และบริษัทเจฟฟรีส์ระบุว่า ปัจจัยนี้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อแบบ supercore ช่วง 3 เดือนอยู่ที่ 1.95% เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) โดยเร่งตัวขึ้นจาก 0.45% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น และเทียบกับระดับ 4.18% ที่เคยทำไว้ในเดือนพ.ค. และ 8.16% ที่เคยทำไว้ในเดือนมี.ค.
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.78 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 101.64 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 101.81 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.35 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยปรับลงจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 142.43 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 142.55 เยน และหลังจากดิ่งลงแตะ 140.71 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค. 2023
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1011 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยปรับลงจาก 1.1019 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากดิ่งลงแตะ 1.1001 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.
ปอนด์อ่อนค่าลงจาก 1.3080 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 1.3044 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยปอนด์ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากรายงานที่ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษทรงตัวในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งถือเป็นการทรงตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ในขณะที่ผลผลิตภาคโรงงานดิ่งลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี รายงานตัวเลขดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 78% ที่บีโออีจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ก.ย. และมีโอกาส 22% ที่บีโออีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.75% ในการประชุมวันที่ 19 ก.ย. ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิสพุ่งขึ้น 0.66% สู่ 0.8524 ฟรังก์สวิสในช่วงท้ายวันพุธ
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันในช่วงแรกของวันพุธ หลังจากนักลงทุนได้ดูการโต้วาทีระหว่างกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันในคืนวันอังคาร และนักลงทุนมองว่า แฮร์ริสมีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่จะชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยเว็บไซต์ PredictIt แสดงให้เห็นว่านักพนันคาดว่า โอกาสที่แฮร์ริสจะชนะการเลือกตั้งปรับขึ้นสู่ 56% จาก 53% ก่อนการโต้วาที ส่วนโอกาสที่นายทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งปรับลงสู่ 47% จาก 52% ก่อนการโต้วาที ทั้งนี้ นักลงทุนเคยคาดว่า ถ้าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้น เพราะว่านโยบายภาษีศุลกากรของนายทรัมป์อาจจะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ และมาตรการปรับเพิ่มรายจ่ายทางการคลังของนายทรัมป์ก็อาจจะช่วยหนุนอัตราดอกเบี้ยด้วย
นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันพุธว่า มีโอกาส 13% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 33% ที่เคยคาดไว้ในช่วงเย็นวันอังคาร และนักลงทุนก็คาดการณ์ในวันพุธว่า มีโอกาส 87% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย.--จบ--
--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--11 ก.ย.--รอยเตอร์
เยนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการโต้วาทีระหว่างกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันในตอนนี้ เพราะการโต้วาทีครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยนักลงทุนคาดว่า ถ้าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้น เพราะว่านโยบายภาษีศุลกากรของนายทรัมป์อาจจะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ และมาตรการปรับเพิ่มรายจ่ายทางการคลังของนายทรัมป์ก็อาจจะช่วยหนุนอัตราดอกเบี้ยด้วย ทั้งนี้ ในการโต้วาทีครั้งนี้ แฮร์ริสซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐในปัจจุบันได้กล่าวโจมตีแผนการของนายทรัมป์ในการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงจากสินค้าต่างชาติ โดยเธอระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวของนายทรัมป์เปรียบเหมือนกับเป็นการเก็บภาษีการขายจากชนชั้นกลางสหรัฐ และเธอได้กล่าวถึงแผนการของตนเองในการลดหย่อนภาษีสำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กด้วย ทางด้านนายทรัมป์ได้กล่าวตำหนิแฮร์ริสในเรื่องที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน
ดอลลาร์/เยนดิ่งลง 0.52% สู่ 141.69 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 141.49 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ส่วนยูโร/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.15% สู่ 1.1036 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 1.10155 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลง 0.17% สู่ 101.47 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 101.77 เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.11% สู่ 1.3091 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.3049 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.01% สู่ 0.6652 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลง 0.11% สู่ 0.6143 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI แบบเทียบรายปีอาจปรับขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. โดยชะลอตัวลงจากอัตรา +2.9% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ นายไคล์ ร็อดดา นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทแคปิตัลดอทคอมกล่าวว่า "ตลาดต้องการจะเห็นหลักฐานบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเปิดโอกาสให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.50% ถ้าหากเฟดจำเป็นจะต้องทำเช่นนั้น" และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากอัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำเกินคาดเป็นอย่างมาก นักลงทุนก็อาจจะกังวลกับเรื่องนี้ เพราะนักลงทุนอาจจะตีความว่าสิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนถึงเหตุร้ายแรงด้านอุปสงค์"
เยนได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของจุนโกะ นาคากาวะ สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันนี้ โดยนาคากาวะกล่าวย้ำว่า บีโอเจจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ถ้าหากเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวไปตามที่บีโอเจคาดไว้ โดยถ้อยแถลงของเธอถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดการเงินในเดือนส.ค.ไม่ได้ขัดขวางแผนการของบีโอเจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ และเธอกล่าวเสริมว่า "เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำมากในปัจจุบัน ดังนั้นบีโอเจจะปรับระดับการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อบรรลุระดับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ที่ 2% ได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ถ้าหากเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวไปตามที่เราคาดไว้" ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนมักจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 3.699% ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 3.644% ในช่วงท้ายวันอังคาร และรูดลงแตะ 3.625% ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันนี้ว่า มีโอกาส 33% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 50% ที่เคยคาดไว้ในช่วงแรกของวันศุกร์ และนักลงทุนก็คาดการณ์ในวันนี้ว่า มีโอกาส 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 1.14% ในปีนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--11 ก.ย.--รอยเตอร์
เยนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการโต้วาทีระหว่างกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันในตอนนี้ เพราะการโต้วาทีครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยนักลงทุนคาดว่า ถ้าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้น เพราะว่านโยบายภาษีศุลกากรของนายทรัมป์อาจจะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ และมาตรการปรับเพิ่มรายจ่ายทางการคลังของนายทรัมป์ก็อาจจะช่วยหนุนอัตราดอกเบี้ยด้วย ทั้งนี้ ในการโต้วาทีครั้งนี้ แฮร์ริสซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐในปัจจุบันได้กล่าวโจมตีแผนการของนายทรัมป์ในการเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงจากสินค้าต่างชาติ โดยเธอระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวของนายทรัมป์เปรียบเหมือนกับเป็นการเก็บภาษีการขายจากชนชั้นกลางสหรัฐ และเธอได้กล่าวถึงแผนการของตนเองในการลดหย่อนภาษีสำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กด้วย ทางด้านนายทรัมป์ได้กล่าวตำหนิแฮร์ริสในเรื่องที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน
ดอลลาร์/เยนดิ่งลง 0.52% สู่ 141.69 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 141.49 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ส่วนยูโร/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.15% สู่ 1.1036 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 1.10155 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลง 0.17% สู่ 101.47 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 101.77 เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.11% สู่ 1.3091 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.3049 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.01% สู่ 0.6652 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลง 0.11% สู่ 0.6143 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI แบบเทียบรายปีอาจปรับขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. โดยชะลอตัวลงจากอัตรา +2.9% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ นายไคล์ ร็อดดา นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทแคปิตัลดอทคอมกล่าวว่า "ตลาดต้องการจะเห็นหลักฐานบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเปิดโอกาสให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.50% ถ้าหากเฟดจำเป็นจะต้องทำเช่นนั้น" และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากอัตราเงินเฟ้ออยู่ต่ำเกินคาดเป็นอย่างมาก นักลงทุนก็อาจจะกังวลกับเรื่องนี้ เพราะนักลงทุนอาจจะตีความว่าสิ่งนี้เป็นสัญญาณเตือนถึงเหตุร้ายแรงด้านอุปสงค์"
เยนได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของจุนโกะ นาคากาวะ สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันนี้ โดยนาคากาวะกล่าวย้ำว่า บีโอเจจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ถ้าหากเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวไปตามที่บีโอเจคาดไว้ โดยถ้อยแถลงของเธอถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดการเงินในเดือนส.ค.ไม่ได้ขัดขวางแผนการของบีโอเจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ และเธอกล่าวเสริมว่า "เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำมากในปัจจุบัน ดังนั้นบีโอเจจะปรับระดับการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อบรรลุระดับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ที่ 2% ได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ถ้าหากเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวไปตามที่เราคาดไว้" ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนมักจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 3.699% ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 3.644% ในช่วงท้ายวันอังคาร และรูดลงแตะ 3.625% ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันนี้ว่า มีโอกาส 33% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 50% ที่เคยคาดไว้ในช่วงแรกของวันศุกร์ และนักลงทุนก็คาดการณ์ในวันนี้ว่า มีโอกาส 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 1.14% ในปีนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวในวันอังคาร ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน, ปอนด์ และฟรังก์สวิส และดอลลาร์สร้างฐานหลังจากที่เพิ่งแข็งค่าขึ้นในวันจันทร์ ทางด้านนักลงทุนรอดูการโต้วาทีระหว่างกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกันในช่วงคืนวันอังคารตามเวลาสหรัฐ เพราะการโต้วาทีครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยนักลงทุนคาดว่า ถ้าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้น เพราะว่านโยบายภาษีศุลกากรของนายทรัมป์อาจจะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ และมาตรการปรับเพิ่มรายจ่ายทางการคลังของนายทรัมป์ก็อาจจะช่วยหนุนอัตราดอกเบี้ยด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ โดยโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI แบบเทียบรายปีอาจปรับขึ้น 2.6% ในเดือนส.ค. โดยชะลอตัวลงจากอัตรา +2.9% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายปี
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.64 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 101.65 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.43 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 143.17 เยน หลังจากดอลลาร์/เยนเพิ่งดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือนที่ 141.75 เยนในวันศุกร์ โดยดอลลาร์/เยนเพิ่งปิดตลาดสัปดาห์ที่แล้วด้วยการดิ่งลง 2.7% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1019 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยอ่อนค่าลงจาก 1.1034 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิสร่วงลงราว 0.25% สู่ 0.8468 ฟรังก์สวิสในช่วงท้ายวันอังคาร ในขณะที่เยนและฟรังก์สวิสได้รับแรงหนุนในวันอังคารในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังจากนายไมเคิล บาร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ฝ่ายการกำกับดูแลเปิดเผยแผนการในวันอังคารที่จะให้ธนาคารขนาดใหญ่ปรับเพิ่มเงินกองทุนขึ้น 9% โดยแผนการดังกล่าวสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุน และส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐดิ่งลง 2.7% สู่ 408.2 หลังจากดัชนีรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือนในระหว่างวัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า เยนกับฟรังก์สวิสได้รับแรงหนุนจากการรูดลงของราคาน้ำมันด้วย ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดดิ่งลง 2.65 ดอลลาร์ หรือ 3.69% สู่ 69.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2021 หรือระดับปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับปีนี้และปีหน้า
นักลงทุนคาดการณ์ในวันอังคารว่า มีโอกาส 33% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 50% ที่เคยคาดไว้ในช่วงแรกของวันศุกร์ และนักลงทุนก็คาดการณ์ในวันอังคารว่า มีโอกาส 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 19-20 ก.ย. และบีโอเจจะไม่ส่งสัญญาณชี้นำที่ชัดเจนในการประชุมสัปดาห์หน้าด้วย
นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 100% เต็มที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 12 ก.ย. และคาดว่าอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.63% ในช่วงต่อไปในปีนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูภาวะการเมืองในยุโรปในตอนนี้ ซึ่งรวมถึงภาวะชะงักงันทางการเมืองในฝรั่งเศส และความไม่แน่นอนในสหภาพยุโรป (อียู) หลังจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดชนะการเลือกตั้งระดับภูมิภาคในเยอรมนีในช่วงต้นเดือนนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
สิงคโปร์--3 ก.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์เคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเยนและยูโรในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดการเปิดรับสมัครงานที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค. ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. โดยตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบต่อขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในวันนี้ว่า มีโอกาสราว 31% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. และมีโอกาส 69% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์กันอีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.99% ในปีนี้
ดอลลาร์/เยนอ่อนค่าลง 0.18% สู่ 146.64 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 147.20 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนยูโร/ดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.11% สู่ 1.1059 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.1040 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้น 0.07% สู่ 101.73 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากปรับขึ้นแตะ 101.79 เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงุสดรอบ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ปอนด์อ่อนค่าลง 0.12% สู่ 1.3129 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.60% สู่ 0.6751 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์รูดลง 0.49% สู่ 0.6203 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ชารู ชานานา หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารแซกโซกล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานหลายตัวของสหรัฐในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยตัดสินว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยเธอกล่าวเสริมว่า "ถ้าหากตัวเลขการจ้างงานยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เฟดก็จะมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ถ้าหากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอยู่ในระดับอ่อนแอ โดยเฉพาะถ้าหากตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ +130,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้นอีกครัง ตัวเลขเหล่านี้ก็จะกระตุ้นการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%" ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงจาก 104.05 ในช่วงปลายเดือนก.ค. สู่ 101.72 ในช่วงปลายเดือนส.ค. หรือเท่ากับว่าดัชนีดอลลาร์ดิ่งลง 2.24% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ และปัจจัยนี้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ หลายประเทศ หลังจากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เคยได้รับความเสียหายจากการแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยการดิ่งลงของดอลลาร์ในระยะนี้มีสาเหตุสำคัญมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอ
สำนักงานสถิติออสเตรเลียรายงานในวันนี้ว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งขึ้นสู่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (7.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสสอง ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 6 ปี ในขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลง และมีเงินไหลออกจากออสเตรเลียเพื่อชำระหนี้และจ่ายเงินปันผล--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--3 ก.ย.--รอยเตอร์
ตลาดเงินนิวยอร์คปิดทำการในวันจันทร์ที่ 2 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ ส่วนดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันจันทร์ แต่ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ที่ทำไว้ในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดขนาดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในอนาคต ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดการณ์ในวันจันทร์ว่า มีโอกาสราว 33% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. และมีโอกาส 67% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย.
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 101.66 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยขยับลงจาก 101.72 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากปรับขึ้นแตะ 101.79 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. โดยก่อนหน้านี้ดัชนีดอลลาร์เพิ่งดิ่งลงแตะ 100.51 ในวันที่ 27 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 13 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 146.90 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 146.16 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1071 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยปรับขึ้นจาก 1.1047 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.1043 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.
นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ถ้าหากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ตรงตามคาด สิ่งนี้ก็จะสอดคล้องกับการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนนี้ อย่างไรก็ดี นายอาธานาซิออส แวมวาคิดิส จากธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า "ถ้าหากตัวเลขการจ้างงานเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นในระดับ 100,000 ตำแหน่งหรือต่ำกว่านั้น ก็มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง และนักลงทุนจะมองว่ามีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%"
ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นในช่วงแรกของวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 3.867% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี สู่ 3.911% ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 3.932% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในวันศุกร์ และรายงานตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่ดอลลาร์/เยนจะพุ่งขึ้นในช่วงที่เฟดกำลังจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นายแวมวาคิดิสกล่าวว่า "เราคาดว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่นักลงทุนไม่ควรจะตื่นเต้นมากเกินไปกับเรื่องนี้" โดยเขาคาดว่ายูโรมีระดับเป้าหมายอยู่ที่ 1.12 ดอลลาร์ และเขากล่าวเสริมว่า "เศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีกว่าอีกหลายประเทศทั่วโลก" ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.59% ในช่วงต่อไปในปีนี้ ซึ่งเท่ากับว่าอีซีบีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% และมีโอกาส 36% ที่อีซีบีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่สาม--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--2 ก.ย.--รอยเตอร์
ยูโร/ดอลลาร์ปรับลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงหนุน หลังจากเทรดเดอร์ปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยในตอนนี้เทรดเดอร์ได้หันเหจุดสนใจไปยังตัวเลขการจ้างงานที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวที่พุ่งสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 3.867% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี สู่ 3.911% ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 3.932% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค. หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในวันศุกร์
ดอลลาร์/เยนอ่อนค่าลง 0.15% สู่ 145.94 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 146.60 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.04% สู่ 1.1051 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 1.1040 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงสู่ 101.69 ในช่วงเช้าวันนี้ จาก 101.72 ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 101.79 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับลง 0.02% สู่ 1.3125 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 1.31095 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.01% สู่ 0.6764 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.22% สู่ 0.6235 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
เทรดเดอร์คาดการณ์ในวันนี้ว่า มีโอกาสราว 31% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. และมีโอกาส 69% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 0.99% ในปี 2024 ทั้งนี้ ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ที่ 2 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ แต่จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคออกมาอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ที่จะออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. โดยนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐอาจปรับขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. โดยเร่งขึ้นจาก +114,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ส่วนอัตราการว่างงานในสหรัฐอาจปรับลงสู่ 4.2% ในเดือนส.ค. จาก 4.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นายโทนี ซีคามอร์ นักวิเคราะห์ของบริษัทไอจีระบุว่า "ถ้าหากการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งหรือมากกว่านั้น และถ้าหากอัตราการว่างงานปรับลงสู่ 4.2% หรือต่ำกว่านั้น ตัวเลขดังกล่าวก็จะช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามความคาดหมาย" และรายงานตัวเลขดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ดี นายซีคามอร์คาดว่า การแข็งค่าของดอลลาร์/เยนในระยะนี้จะไม่ดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน โดยเขากล่าวว่า "ดอลลาร์/เยนจำเป็นจะต้องพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเหนือแนวต้านที่ 152.00 เยน ถึงจะสามารถบดบังความเสี่ยงด้านต่ำได้"
นายซีคามอร์กล่าวว่า ในส่วนของยูโรนั้น การที่ทั้งเฟดและธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้หมายความว่า "เป็นเรื่องยากที่จะมีเหตุผลสนับสนุนให้ยูโร/ดอลลาร์พุ่งขึ้นหรือดิ่งลง" ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 99% ที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 3.50% ในการประชุมวันที่ 12 ก.ย.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน