ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
เอสแอนด์พี โกลบอลปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และแก้ไขแนวโน้มของธนาคารสหรัฐหลายแห่ง ตามหลังการดำเนินการแบบเดียวกันของมูดี้ส์ พร้อมเตือนว่า ความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงอาจจะทดสอบความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคาร
เอสแอนด์พีได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของแอสโซซิเอทเต็ด แบงก์-คอร์ป และวัลเลย์ แนชันแนล แบนคอร์ปจากความเสี่ยงในการจัดหาเงินทุน และการพึ่งพามากขึ้นกับเงินฝากที่ผ่านนายหน้า รวมทั้งได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของยูเอ็มบี ไฟแนนเชียล คอร์ป, โคเมริกา แบงก์ และคีย์คอร์ป โดยระบุถึงเงินฝากไหลออกเป็นจำนวนมาก และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
เอสแอนด์พีระบุว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างมากกำลังกระทบการจัดหาเงินทุนและสภาพคล่องของธนาคารหลายแห่งของสหรัฐ ขณะที่เงินฝากของธนาคารที่ได้รับการรับประกันจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากของรัฐบาลกลาง (เอฟดีไอซี) จะยังคงลดลงต่อไป ตราบใดที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังคุมเข้มเชิงปริมาณ
เอสแอนด์พียังปรับลดแนวโน้มของเอสแอนด์ที แบงก์ และริเวอร์ ซิตี้ แบงก์ลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพ เนื่องจากสัดส่วนความเสี่ยงในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่สูงขึ้น
ในเดือนนี้ มูดี้ส์ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคาร 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารยักษ์ใหญ่ 6 แห่ง ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอน, ยูเอส แบนคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล--จบ--
Eikon source text
บริษัทมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลางหลายแห่งของสหรัฐ และระบุว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของสหรัฐ โดยเตือนว่า ความแข็งแกร่งด้านความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารอาจจะถูกทดสอบจากความเสี่ยงด้านการระดมทุน และความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง
มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร 10 แห่งลง 1 ขั้น และประกาศทบทวนโดยมีแนวโน้มปรับลดลงสำหรับธนาคารขนาดใหญ่อีก 6 แห่ง อาทิ แบงก์ ออฟ นิวยอร์ค เมลลอน, ยูเอส แบนคอร์ป, สเตท สตรีท และทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล
มูดี้ส์ระบุว่า "ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของธนาคารหลายแห่งแสดงถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นด้านความสามารถในการทำกำไร ซึ่งจะลดความสามารถของพวกเขาที่จะสร้างเงินทุนภายใน และสิ่งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยเล็กน้อยในไม่ช้าในช่วงต้นปีหน้า และดูเหมือนว่าคุณภาพสินทรัพย์จะลดลง โดยมีความเสี่ยงเป็นพิเศษในการถือครองอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของธนาคารบางแห่ง"
ความเสี่ยงด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, ความต้องการสำนักงานที่ลดลงอันเป็นผลจากการทำงานทางไกล และการลดลงของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
มูดี้ส์ยังเตือนว่า ธนาคารที่มีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเป็นจำนวนมากซึ่งไม่ถูกสะท้อนในสัดส่วนเงินทุนตามกฎเกณฑ์นั้น มีความเปราะบางต่อการสูญเสียความเชื่อมั่นท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงในปัจจุบัน--จบ--
Eikon source text
วอชิงตัน--12 พ.ค.--รอยเตอร์
บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดราว 113 แห่งของสหรัฐจะแบกรับภาระในการเติมเงินจำนวนมากเข้าสู่กองทุนค้ำประกันเงินฝาก หลังจากทางกองทุนใช้เงินราว 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงที่เกิดวิกฤติภาคธนาคารนับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา ทั้งนี้ FDIC ได้ยื่นข้อเสนอในการประชุมคณะกรรมการว่า FDIC จะคิดค่าธรรมเนียม "การประเมินพิเศษ" ในอัตรา 0.125% ต่อเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันในธนาคารที่มีขนาดสูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะคิดกับปริมาณเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันที่ธนาคารแต่ละแห่งถือครองไว้ในช่วงสิ้นปี 2022
FDIC ระบุว่า ถึงแม้ว่าค่าธรรมเนียมนี้คิดกับธนาคารทุกแห่งในสหรัฐ ในทางปฏิบัตินั้นธนาคารที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า 5 พันล้านดอลลาร์จะไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใด ๆ ส่วนธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์สูงกว่า 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์จะแบกรับภาระรวมกันสูงกว่า 95% ของค่าใช้จ่ายนี้ ทางด้านซูซาน รอธ แคทส์เคอ นักวิเคราะห์ของธนาคารเครดิต สวิสระบุว่า ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 14 แห่งของสหรัฐจะต้องจ่ายเงินรวมกันราว 5.8 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะส่งผลลบราว 3% ต่อผลกำไรต่อหุ้นของธนาคารกลุ่มนี้ ทั้งนี้ มีการประเมินกันว่า ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ในปริมาณราว 1.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ปจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมราว 898 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการของ FDIC ได้อนุมัติข้อเสนอนี้ในวันพฤหัสบดีตามเสียงส่วนใหญ่ โดยสมาชิกพรรคเดโมแครต 3 คนในคณะกรรมการอนุมัติข้อเสนอนี้ แต่สมาชิกพรรครีพับลิกัน 2 คนในคณะกรรมการโหวตคัดค้าน โดยในตอนนี้ FDIC จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธนาคารและจากสาธารณชน ก่อนที่จะกำหนดค่าธรรมเนียมใหม่ในขั้นตอนสุดท้าย
กองทุนของ FDIC ค้ำประกันเงินฝากของลูกค้าธนาคารในระดับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อราย โดยกองทุนแห่งนี้มีขนาด 1.282 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2022 ทั้งนี้ โดยปกติแล้วธนาคารพาณิชย์มักจะจ่ายค่าธรรมเนียมทุกไตรมาสให้กองทุนแห่งนี้ แต่ FDIC ระบุว่า FDIC จำเป็นต้องเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษในครั้งนี้ด้วย เพื่อชดเชยรายจ่ายจำนวนมากที่เกิดขึ้นหลังจากการล้มของธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ในเดือนมี.ค. โดยหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบได้ประกาศว่าธนาคารทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงิน และการประกาศดังกล่าวก็เปิดโอกาสให้ FDIC สามารถค้ำประกันเงินฝากทั้งหมดในธนาคารสองแห่งนี้เพื่อสกัดกั้นวิกฤติภาคธนาคารไม่ให้ลุกลามออกไป นอกจากนี้ การที่ FDIC เข้ายึดธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกและขายธนาคารดังกล่าวให้แก่ธนาคารเจพี มอร์แกน เชสในช่วงต้นเดือนนี้ ก็อาจจะส่งผลให้ FDIC ต้องเสียเงินอีก 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วย
FDIC จะเก็บค่าธรรมเนียมนี้เป็นเวลา 8 ไตรมาสโดยเริ่มตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2024 แต่อาจจะมีการปรับค่าธรรมเนียมตามการประเมินยอดสูญเสียของกองทุนค้ำประกันเงินฝากที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐที่มีเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันในปริมาณมากรวมถึงธนาคารโคเมริกา แบงก์, เวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงก์, ไซออนส์ แบงก์ และไซโนวุส ไฟแนนเชียล โดยหุ้นโคเมริกาดิ่งลงเกือบ 7% ในวันพฤหัสบดี ในขณะที่หุ้นไซออนส์และไซโนวุสรูดลงกว่า 4% ส่วนหุ้นเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ปรับลง 0.77% ในวันพฤหัสบดี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐได้อัดฉีดเงินฝาก 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าพยุงกิจการธนาคารแห่งนี้ที่เผชิญกับวิกฤติที่ขยายวงกว้างขึ้นหลังการล้มละลายของธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ดิ่งลง 70% ในรอบ 9 วันทำการที่ผ่านมา
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค, โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์มีส่วนร่วมในการเข้ากอบกู้ครั้งนี้ และหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ก็ปิดพุ่งขึ้น 10% รับข่าวดังกล่าว แต่ก็ร่วงลง 18% ในการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการ หลังจากที่ธนาคารประกาศว่าจะระงับการจ่ายปันผล
ข้อตกลงช่วยเหลือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินการของนายหน้าผู้มีอำนาจ อาทิ เจเน็ท เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ, นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งได้หารือถึงมาตรการช่วยเหลือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เยนเลนระบุว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากการดำเนินการที่ "เด็ดขาดและแข็งขัน" หลังการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์--จบ--
Eikon source text
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐสามารถผ่านบททดสอบประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อภาคธนาคารท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจถดถอยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ผลทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ประจำปีของเฟดพบว่า ธนาคารมีเงินทุนมากพอที่จะผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงได้ และทำให้พวกเขาสามารถซื้อคืนหุ้น และจ่ายปันผลได้
ธนาคาร 34 แห่งที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้การกำกับดูแลของเฟด จะขาดทุนรวมกัน 6.12 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง แต่พวกเขาจะยังคงมีเงินทุนภายใต้เกณฑ์ที่กำหนดไว้อยู่เกือบ 2 เท่า
ธนาคารเหล่านี้ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิติกรุ๊ป, มอร์แกน สแตนเลย์ และโกลด์แมน แซคส์จึงสามารถใช้เงินทุนส่วนเกินเพื่อจ่ายปันผล และซื้อคืนหุ้นให้ผู้ถือหุ้นได้
แม้สถานการณ์จำลองในปี 2022 ถูกกำหนดขึ้นก่อนการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย และแนวโน้มเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในขณะนี้ แต่ผลการทดสอบก็น่าจะทำให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายรู้สึกคลายกังวลว่า ธนาคารของสหรัฐมีการเตรียมตัวดีพร้อมรับสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอาจจะเกิดภาวะถดถอยในปีนี้ หรือปีหน้า--จบ--
24 ม.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐในช่วงนี้ ในขณะที่การดิ่งลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐกระตุ้นให้นักลงทุนพยายามแสวงหาสินทรัพย์อื่น ๆ ที่จะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) และได้รับแรงหนุนจากการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ กองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐของ SPDR พุ่งขึ้นมาแล้ว 2% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งสวนทางกับดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงมาแล้ว 6.6% จากช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ หุ้นธนาคารบางแห่งของสหรัฐก็ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วย โดยหุ้นซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล กรุ๊ปพุ่งขึ้นมาแล้ว 8.4% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนหุ้นคีย์คอร์ปทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 9%
ธนาคารระดับภูมิภาคมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้จึงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในปีนี้เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ โดยเฟดกำลังจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 25-26 ม.ค. และนักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินมีส่วนช่วยหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีให้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 1.902% ในวันที่ 19 ม.ค. โดยทะยานขึ้นมาแล้ว 0.567% จากระดับ 1.335% ที่ทำไว้ในวันที่ 12 ธ.ค.
นักลงทุนบางรายคาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและการที่รัฐบาลสหรัฐปรับลดมาตรการกระตุ้นทางการคลัง จะเป็นสองปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ยอดสินเชื่อขยายตัวด้วย และปัจจัยนี้อาจช่วยหนุนให้ธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐมีผลกำไรเติบโตขึ้น 70.1% ในปี 2021 ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคถือเป็นกลุ่มที่มีผลกำไรเติบโตสูงเป็นอันดับ 7 ในบรรดาหุ้นกลุ่มย่อย 126 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ทั้งนี้ นายมุสตาฟา มูนาห์ ผู้ช่วยผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทเจมส์ อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ถ้าหากคุณต้องการจะลงทุนตามการคาดการณ์ที่ว่า เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะลาดชันมากยิ่งขึ้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือลงทุนในธนาคารระดับภูมิภาค" โดยเขาได้เพิ่มการลงทุนในบริษัทเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปในช่วงที่ผ่านมา
ถึงแม้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารระดับภูมิภาคส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปถ้าหากเฟดคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วมากเกินไป โดยนายมูนาห์กล่าวว่า ถ้าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเกินไป ปัจจัยดังกล่าวก็จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และจะสร้างความเสียหายต่อผลกำไรในภาคธนาคารด้วย แต่เขาคาดว่ามีความเป็นไปได้ไม่มากนักที่จะเกิดสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้า Fed funds คาดว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค. และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกันทั้งหมด 4 ครั้งในปี 2022 ทางด้านนายแกรี เทนเนอร์ นักวิเคราะห์ของบริษัทดี.เอ. เดวิดสัน แอนด์ โคคาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกันทั้งหมด 4 ครั้งในปี 2022-2023 โดยเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้งจากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม
นักลงทุนรอดูผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทไซออน แบงคอร์ปที่จะออกมาในวันจันทร์, ผลประกอบการของเฟิร์สท์ แบงคอร์ปที่จะออกมาในวันอังคาร และผลประกอบการของยูไนเต็ด แบงก์แชร์ส อิงค์ กับเมอร์แชนท์ แบงคอร์ปที่จะออกมาในวันพุธ ทั้งนี้ นายเทนเนอร์กล่าวว่า "การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อตัวเลขคาดการณ์และอัตราผลกำไรของธนาคารระดับภูมิภาค" มากกว่าที่จะส่งผลบวกต่อธนาคารแบบครบวงจร ซึ่งมีรายได้บางส่วนมาจากแผนวาณิชธนกิจ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารโดยรวมของสหรัฐปรับขึ้นมาแล้ว 0.4% จากช่วงต้นปีนี้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน