ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--20 ธ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงกดดันนับตั้งแต่วันพุธที่ 14 ธ.ค. หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในวันพุธ และเฟดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.75% ก่อนสิ้นปี 2023 โดยอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 5.00-5.25% ในช่วงปลายปีหน้า นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดยังส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยวในวันพุธด้วย โดยเขากล่าวว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐเกือบจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.49% สู่ 32,757.54, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.90% สู่ 3,817.66 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.49% สู่ 10,546.03 โดยดัชนีเหล่านี้มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดปีนี้ด้วยการดิ่งลงรายปีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันจันทร์รวมถึงหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารที่รูดลง 2.2%, หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ดิ่งลง 1.7% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่รูดลง 1.4% อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานขยับขึ้น 0.13% และถือเป็นหุ้นกลุ่มเดียวในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ของสหรัฐที่สามารถปิดตลาดในแดนบวกในวันจันทร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ 3.583% ในช่วงท้ายวันจันทร์ จาก 3.482% ในช่วงท้ายวันศุกร์ ในขณะที่นายไบรอัน โอเวอร์บี นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทแอลลีกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อนำเงินไปลงทุนในพันธบัตร ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023 และเขากล่าวเสริมว่า "นักลงทุนกำลังตั้งคำถามว่า ทำไมพวกเขาจะต้องถือครองสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงเข้าสู่ปี 2023 ด้วย ในขณะที่เฟดยังคงใช้จุดยืนแบบแข็งกร้าว และพวกเขาจะได้รับอัตราผลตอบแทนที่ดีจากตลาดตราสารหนี้" ทั้งนี้ นางเมลิสซา บราวน์ จากบริษัทคอนทิโกกล่าวว่า นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังความกังวลทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในวันจันทร์ เนื่องจากไม่มีการรายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่และไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาในวันจันทร์ นอกจากนี้ เธอยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า ตลาดหุ้นอาจเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงเกินความเป็นจริง เนื่องจากนักลงทุนหลายรายไม่ได้เข้ามาลงทุนในช่วงวันหยุดปลายปี
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่ดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยหุ้นแอปเปิลรูดลง 1.6%, หุ้นไมโครซอฟท์ดิ่งลง 1.7% และหุ้นอะเมซอนดอทคอมรูดลง 3.3% ทั้งนี้ หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าปิดปรับลง 0.24% หลังจากดิ่งลง 2.8% ในระหว่างวัน ในขณะที่ผลสำรวจความเห็นในทวิตเตอร์ระบุว่า ผู้ตอบโพลล์ส่วนใหญ่ต้องการให้นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลา ลงจากตำแหน่งซีอีโอของทวิตเตอร์
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ดิ่งลง 4.1% หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ระบุว่า อีซีอาจจะสั่งปรับเมตา แพลตฟอร์มส์เป็นเงินจำนวนมากถึง 10% ของรายได้ทั่วโลกต่อปีของเมตา ถ้าหากมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า เมตาฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหภาพยุโรป (อียู) ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มคาสิโนของสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรง หลังจากมาเก๊าประกาศในวันศุกร์ว่า บริษัทคาสิโน 6 แห่งจะลงทุนราว 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำสัญญาใหม่ระยะ 10 ปีเพื่อดำเนินงานในมาเก๊า--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--22 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า จีนอาจจะดำเนินมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดอีกครั้ง หลังจากเทศบาลกรุงปักกิ่งของจีนประกาศเตือนในวันจันทร์ว่า กรุงปักกิ่งกำลังเผชิญกับการทดสอบครั้งร้ายแรงที่สุดสำหรับการระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีการสั่งปิดธุรกิจและโรงเรียนในบางเขตของกรุงปักกิ่ง และมีการเพิ่มความเข้มงวดในกฎระเบียบสำหรับการเดินทางเข้าเมือง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อปรับสูงขึ้นทั้งในกรุงปักกิ่งและทั่วประเทศจีน ทางด้านนักลงทุนคาดว่า รัฐบาลจีนอาจจะไม่ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ หุ้นบริษัทคาสิโนของสหรัฐที่มีธุรกิจในจีนดิ่งลงอย่างรุนแรง โดยหุ้นบริษัทวินน์ รีสอร์ทส์, ลาส เวกัส แซนด์ส, เอ็มจีเอ็ม รีสอร์ทส์ อินเตอร์เนชั่นแนล และเมลโค รีสอร์ทส์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต่างก็ดิ่งลงอย่างน้อย 2% ในวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.13% สู่ 33,700.28, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.39% สู่ 3,949.94 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.09% สู่ 11,024.51 ทั้งนี้ วอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับเบาบางในวันจันทร์ โดยอยู่ที่ 9.43 พันล้านหุ้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของช่วง 20 วันทำการที่ผ่านมาที่ระดับ 1.188 หมื่นล้านหุ้นต่อวัน โดยวอลุ่มการซื้อขายมีแนวโน้มที่จะลดลงจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย. ซึ่งถือเป็นวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้
ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้างในช่วงบ่าย หลังจากนางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างเลวร้าย ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์แสดงความเห็นสอดคล้องกับนางดาลี โดยนางเมสเตอร์กล่าวว่า เธอสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่เล็กลงในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 13-14 ธ.ค. และเทรดเดอร์คาดว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในเดือนมิ.ย. 2023
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐดิ่งลงเกือบ 3% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ และรูดลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 5% ในช่วงแรก หลังจากมีข่าวว่าซาอุดิอาระเบียกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำลังหารือกันเรื่องการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มน้ำมันลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้าง หลังจากซาอุดิอาระเบียปฏิเสธข่าวนี้ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นมาแล้วราว 63% จากช่วงต้นปีนี้ และถือเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่เพียงกลุ่มเดียวในตลาดหุ้นสหรัฐที่มีแนวโน้มปิดตลาดในแดนบวกในปีนี้
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์พุ่งขึ้น 6.30% หลังจากนายบ็อบ ไอเกอร์กลับมาดำรงตำแหน่งซีอีโอของวอลท์ ดิสนีย์ ทั้งนี้ หุ้นเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 6.84% หลังจากเทสลาประกาศว่า เทสลาจะเรียกคืนรถยนต์ในสหรัฐเพราะมีปัญหาไฟท้ายไม่ทำงานในบางครั้ง--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--27 ก.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และการทำเช่นนั้นอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ก็ดิ่งลงมาแล้ว 20.5% จากสถิติระดับปิดสูงสุดที่เคยทำไว้ในวันที่ 4 ม.ค. โดยการดิ่งลง 20% หรือมากกว่านั้นจากระดับปิดสูงสุดถือเป็นการยืนยันว่า ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดหมีนับตั้งแต่แตะจุดสูงสุดในเดือนม.ค. ทางด้านดัชนี S&P 500 ยืนยันการเข้าสู่ภาวะตลาดหมีไปแล้วในเดือนมิ.ย. และดัชนี S&P ก็ดิ่งลงมาแล้วราว 23% จากช่วงต้นปี 2022 โดยดัชนี S&P ปิดตลาดวันจันทร์ที่ระดับต่ำกว่าระดับปิดต่ำสุดของช่วงกลางเดือนมิ.ย.ด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.11% สู่ 29,260.81, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.03% สู่ 3,655.04 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.6% สู่ 10,802.92 ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานรูดลง 2.6% และถือเป็นหุ้นสองกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทอะเมซอนและหุ้นบริษัทคอสต์โค โฮลเซลพุ่งขึ้นในวันจันทร์ และปัจจัยนี้ช่วยจำกัดการร่วงลงของดัชนี Nasdaq
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยปรับกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นสู่ 3.00-3.25% ในวันพุธที่ 21 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 และรายงานคาดการณ์ฉบับใหม่ของเฟดระบุว่า กรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดมีแนวโน้มพุ่งขึ้นสู่ 4.25-4.50% ก่อนสิ้นปีนี้ และจะอยู่ที่ 4.50-4.75% ในช่วงปลายปี 2023 ทั้งนี้ นายเจค ดอลลาร์ไฮด์ ซีอีโอของบริษัทลองโบว์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา ในขณะที่นักลงทุนไม่แน่ใจว่า "อัตราดอกเบี้ย Fed funds จะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับใด โดยอัตราดอกเบี้ยอาจจะขึ้นไปแตะ 4.6% หรืออาจจะขึ้นไปแตะ 5% และนักลงทุนไม่แน่ใจว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะจุดสูงสุดในปี 2023 หรือไม่"
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในตลาดปริวรรตเงินตราด้วย ในขณะที่ปอนด์ดิ่งลง 4.9% ในระหว่างวัน และลงไปแตะสถิติต่ำสุดใหม่ในวันจันทร์ที่ 1.0327 ดอลลาร์ โดยปอนด์ได้รับแรงกดดันหลังจากนายควาซี กวาร์เตง รมว.คลังอังกฤษประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในวันศุกร์ และรัฐบาลอังกฤษจะกู้เงินเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1972 เพื่อหาเงินมาใช้รองรับแผนการปรับลดภาษีนี้ ทางด้านนักลงทุนกังวลว่า แผนเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลอังกฤษจะสร้างความเสียหายต่อฐานะการคลังของอังกฤษ ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และกังวลกับอัตราเงินเฟ้อในบางประเทศที่แตะจุดสูงสุดในรอบหลายสิบปีในช่วงนี้ด้วย ทางด้านดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 7.8% มาปิดตลาดที่ 32.26 ในวันจันทร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 32.88 ในระหว่างวัน
หุ้นกลุ่มคาสิโนของสหรัฐพุ่งขึ้น โดยหุ้นบริษัทวินน์ รีสอร์ท, บริษัทลาสเวกัส แซนด์ และบริษัทเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์พุ่งขึ้น 11.8-25.5% หลังจากมาเก๊าวางแผนที่จะเปิดให้กรุ๊ปทัวร์จากจีนเข้ามาเที่ยวในมาเก๊าได้ในเดือนพ.ย. ซึ่งจะถือเป็นการเปิดต้อนรับกรุ๊ปทัวร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน