ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
กรุงเทพฯ--29 พ.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันอังคารหลังจากร่วงลงในช่วงแรก ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นจาก 4.473% ในช่วงท้ายวันศุกร์ สู่ 4.548% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์ หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดประมูลขายพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 2 ปีและ 5 ปี และพบกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ ทั้งนี้ สำนักงาน Conference Board ของสหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 97.5 ในเดือนเม.ย. สู่ 102.0 ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลงมานาน 3 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะ 12 เดือนข้างหน้าของผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นจาก 5.3% ในเดือนเม.ย. สู่ 5.4% ในเดือนพ.ค. และครัวเรือนหลายแห่งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยความกังวลที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ต่อไปเป็นเวลานานถือเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.66 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.56 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 104.33 ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 157.16 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 156.86 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0855 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0858 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดประมูลขายพันธบัตรรัฐบาล และพบกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ แต่ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้นเล็กน้อย และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้นในวันอังคาร และสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับ 17,000 ได้เป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียที่พุ่งขึ้น 7% โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นเอ็นวิเดียมีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มผู้ผลิตชิปทะยานขึ้นด้วย และปัจจัยนี้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐปิดพุ่งขึ้น 1.9% ในวันอังคาร ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในวันอังคาร ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันอังคารคือดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์และดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิลขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร ในขณะที่มีรายงานระบุว่ายอดขายโทรศัพท์ไอโฟนของแอปเปิลในจีนพุ่งขึ้น 52% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านนักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกหลายแห่งในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทดอลลาร์ เจเนอรัล, แอดวานซ์ ออโต พาร์ทส์ และเบสท์ บาย Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.55% สู่ 38,852.86
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.02% สู่ 5,306.04
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.59% สู่ 17,019.88
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะประกาศต่ออายุมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในอัตรา 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือนในการประชุมออนไลน์ในวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย. นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเริ่มต้นของช่วงฤดูร้อนของสหรัฐ ซึ่งเป็นฤดูที่มีการใช้ยวดยานพาหนะสูง และได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคารด้วย ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขการเดินทางทางอากาศด้วย ในขณะที่บริษัท OAG รายงานว่า จำนวนที่นั่งในเที่่ยวบินภายในประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 5% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และทะยานขึ้นเกือบ 6% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 90 ล้านที่นั่งเล็กน้อย Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ค.ทะยานขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 2.7% มาปิดตลาดที่ 79.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.4% มาปิดตลาดที่ 84.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 10.21 ดอลลาร์ สู่ 2,360.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยในตอนนี้เทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสราว 63% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนสิ้นเดือนพ.ย. ทั้งนี้ สภาทองคำโลก (WGC) รายงานว่า กองทุน ETF ทองทั่วโลกปรับลดการถือครองทองลงสุทธิ 11.3 ตันในสัปดาห์ที่แล้ว Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่แข็งค่าในวันนี้ โดยวอนและดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่ามากที่สุด ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลก
นักลงทุนจะจับตาข้อมูลดัชนีการใช้จ่ายการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้เห็นแนวคิดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อยู่ในจุดที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ และจนถึงขณะนี้ ธนาคารกลางส่วนใหญ่ของเอเชียได้คงจุดยืนที่ระมัดระวัง โดยรอให้เฟดลดดอกเบี้ยก่อน และคิดว่าดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
เทรดเดอร์กำลังปรับตัวรับโอกาส 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ โดยตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.33% ในปีนี้
นายแกรี่ อึ้ง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากนาติซิสกล่าวว่า "ถ้าสหรัฐอาจจะไม่ดำเนินการในเร็วๆนี้ ยุโรปก็อาจจะดำเนินการก่อน ผมคิดว่า สำหรับธนาคารกลางหลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย การไหลออกของเงินทุนสามารถเป็นปัญหาได้ ถ้าส่วนต่างผลตอบแทนยังคงกว้างอยู่"
นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์สกล่าวว่า "เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง การฟื้นตัวของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ก็อาจจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ธนาคารกลางในภูมิภาคนี้อาจจะรอดูไปก่อน ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เปลี่ยนแปลงต่อไป"
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.55 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
+0.19 |
-9.98 |
China |
CNY=CFXS |
-0.02 |
-2.03 |
India |
INR=IN |
-0.02 |
+0.11 |
Indonesia |
IDR= |
-0.40 |
-4.11 |
Malaysia |
MYR= |
+0.15 |
-2.40 |
Philippines |
PHP= |
+0.17 |
-4.63 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
+0.30 |
-5.67 |
Singapore |
SGD= |
+0.01 |
-2.24 |
Taiwan |
TWD=TP |
+0.24 |
-4.50 |
Thailand |
THB=TH |
+0.10 |
-6.65 |
Eikon source text
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนประเมินจังหวะเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบาย หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และรายงานประชุมนโยบายของเฟด
ริงกิตอ่อนค่า 0.3% และบาทอ่อนค่า 0.3%
กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐขยายตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนพ.ค. และผู้ผลิตรายงานว่าราคาผลผลิตพุ่งขึ้นมาก ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของเอเชีย ขณะที่ตลาดคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นนานขึ้น
ฟรานเซส เฉิง นักกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยจากโอซีบีซีกล่าวว่า "สิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยดอลลาร์เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความเชื่อมั่นในตลาดเอเชีย ตราบใดที่ความเสี่ยงที่เฟดจะปรับเปลี่ยนกลับไปสู่การคุมเข้มนั้นอยู่ในระดับต่ำ ตลาดเอเชียก็น่าจะสามารถพุ่งความสนใจไปที่ปัจจัยภายในประเทศ และปัจจัยเฉพาะตัว ดูเหมือนความเชื่อมั่นโดยรวมจะเป็นเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า การคุมเข้มนโยบายที่เข้มงวดที่สุดของเฟดผ่านไปแล้ว"
เธอกล่าวอีกว่า "ธนาคารกลางเอเชียส่วนใหญ่น่าจะสามารถพุ่งความสนใจไปที่ปัจจัยภายในประเทศเป็นหลักได้ เมื่อพวกเขาตัดสินใจโยบายการเงิน ขณะที่ค่าเงินจะมีความสำคัญ ถ้าหากมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อจากการนำเข้า"
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.47 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY |
FX RIC |
FX DAILY % |
FX YTD % |
Japan |
JPY= |
-0.10 |
-10.20 |
China |
CNY=CFXS |
-0.04 |
-2.04 |
India |
INR=IN |
+0.08 |
-0.00 |
Indonesia |
IDR= |
- |
-3.72 |
Malaysia |
MYR= |
-0.30 |
-2.67 |
Philippines |
PHP= |
-0.03 |
-4.78 |
S.Korea |
KRW=KFTC |
-0.64 |
-6.07 |
Singapore |
SGD= |
-0.05 |
-2.44 |
Taiwan |
TWD=TP |
-0.03 |
-4.72 |
Thailand |
THB=TH |
-0.30 |
-6.97 |
Eikon source text
23 พ.ค.--รอยเตอร์
หุ้นบริษัทเอ็นวิเดียปิดปรับลง 0.46% สู่ 949.50 ดอลลาร์ในวันพุธ ก่อนที่เอ็นวิเดียจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นปิดทำการในวันพุธ โดยเอ็นวิเดียคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเอ็นวิเดียกับหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปแห่งอื่น ๆ ให้พุ่งขึ้นหลังจากตลาดปิดทำการ ทั้งนี้ หุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 5.9% สู่ 1,005 ดอลลาร์หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการ โดยสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,000 ดอลลาร์ได้สำเร็จ และมีมูลค่าในตลาดเพิ่มขึ้นราว 1.40 แสนล้านดอลลาร์ ทางด้านนักลงทุนคาดว่า ผลประกอบการของเอ็นวิเดียอาจจะช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐให้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก
หุ้นเอ็นวิเดียซึ่งถือเป็นบริษัทสำคัญในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีราคาทะยานขึ้นมาแล้ว 90% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่เอ็นวิเดียประกาศในวันพุธว่าจะแตกหุ้นในอัตรา 10 ต่อ 1 ซึ่งจะมีผลในวันที่ 7 มิ.ย. และเอ็นวิเดียยังระบุอีกด้วยว่า ทางบริษัทจะปรับเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสขึ้น 150% สู่ 1 เซนต์ต่อหุ้นหลังการแตกหุ้น ทั้งนี้ หลังจากเอ็นวิเดียเปิดเผยผลประกอบการในวันพุธ หุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิป AI แห่งอื่น ๆ ก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) พุ่งขึ้นราว 2% และหุ้นบริษัทบรอดคอมทะยานขึ้นราว 2% หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการ
บริษัทแอลฟาเบท, บริษัทไมโครซอฟท์, บริษัทอะเมซอนดอทคอม และบริษัทเทคโนโลยีแห่งอื่น ๆ ได้แข่งขันกันในการครอบครองอุปทานชิปขั้นสูงของเอ็นวิเดียที่มีปริมาณจำกัดในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทเหล่านี้ต้องการจะเป็นผู้นำในด้าน AI ทั้งนี้ นายเจนเสน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดียกล่าวในการประชุมกับนักวิเคราะห์ว่า เอ็นวิเดียจะเริ่มจัดส่งชิปแบล็คเวล AI ในไตรมาสปัจจุบัน และจะปรับเพิ่มการผลิตชิปนี้ในไตรมาสถัดไป ทางด้านโคเลทท์ เครส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเอ็นวิเดียกล่าวว่า อุปสงค์ในชิปแบล็คเวลอาจจะอยู่สูงกว่าอุปทานต่อไปจนถึงปีหน้า
บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาผลิตชิปให้เอ็นวิเดีย พยายามปรับเพิ่มกำลังความสามารถในการประกอบชิปเข้าด้วยกันในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน โดย TSMC เพิ่งแถลงในเดือนเม.ย.ว่า TSMC คาดว่าจะมีกำลังความสามารถด้านนี้เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปีนี้ ทั้งนี้ เอ็นวิเดียคาดว่า เอ็นวิเดียจะมีรายได้ไตรมาสสองราว 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.666 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางด้านรายได้ไตรมาสแรกของเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 262% เมื่อเทียบรายปี สู่ 2.604 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.465 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้สุทธิของเอ็นวิเดียทะยานขึ้น 628% สู่ 1.488 หมื่นล้านดอลลาร์
รายได้ส่วนใหญ่ของเอ็นวิเดียมาจากแผนกศูนย์ข้อมูล โดยรายได้ในแผนกนี้พุ่งขึ้น 427% สู่ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีงบดุลบัญชี ซึ่งสิ้นสุดไตรมาสในวันที่ 28 เม.ย. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.1320 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เอ็นวิเดียมีผลกำไรต่อหุ้นในส่วนที่ไม่รวมรายการต่าง ๆ ราว 6.12 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.59 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 78.9% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 77% และสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ AMD ที่ 52% ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ เอ็นวิเดียยังคาดการณ์อีกด้วยว่า อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาสสองจะอยู่ที่ 75.5% ส่วนนักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 75.8%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญในวันศุกร์ ขณะที่ตลาดยังคงคาดการณ์เกี่ยวกับจังหวะเวลาในการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ท่ามกลางสัญญาณเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่แต่ก็ชะลอตัวลง และเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของสหรัฐ โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่า ซึ่งทำให้มีแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้น แต่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนก็ออกมาแสดงความเห็นเชิงระมัดระวังเกี่ยวกับช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยอาจลดลง ซึ่งจำกัดการร่วงลงของดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.480 ในวันศุกร์ เทียบกับระดับ 104.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากที่แข็งค่าราว 0.3% ในช่วงแรก
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับ 155.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0870 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.0865 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดสูงกว่าระดับ 40,000 เป็นครั้งแรกในวันศุกร์ ขณะที่ดัชนีหุ้นอื่นๆพุ่งขึ้นเทียบรายสัปดาห์เช่นกัน เนื่องจากข้อมูลสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเครื่องมือเฟดวอทช์ของซีเอ็มอีพบว่า เทรดเดอร์มองเห็นโอกาส 68% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย.นี้ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.34% สู่ 40,003.59 และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันแล้ว
ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.12% สู่ 5,303.27 และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 0.07% สู่ 16,685.97 แต่ก็ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดพุ่งขึ้นราว 1% ในวันศุกร์ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากดัชนีบ่งชี้ทางเศรษฐกิจจากจีนและสหรัฐหนุนความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนเม.ย. ขณะที่ภาคการผลิตฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์ที่อาจจะแข็งแกร่งขึ้น และจีนยังประกาศมาตรการสำคัญเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย นอกจากนี้ การลดลงของสต็อกน้ำมัน และผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ศูนย์กลางการซื้อขายโลกได้สร้างความหวังเกี่ยวกับอุปสงค์ด้วย Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.บวก 0.83 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 80.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนบวก 0.71 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 83.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของจีน และพุ่งขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน และพุ่งขึ้นในวันศุกร์จากความหวังที่เกิดขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐบวก 1.5% มาที่ 2,412.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเคลื่อนตัวใกล้ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 2,431.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ขณะที่เทรดเดอร์คาดว่า จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% สองครั้งจากเฟดในปีนี้ โดยเดือนพ.ย.เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้มากที่สุด Eikon source text
--จบ--
กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ราคานำเข้าสหรัฐพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หลังจากราคานำเข้าปรับขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. และตัวเลขเดือนเม.ย.อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ +0.3% โดยตัวเลขราคานำเข้านี้ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงต้องดำเนินมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อต่อไป และเฟดอาจจะต้องเลื่อนเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยครั้งสุดท้ายที่ราคานำเข้าเคยปรับลดลงแบบเทียบรายเดือนเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. 2023 ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีอีกด้วยว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 10,000 ราย สู่ 222,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค. แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และการดิ่งลงของตัวเลขในครั้งนี้ก็บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.20 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดัชนีดอลลาร์เพิ่งดิ่งลง 0.75% ในวันพุธ
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.38 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 154.87 เยน หลังจากดอลลาร์/เยนเพิ่งดิ่งลง 1% ในวันพุธ และดอลลาร์ได้รูดลงแตะ 153.57 เยนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดีด้วย อย่างไรก็ดี ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้นมาแล้วราว 9.5% จากช่วงต้นปีนี้
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0865 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0882 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนที่ 1.0895 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนยังคงปรับการคาดการณ์ที่มีต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ และคาดว่ามีโอกาส 70% ที่เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ทางด้านนายโธมัส เฮย์ส ประธานกรรมการบริษัทเกรท ฮิลล์ แคปิตัลกล่าวว่า "ตลาดหุ้นเพิ่งพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในวันพุธ และนักลงทุนก็พิจารณาค่าพีอีเรโช และก็พบว่าค่าพีอีเรโชยังคงอยู่ที่ระดับ 21 หรือ 22 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรล่วงหน้า ถึงแม้ผลกำไรของภาคเอกชนสหรัฐอาจจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้ปรับตัวรับข่าวดีไปมากแล้วด้วย" ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนลบ โดยมีเพียงแค่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นที่ปิดตลาดในแดนบวก ทางด้านหุ้นบริษัทวอลมาร์ทซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่พุ่งขึ้น 7% หลังจากวอลมาร์ทปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและผลกำไรประจำปีงบดุลบัญชี 2025 เนื่องจากวอลมาร์ทคาดว่า การชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อจะช่วยหนุนอุปสงค์ในสินค้าจำเป็น อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทเดียร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรดิ่งลง 4.8% หลังจากเดียร์ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรประจำปีลงเป็นครั้งที่สอง Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.10% สู่ 39,869.38 ในวันพฤหัสบดี หลังจากดัชนีพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่เหนือ 40,000 ได้เป็นครั้งแรกในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.21% สู่ 5,297.10
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.26% สู่ 16,698.32
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลง 10,000 ราย สู่ 222,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค. แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น และการดิ่งลงของตัวเลขในครั้งนี้ก็บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และปัจจัยดังกล่าวอาจจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและอุปสงค์น้ำมันด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ อุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐยังคงอยู่ต่ำกว่า 9 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งต่ำกว่าระดับอุปสงค์ตามปกติในช่วงก่อนถึงฤดูร้อน ในขณะที่ฤดูร้อนในสหรัฐกำลังจะเริ่มต้นในช่วงสุดสัปดาห์วันเมโมเรียล เดย์ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.ในปีนี้ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 79.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดตลาดที่ 83.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันพฤหัสบดี หลังจากเบรนท์เพิ่งดิ่งลงแตะ 81.05 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของราคาสัญญาเดือนใกล้นับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.เป็นต้นมา
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 9.60 ดอลลาร์ สู่ 2,376.44 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 2,397.32 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยราคาทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ดี ราคาทองได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐชะลอตัวลง และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ ทั้งนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า ข่าวดีเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ ยังไม่ใช่ปัจจัยที่มากพอที่จะทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในเร็ว ๆ นี้ ทางด้านบริษัท BMI ที่อยู่ในเครือบริษัทฟิทช์ โซลูชันส์ระบุว่า "ราคาทองได้รับแรงหนุนในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, จากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และเราก็คาดว่า ราคาทองจะยังคงเคลื่อนตัวอยู่เหนือ 2,250 ดอลลาร์ได้ต่อไปในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญในวันพุธ หลังจากสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% มานาน 3 เดือนติดต่อกัน ในขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และชะลอตัวลงจาก +3.8% ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ รายงานนี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกลับมามีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกครั้งในไตรมาสสอง และปัจจัยนี้ช่วยกระตุ้นความคาดหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยในตอนนี้เทรดเดอร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.51% ในปี 2024 Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.20 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยดิ่งลงจาก 105.05 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยระดับ 104.20 นี้ถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.87 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยรูดลง 0.99% จากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 156.42 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0882 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0818 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
ดัชนีสำคัญทั้ง 3 ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ได้ในวันพุธ หลังจากสหรัฐรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนเม.ย. และรายงานตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนตั้งความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันพุธคือดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้น 2.3% และดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ทะยานขึ้น 1.7% เนื่องจากหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้มักได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ส่วนหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวอ่อนแอที่สุดในวันพุธคือหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ปิดทรงตัวในวันพุธ ทางด้านหุ้นที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ในวันพุธคือหุ้นบริษัทซูเปอร์ ไมโคร คอมพิวเตอร์ อิงค์ ที่ทะยานขึ้น 15.8% เนื่องจากหุ้นบริษัทนี้ได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมในปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ก็พุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 3.6%, หุ้นไมโครซอฟท์ทะยานขึ้น 1.7% และหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.2% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.88% สู่ 39,908.00 ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ และสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในวันที่ 28 มี.ค.
ดัชนี S&P 500 ปิดพุ่งขึ้น 1.17% สู่ 5,308.15 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ และสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในวันที่ 28 มี.ค.
ดัชนี Nasdaq ปิดทะยานขึ้น 1.40% สู่ 16,742.39 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำเกินคาดในสหรัฐ เพราะตัวเลขดังกล่าวช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและต่ออุปสงค์น้ำมัน ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ในวันพุธ และการดิ่งลงของดอลลาร์ก็ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันรูดลงในช่วงแรก โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันประจำปี 2024 ลงในวันพุธ ซึ่งยิ่งส่งผลให้ตัวเลขคาดการณ์ของ IEA กับตัวเลขคาดการณ์ของกลุ่มโอเปกพลัสมีความแตกต่างจากกันมากยิ่งขึ้น โดย IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมราว 140,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเป็นผลจากอุปสงค์น้ำมันที่ระดับต่ำในประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในวันพุธจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐรูดลง 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ 457 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 พ.ค. ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจปรับลดลงเพียง 543,000 บาร์เรล โดยการดิ่งลงนี้เป็นเพราะว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 1.9% สู่ 90.4% นอกจากนี้ EIA ยังรายงานอีกด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐลดลง 235,000 บาร์เรล สู่ 227.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil ลดลง 45,000 บาร์เรล สู่ 116.4 ล้านบาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับขึ้น 61 เซนต์ หรือ 0.8% มาปิดตลาดที่ 78.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะ 76.70 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% มาปิดตลาดที่ 82.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดิ่งลงแตะ 81.05 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน ทางด้านค่าพรีเมียมของน้ำมันดิบเบรนท์เหนือน้ำมันดิบสหรัฐได้ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. โดยค่าพรีเมียมที่หดแคบลงส่งผลให้การส่งออกน้ำมันจากสหรัฐทำผลกำไรได้น้อยลง
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 28.07 ดอลลาร์ หรือ 1.19% สู่ 2,386.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 2,390.16 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของดอลลาร์ และจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้นน้อยเกินคาดในเดือนเม.ย. และปัจจัยดังกล่าวช่วยเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.445% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.356% ในช่วงท้ายวันพุธ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน