ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--20 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ ในขณะที่การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาในวงกว้าง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอาจจะมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ และกังวลว่าเศรษฐกิจจะชะลอการฟื้นตัว ทั้งนี้ นักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้ และนักลงทุนได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงแตะ 1.176% ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือน และปัจจัยนี้มีส่วนทำให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 3.3% ในวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 2.09% สู่ 33,962.04 ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 9 เดือน, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.59% สู่ 4,258.49 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.06% สู่ 14,274.98 โดยการดิ่งลงของดัชนี S&P และ Nasdaq ในวันจันทร์ถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานรูดลง 3.6% ซึ่งถือเป็นการรูดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลง 3.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารรูดลง 2.7%
นายพอล โนลเท ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทคิงส์วิว แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า ความกังวลเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลง และนักลงทุนก็กังวลอีกด้วยว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถเปิดเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วเท่ากับที่เคยคาดการณ์กันไว้ ทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวในวันศุกร์ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาได้กลายเป็นเชื้อที่แพร่ระบาดมากที่สุดทั่วโลกในตอนนี้ ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.1 จุด หรือ 21.95% มาปิดตลาดที่ 22.50 ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือน
นักลงทุนจับตาดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ในช่วงนี้ โดยมีบริษัท 41 แห่งในดัชนี S&P 500 ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัท 90% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 72% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ บริษัทที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้รวมถึงบริษัทเน็ตฟลิกซ์, ทวิตเตอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์, อินเทล, ฮันนีเวล และฮาร์เลย์-เดวิดสัน
บริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) เปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของแผนกประมวลผลบนระบบคลาวด์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ดัชนี Nasdaq ปิดลดลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากหุ้นแอปเปิล, อะเมซอนและหุ้นอื่นๆในกลุ่มบิ๊กเทคร่วงลง ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ลดลงทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 53.79 จุด หรือ 0.15% ที่ 34,987.02, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 14.27 จุด หรือ 0.32% สู่ระดับ 4,360.03 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 101.81 จุด หรือ 0.70% สู่ 14,543.13
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 ปิดลดลง หลังจากพุ่งขึ้น 4 วันติดต่อกัน ซึ่งความต้องการหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตของนักลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์นี้ทำให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบจากการคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณการผลิตมากขึ้นหลังจากมีข้อตกลงประนีประนอมระหว่างผู้ผลิตชั้นนำในกลุ่มโอเปก
ข้อมูลที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 สัปดาห์ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่การขาดแคลนแรงงาน และภาวะคอขวดในระบบห่วงโซ่อุปทานสร้างความยุ่งยากให้แก่ภาคธุรกิจในการเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการ
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาคาดว่า การขาดแคลนและภาวะเงินเฟ้อสูงจะบรรเทาลง แต่นักลงทุนหลายคนก็ยังคงกังวลว่า ภาวะเงินเฟ้อที่นานมากขึ้นอาจจะนำไปสู่การคุมเข้มนโยบายการเงินที่เร็วกว่าคาด--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นิวยอร์ค--5 ก.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การคาดการณ์ที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจะอยู่ในระดับต่ำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนบางรายพิจารณาเรื่องการลงทุนในหุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้ กองทุน ProShares S&P Dividend Aristocrats ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่ปรับเพิ่มเงินปันผลทุกปีในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ปรับขึ้นมาแล้ว 14.3% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 15.8% จากช่วงต้นปีนี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางรายเชื่อว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะกลายเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับช่วงหลายเดือนข้างหน้า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หันมาส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยวในช่วงกลางเดือนมิ.ย. และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะแตะจุดสูงสุดแล้ว โดยปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) อาจจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป
ดัชนีหุ้นกลุ่ม S&P Dividend Aristocrats ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.15% ส่วนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีให้อัตราผลตอบแทน 1.48% นอกจากนี้ กองทุน S&P 500 Dividend Aristocrats ETF ก็ยังคงร่วงลงมาแล้วราว 4% จากจุดสูงสุดของเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 6% ในปีนี้และปีหน้า ถึงแม้ว่ามูลค่าหุ้นในปัจจุบันบ่งชี้ว่าเงินปันผลอาจเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% เท่านั้น นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังประเมินอีกด้วยว่า ในบรรดาบริษัทสหรัฐ 57 แห่งที่ปรับลดหรือระงับการจ่ายเงินปันผลในปี 2020 นั้น บริษัท 22 แห่งได้กลับมาจ่ายเงินปันผลหรือปรับเพิ่มเงินปันผลแล้ว และยังมีบริษัทอีก 19 แห่งที่มีแนวโน้มว่าจะปรับเพิ่มเงินปันผลก่อนสิ้นปีนี้
นายมาร์ค แฮเฟล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทยูบีเอส โกลบัล เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า บริษัทการเงินมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำในการปรับเพิ่มเงินปันผล หลังจากเฟดผ่อนคลายข้อจำกัดในการจ่ายเงินปันผลและการซื้อคืนหุ้น ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป, มอร์แกน สแตนเลย์, เจพีมอร์แกน เชส และแบงก์ ออฟ อเมริการะบุในวันที่ 28 มิ.ย.ว่า ทางธนาคารจะปรับเพิ่มเงินปันผล หลังจากทางธนาคารผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติของเฟด ทางด้านนักวิเคราะห์ประเมินว่า บริษัทการเงินของสหรัฐจะจ่ายเงินปันผลและซื้อคืนหุ้นเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 1.30 แสนล้านดอลลาร์
นายบ็อบ ไลนิงเจอร์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของกองทุนกาเบลลีกล่าวว่า เขาเริ่มตั้งเป้าหมายการลงทุนไปยังบริษัทอย่างเช่นโมลสัน คัวร์ส เบฟเวอเรจ ซึ่งเป็นบริษัทที่ระงับการจ่ายเงินปันผลในปีที่แล้ว แต่แถลงในเดือนเม.ย.ปีนี้ว่าทางบริษัทจะกลับมาจ่ายเงินปันผลก่อนสิ้นปี 2021 โดยหุ้นโมลสัน คัวร์สพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 19% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ นางแคที นิกสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทนอร์ทเธิร์น ทรัสต์กล่าวว่า หุ้นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมีราคาอยู่ต่ำกว่า 18 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ผลกำไร ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มนี้มีมูลค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และปัจจัยนี้จะช่วยให้หุ้นกลุ่มนี้มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น โดยนางนิกสันกล่าวเสริมว่า "เราคาดว่าเงินปันผลจะพุ่งขึ้นในอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างกระแสเงินสดของตนเองได้"
นักลงทุนจะรอดูรายงานการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดประจำวันที่ 15-16 มิ.ย. ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยออกมาในวันพุธที่ 7 ก.ค.นี้ โดยนักลงทุนจะจับตาดูความเห็นของเฟดที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นักลงทุนก็จะรอดูดัชนีกิจกรรมภาคบริการของสหรัฐที่สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) จะรายงานออกมาในวันอังคารนี้ด้วย หลังจากดัชนีดังกล่าวเพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ นายเบิร์นส์ แมคคินนีย์ จากบริษัทเอ็นเอฟเจ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ปกล่าวว่า หุ้นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลดูเหมือนจะอยู่ในสถานะที่ดีมากในช่วงนี้ เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อไป--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน