ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
15 ม.ค.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ช่วยหนุนหุ้นทุกกลุ่มในตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้น ยกเว้นหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี นักลงทุนคาดการณ์กันว่า หุ้นกลุ่มพลังงานอาจจะดีดตัวขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ และจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่มีเรือขนส่งน้ำมันจำนวนมากยิ่งขึ้นที่หลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง หลังจากสหรัฐกับอังกฤษดำเนินการโจมตีทางอากาศและทางทะเลต่อกลุ่มฮูตีในเยเมนในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อตอบโต้ต่อการที่กลุ่มฮูตีโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง โดยบริษัทสเตนา บัลค์, บริษัทฮาฟเนีย และบริษัททอร์ม ซึ่งเป็นสามบริษัทเรือขนส่งน้ำมันประกาศว่า ทางบริษ้ทได้ตัดสินใจระงับเรือทุกลำไม่ให้แล่นไปสู่ทะเลแดง ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐดิ่งลงมาแล้วเกือบ 3% นับตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ถึงแม้ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 16% ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐก็ปิดตลาดปี 2023 ด้วยการดิ่งลง 4.8% จากปี 2022 และส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ของสหรัฐที่ดิ่งลงมากเป็นอันดับสองในปี 2023 โดยรองจากดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในสหรัฐในปี 2023 ทางด้านดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 24% ในปี 2023
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงปรับตัวอย่างอ่อนแอในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารและดัชนีหุ้นบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจเหมือนกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำ ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กดดันหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐคือการดิ่งลงอย่างรุนแรงของราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐรูดลงมาแล้วกว่า 20% นับตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. และอยู่ที่ระดับ 72.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากปริมาณอุปทานน้ำมันที่ระดับสูง โดยเฉพาะในสหรัฐ และจากความกังวลเรื่องอุปสงค์ที่อ่อนแอในจีนและยุโรป
นักยุทธศาสตร์การลงทุนของสถาบันการลงทุนเวลส์ ฟาร์โก (WFII) ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มพลังงานในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับขึ้นจาก "neutral" สู่ "favorable" และให้เหตุผลว่า "ราคาน้ำมันจะดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวัฏจักรพร้อมกับเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และหลังจากนั้นราคาน้ำมันก็จะปิดตลาดสิ้นปีนี้ในแดนบวก" ทั้งนี้ ราคาน้ำมันในระยะใกล้อาจจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจากมาตรการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ด้วย ถ้าหากกลุ่มโอเปกตัดสินใจดำเนินมาตรการใด ๆ ก็ตามในอนาคต
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่งพุ่งขึ้น 1.3% ในวันศุกร์ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.พ.ปรับขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 72.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 75.25 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ ในขณะที่มีเรือขนส่งน้ำมันจำนวนมากยิ่งขึ้นที่หลีกเลี่ยงเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานอาจจะได้รับผลกระทบจากฤดูการรายงานผลประกอบการด้วย ในขณะที่บริษัท SLB ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการน้ำมันของสหรัฐที่มีชื่อเดิมว่าบริษัทชลัมเบอร์เกอร์ มีกำหนดจะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ส่วนบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์กับบริษัทมาราธอน ปิโตรเลียมของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการในช่วงต่อไปในเดือนนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในกลุ่มพลังงานของสหรัฐอาจดิ่งลงเกือบ 26% ในปี 2023 ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานครองตำแหน่งกลุ่มที่มีผลกำไรดิ่งลงมากที่สุดในสหรัฐในปีที่แล้ว แต่มีแนวโน้มว่าบริษัทกลุ่มพลังงานอาจจะมีผลกำไรปรับขึ้น 1.6% ในปี 2024 ในขณะที่บริษัทโดยรวมในดัชนี S&P 500 อาจจะมีผลกำไรพุ่งขึ้น 11.1% ในปี 2024 ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของ WFII ระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานมีมูลค่าถูกมากในตอนนี้ โดยค่าพีอีเรโชของหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ที่ระดับราว 10 เท่าของผลกำไร ในขณะที่ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 22 เท่าของผลกำไร--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดทำการในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.เนื่องในวันเมโมเรียล เดย์ของสหรัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวกท่ามกลางภาวะซื้อขายผันผวน เนื่องจากตลาดได้พิจารณาข้อตกลงเพดานหนี้ชั่วคราวของสหรัฐ ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ กับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งอาจจะจำกัดความต้องการใช้พลังงาน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดบวก 0.12 ดอลลาร์ มาที่ 77.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดกำลังปรับตัวรับโอกาส 50-50 ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมในวันที่ 13-14 มิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโอกาส 8.3% เมื่อเดือนที่แล้ว
นายโทนี่ ไซคามอร์ นักวิเคราะห์จากไอจีกล่าวว่า "อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของสหรัฐเป็นอุปสรรคขวางความต้องการใช้น้ำมัน"
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรที่มีรัสเซียด้วย หรือโอเปก+ จะประชุมกันในวันที่ 4 มิ.ย.นี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 2% ในวันศุกร์ แต่ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากประเทศต่างๆได้ประกาศแผนการระบายสต็อกน้ำมันดิบจากคลังสำรองยุทธศาสตร์
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดพุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ มาที่ 98.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดพุ่งขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 2.19% มาที่ 102.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงรวม 1% และราคน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 1.5%
ประเทศสมาชิกของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายสต็อกน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยสหรัฐจะระบาย 60 ล้านบาร์เรลตามแผนการระบายสต็อก 180 ล้านบาร์เรลที่ประกาศออกไปในเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์จากเอเอ็นแซดระบุว่า การระบายสต็อกน้ำมันอาจยับยั้งผู้ผลิต ซึ่งรวมถึงกลุ่มโอเปก และผู้ผลิตน้ำมันจากหินน้ำมันของสหรัฐจากการเร่งเพิ่มการผลิต แม้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลก็ตาม
นายสตีเฟน เบรนน็อค นักวิเคราะห์จากพีวีเอ็มกล่าวว่า ยังคงมีความไม่แน่ใจว่า สต็อกน้ำมันจากการระบายสต็อกฉุกเฉินจะจัดการกับการขาดแคลนน้ำมันดิบของรัสเซียได้หรือไม่--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ราคาน้ำมันปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นมากในช่วงแรกจากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาขัดข้องด้านอุปทานน้ำมันโลกที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.2% มาที่ 97.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 101.99 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดร่วงลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.3% มาที่ 95.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว การบุกยูเครนของรัสเซียทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะ 104 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะลดช่วงบวกลงก่อนปิดตลาด
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐกำลังทำงานร่วมกับประเทศอื่นเพื่อระบายสต็อกน้ำมันเพิ่มเติมจากคลังสำรองน้ำมันดิบเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นิวยอร์ค--16 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันจันทร์ แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง ในขณะที่นักลงทุนตั้งข้อสงสัยว่า อุปทานน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขึ้นหรือไม่ และอุปสงค์น้ำมันจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการหรือไม่ โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงการพุ่งขึ้นของต้นทุนพลังงาน, การแข็งค่าของดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 95.530 ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยปรับขึ้นจาก 95.071 ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 95.595 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 16 เดือน โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% มาปิดตลาดที่ 80.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนร่วงลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% มาปิดตลาดที่ 82.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายจอห์น คิลดัฟ หุ้นส่วนของบริษัทอะเกน แคปิตัลกล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันในช่วงแรกจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะดำเนินมาตรการสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยใช้วิธีระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่แน่ใจในการคาดการณ์ดังกล่าว และปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบสหรัฐให้ปรับขึ้นในเวลาต่อมา โดยนายคิลดัฟกล่าวเสริมว่า "ตลาดดูเหมือนจะคาดการณ์มากเกินไปในช่วงก่อนหน้านี้ในเรื่องนี้ที่ว่า จะมีการระบายน้ำมันออกจาก SPR"
บริษัทไรสตัด เอ็นเนอร์จีคาดว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันหินเชลในสหรัฐอาจพุ่งขึ้นสู่ 8.68 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเท่ากับระดับในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งชี้ว่า อุปสงค์น้ำมันอาจจะชะลอตัวลง โดยได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและการพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทั้งนี้ นางหลุยส์ ดิคสัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทไรสตัดกล่าวว่า "นักลงทุนลดความกังวลที่มีต่อภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในช่วงนี้ โดยคาดว่าอุปทานอาจตึงตัวเพียงเวลาสั้น ๆ" และเธอกล่าวเสริมว่า "เทรดเดอร์หันมามุ่งความสนใจไปยังปัจจัยลบ 2 ประการ ซึ่งได้แก่ความเป็นไปได้ที่การผลิตน้ำมันจะเพิ่มขึ้น และการพุ่งขึ้นของยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19"
นายซูเฮล อัล-มาซรูอี รมว.พลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กล่าวว่า สัญญาณหลายอันบ่งชี้ว่าจะเกิดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ในขณะที่นายเคร็ก เออร์แลม นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท OANDA กล่าวว่า "มีความเป็นไปได้น้อยมากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะเร่งความเร็วในการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน โดยเฉพาะถ้าหากทางกลุ่มคาดการณ์ว่า ตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022" ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกเพิ่งปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกประจำไตรมาส 4 ลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับลดลง 330,000 บาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค. โดยให้เหตุผลว่าราคาพลังงานที่ระดับสูงเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--2 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และนักลงทุนคาดว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันอย่างรวดเร็วจนเกินไป โดยปัจจัยบวกเหล่านี้ช่วยให้ราคาน้ำมันดีดกลับขึ้นมาได้ หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงในช่วงแรกเมื่อมีข่าวว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลกตัดสินใจระบายเชื้อเพลิงออกจากคลังสำรอง ทั้งนี้ สำนักงานคลังสำรองอาหารและยุทธภัณฑ์แห่งชาติของจีนระบุในวันอาทิตย์ว่า จีนได้ระบายน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในคลังสำรองออกมาเพื่อช่วยเพิ่มอุปทานเชื้อเพลิงในตลาด และเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในบางภูมิภาค
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดตลาดที่ 84.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 82.74 ดอลลาร์ในช่วงแรก ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.18% มาปิดตลาดที่ 84.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 83.03 ดอลลาร์ในช่วงแรก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนใกล้เพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันที่ 25 ต.ค. โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในสัปดาห์ที่แล้วจากการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันหลังผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาด และจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสยังคงปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพียงเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไป
โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 80 ดอลลาร์ในช่วงปลายปี โดยได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันที่ตึงตัว และจากการพุ่งขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ เพราะปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าหันไปใช้น้ำมันดิบแทนก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 78.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสสี่ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80.92 ดอลลาร์ในไตรมาสสี่
รอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจในวันจันทร์ระบุว่า กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบเพียง 27.50 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. โดยปรับขึ้นเพียง 190,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าปริมาณการปรับเพิ่มการผลิตที่ 254,000 บาร์เรลต่อวันตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงกับชาติพันธมิตร โดยการผลิตน้ำมันต่ำกว่าข้อตกลงนี้เป็นผลมาจากการที่บางประเทศในกลุ่มโอเปกประสบเหตุขัดข้องทางการผลิตน้ำมัน ถึงแม้ซาอุดิอาระเบียและอิรักปรับเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นจากเดิม ทั้งนี้ ไนจีเรียปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลง 70,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ในขณะที่บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ในไนจีเรียประกาศภาวะเหตุสุดวิสัยต่อการขนถ่ายน้ำมันดิบบอนนี ไลท์ หลังจากมีการปิดท่อส่งน้ำมัน ส่วนลิเบียปรับลดการผลิตเนื่องจากเกิดเหตุท่อส่งน้ำมันรั่วไหล ทางด้านสาธารณรัฐคองโก, กินีศูนย์สูตร และกาบองปรับลดการผลิตหรือคงปริมาณการผลิตไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากทั้งสามประเทศนี้ขาดความสามารถในการปรับเพิ่มการผลิต
นักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพียงเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไปในการประชุมวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่คูเวตและอิรักประกาศสนับสนุนเรื่องนี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยระบุว่าการปรับเพิ่มในระดับ 400,000 บาร์เรลต่อวันถือเป็นระดับที่มากพอแล้ว ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ประเทศผู้ผลิตพลังงานในกลุ่มจี-20 ที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน ควรจะปรับเพิ่มการผลิตพลังงานให้สูงขึ้นเพื่อจะได้ช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยถ้อยแถลงของเขาถือเป็นการกดดันกลุ่มโอเปกพลัสให้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--1 พ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดปรับขึ้นในวันศุกร์หลังจากร่วงลงในช่วงแรก โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรจะคงปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ตามแผนเดิมต่อไป ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมกันในวันที่ 4 พ.ย. ในขณะที่แอลจีเรียระบุในวันพฤหัสบดีที่ 28 ต.ค.ว่า กลุ่มโอเปกพลัสไม่ควรจะปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอัตราที่สูงกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. เพราะว่าตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และความไม่แน่นอน
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 83.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 85.41 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 6 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 84.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ หลังจากเพิ่งทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 3 ปีที่ 86.70 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 11 เซนต์ จากระดับ 83.76 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.15 ดอลลาร์จากระดับ 85.53 ดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบราว 2 เดือนสำหรับเบรนท์
นายจอห์น คิลดัฟ หุ้นส่วนของบริษัทอะเกน แคปิตัลกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าอิหร่านอาจจะส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต กลุ่มโอเปกพลัสก็ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันในอัตราที่สูงกว่าเดิม และปัจจัยนี้ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันในวันศุกร์" ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. นอกจากนี้ อิหร่านก็ระบุว่า การเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติมหาอำนาจเพื่อฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นเดือนพ.ย. และสิ่งนี้อาจจะเปิดโอกาสให้อิหร่านส่งออกน้ำมันได้มากยิ่งขึ้นในอนาคต
บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์สรายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐปรับขึ้น 2 แท่น สู่ 544 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซก็พุ่งขึ้นรวมกัน 23 แท่นสำหรับช่วงตลอดทั้งเดือนต.ค.ด้วย ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นรายเดือนเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 7 ปีในวันที่ 25 ต.ค. ทั้งนี้ บริษัทเอ็กซอนและบริษัทเชฟรอนระบุในวันศุกร์ว่า ทั้งสองบริษัทเตรียมที่จะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในแอ่งเพอร์เมียน หลังจากที่เคยปรับลดจำนวนคนงานและปริมาณการผลิตน้ำมันในแอ่งดังกล่าวในปีที่แล้ว โดยเชฟรอนจะปรับเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะขึ้น 2 แท่นในไตรมาสนี้
ราคาก๊าซธรรมชาติในอังกฤษและยุโรปยังคงดิ่งลงต่อไปในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียอาจจะเริ่มต้นจัดส่งก๊าซธรรมชาติเข้าสู่คลังเก็บในยุโรป--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน