ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ซีอีโอยุโรปส่วนใหญ่เชื่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและจีนจะย่ำแย่ลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่กลยุทธ์การลดความเสี่ยงของสหภาพยุโรป และความสัมพันธ์ใกล้ชิดของจีนกับรัสเซียถูกระบุว่าเป็นประเด็นความขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ ฟอรัม European Round Table for Industry ซึ่งประกอบด้วยซีอีโอ และประธานบริษัทขนาดใหญ่ของยุโรป อาทิ เอเอสเอ็มแอล และยูนิลีเวอร์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 54% เชื่อว่า ความสัมพันธ์อียู-จีนจะย่ำแย่ลง โดยมีเพียง 7% ที่คาดว่าจะดีขึ้น
ในผลสำรวจฉบับนี้ ซีอีโอของบริษัทข้ามชาติของตะวันตกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในจีนมีมุมมองแง่บวกดีกว่าซีอีโอในยุโรป ขณะที่ผู้ที่คาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนั้นมีจำนวนมากกว่าผู้ที่คาดว่าความสัมพันธ์ย่ำแย่ลง แต่ทั้งสองกลุ่มมองว่า การลดความเสี่ยง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของอียูที่ลดการพึ่งพาจีนโดยเฉพาะในด้านแร่ธาตุและเทคโนโลยีที่สำคัญ เป็นประเด็นขัดแย้งที่สำคัญที่สุด
ซีอีโอ โดยเฉพาะผู้ที่ประจำอยู่ในจีน ยังมองว่า การเป็นพันธมิตร "ยุคใหม่" ของจีนและรัสเซียเป็นความเสี่ยงสำคัญ ขณะที่ความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐ และกำลังการผลิตมากเกินไปทางอุตสาหกรรมของจีนถูกมองว่าเป็นประเด็นความขัดแย้งในอนาคตที่สำคัญอื่นๆสำหรับความสัมพันธ์อียู-จีน
ผลสำรวจยังพบว่า ซีอีโอและประธานในยุโรปมีมุมมองเชิงบวกโดยรวมมากกว่าช่วงเวลาใดๆนับตั้งแต่ปลายปี 2021 แต่มุมบวกที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มนอกยุโรป แทนที่จะเป็นภายในยุโรป
ซีอีโอเชื่อว่า ความเป็นผู้นำใหม่ของอียูที่เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปในวันที่ 6-9 มิ.ย.นี้จะมีผลเชิงบวกมากที่สุดสำหรับแนวโน้มทางเศรษฐกิจของยุโรปเพราะจะทำให้กฎระเบียบต่างๆง่ายขึ้น และทำให้ตลาดเดียวของอียูสมบูรณ์--จบ--
Eikon source text
มิลาน--23 พ.ค.--รอยเตอร์
รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักยุทธศาสตร์การลงทุนและผู้จัดการกองทุนในวันที่ 13-22 พ.ค. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันพุธ โดยผลสำรวจคาดว่า การที่ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงต้นปีนี้จะส่งผลให้ตลาดเผชิญความเสี่ยงในการย่อตัวลงในช่วงต่อไปในปีนี้ อย่างไรก็ดี โพลล์คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นยุโรปจะพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในยุโรป และจากวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรปที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี STOXX 600 สำหรับหุ้นทั่วยุโรป ซึ่งครอบคลุมหุ้นบริษัทขนาดยักษ์อย่างเช่น บริษัทโนโว นอร์ดิสก์ ที่เป็นผู้ผลิตยาของเดนมาร์ก และบริษัท ASML ในกลุ่มเทคโนโลยีของเนเธอร์แลนด์ อาจจะปิดตลาดสิ้นปีนี้ที่ 513 ซึ่งเท่ากับว่าดัชนีอาจจะร่วงลง 1.9% จากระดับปิดวันอังคาร แต่ดัชนีอาจจะพุ่งขึ้นสู่ 537 ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. 2025 และอาจจะทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 556 ในช่วงสิ้นปี 2025 ส่วนสถิติสูงสุดในปัจจุบันอยู่ที่ 525.33 ซึ่งทำไว้ในวันที่ 16 พ.ค.
โพลล์คาดว่า ดัชนี Euro STOXX 50 สำหรับหุ้นกลุ่มบลูชิพของยูโรโซน ซึ่งอยู่ที่ 5,049 ในวันนี้ อาจจะทรงตัวในช่วงต่อไปในปีนี้ ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่ 5,400 ก่อนสิ้นปี 2025 และเข้าใกล้สถิติสูงสุดที่ 5,522 ที่เคยทำไว้ในเดือนมี.ค.ปี 2000 ทั้งนี้ นายมอซ อาฟซาล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนโลกของบริษัทอีเอฟจี แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นยุโรปอยู่ในภาวะแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก และมีความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นอาจจะยุติการพุ่งขึ้นในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ดี ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจอาจจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2025 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง, อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และนโยบายการเงินลดความเข้มงวดลง"
ผู้ตอบโพลล์ 8 จาก 11 ราย หรือ 73% ของโพลล์ระบุว่า ไม่มีแนวโน้มที่ตลาดหุ้นในประเทศของตนจะปรับฐานลงกว่า 10% ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ผู้ตอบโพลล์ที่เหลืออีก 27% คาดว่า ตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะปรับฐานลงกว่า 10% ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ทั้งหมดในโพลล์สำหรับดัชนี STOXX 600 อยู่ในระดับ 435-600 โดยนายเอ็มมานูเอล เกา นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า เขายังคงเพิ่มน้ำหนักการลงทุน "เชิงกลยุทธ์" ในยุโรป และเขากล่าวเสริมว่า "ยุโรปอาจจะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" อย่างไรก็ดี นายแอนเดรอัส บรุคเนอร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนหุ้นยุโรปของแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชคาดว่า ดัชนี STOXX 600 อาจจะดิ่งลงสู่ 450 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 หลังจากปรับฐานลงกว่า 10% โดยเป็นผลจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนี STOXX 600 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 9% จากช่วงต้นปี 2024 โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์, หุ้นกลุ่มธนาคาร, หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยหุ้นกลุ่มหลังนี้ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรป ทั้งนี้ ผู้ตอบโพลล์บางรายคาดว่า ตลาดหุ้นยุโรปจะรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้ดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ ถ้าหากเกิดการปรับฐาน เพราะว่าหุ้นยุโรปมีมูลค่าถูกกว่าหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นยุโรปมีความหลากหลายสูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ โดยค่าพีอีเรโชของหุ้นยุโรปในปัจจุบันนี้อยู่ต่ำกว่าค่าพีอีเรโชของหุ้นสหรัฐในดัชนี S&P 500 ราว 33.6%
โพลล์คาดว่า ดัชนี FTSE ของตลาดหุ้นอังกฤษอาจจะปรับลงราว 1.4% จากระดับปิดวันอังคาร สู่ 8,300 ภายในช่วงสิ้นปี 2024 ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 9,300 ก่อนสิ้นปี 2025 โดยอาจจะสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ 8,474.41 ที่ทำไว้ในวันที่ 15 พ.ค. ทั้งนี้ โพลล์คาดว่า ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีมีแนวโน้มอยู่ที่ 18,692 ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปัจจุบัน ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 20,250 ก่อนสิ้นปี 2025 โดยอาจจะสามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ 18,892.92 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 15 พ.ค. นอกจากนี้ โพลล์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า ดัชนี FTSE MIB ของตลาดหุ้นอิตาลี ซึ่งครอบคลุมหุ้นธนาคารจำนวนมาก มีแนวโน้มพุ่งขึ้นจาก 34,478 ในปัจจุบัน สู่ 36,498 ภายในช่วงสิ้นปี 2024 และอาจจะทะยานขึ้นต่อไปสู่ 38,606 ในปี 2025 ซึ่งจะถือเป็นการแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2007 เป็นต้นมา--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพุธ หลังจากแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนปรับสถานะการลงทุน และนักลงทุนรอดูตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐประจำไตรมาส 4/2023 ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และรอดูดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.ด้วย เพื่อมองหาสัญญาณบ่งชี้ว่า เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด โดยนักลงทุนคาดการณ์กันว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุมสิ้นเดือนม.ค. ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดการณ์ในวันพุธว่า มีโอกาสราว 40% ที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 47% ที่เคยคาดไว้ในช่วงเย็นวันอังคาร และปรับลดลงจากโอกาส 80% ที่เคยคาดไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคาดการณ์กันในวันพุธอีกด้วยว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 5 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 2024 Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.29 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจาก 103.50 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 103.82 ในวันอังคาร โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 1.7% จากช่วงต้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดที่ส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.50 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 148.36 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0883 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0851 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 1.0820 ดอลลาร์ในวันอังคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงในวันพุธ แต่ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq บวกขึ้นในวันพุธ ในขณะที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้น 10.7% สู่จุดสูงสุดรอบ 2 ปี หลังจากเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยว่ายอดสมาชิกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า เน็ตฟลิกซ์ได้รับชัยชนะในการแข่งขันกันระหว่างธุรกิจสตรีมมิง หลังจากเน็ตฟลิกซ์ออกมาตรการปราบปรามการแบ่งปันรหัสผ่าน และเน็ตฟลิกซ์มีเนื้อหาที่สามารถดึงดูดผู้ชม โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารของสหรัฐให้ทะยานขึ้น 1.2% และดัชนีหุ้นกลุ่มนี้ก็พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 ปีในวันพุธด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงหนุนจากรายงานของบริษัท ASML ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์ที่บ่งชี้ว่า อุปสงค์ชิปทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นด้วย โดยรายงานของ ASML มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 1.54% ในวันพุธ และดัชนีหุ้นกลุ่มนี้สามารถแตะสถิติสูงสุดใหม่ได้ในระหว่างวัน ทั้งนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ของสหรัฐพุ่งขึ้นในวันพุธ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ปิดบวกขึ้น 0.92% สู่ 402.56 ดอลลาร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 405.63 ดอลลาร์ได้ในระหว่างวัน ซึ่งส่งผลให้มูลค่าในตลาดของไมโครซอฟท์พุ่งขึ้นมาอยู่เหนือ 3 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก ทางด้านหุ้นแอลฟาเบทพุ่งขึ้น 1.13% ในวันพุธ, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ทะยานขึ้น 1.43% ในวันพุธ และหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 2.49% ในวันพุธ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.26% สู่ 37,806.39
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.08% สู่ 4,868.55 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ได้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แต่จำนวนหุ้นลบในดัชนีนี้อยู่สูงกว่าจำนวนหุ้นบวกในสัดส่วน 2.5 ต่อ 1 ในวันพุธ
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.36% สู่ 15,481.92 หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2022 ในระหว่างวัน โดยขณะนี้ดัชนีอยู่ห่างจากสถิติระดับปิดสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนพ.ย. 2021 ในระดับไม่ถึง 4%
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันพุธโดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด, การร่วงลงของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน, ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงในทะเลแดง, อิสราเอล และอิรัก และราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ในวันพุธด้วย เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐดิ่งลง 9.2 ล้านบาร์เรล สู่ 420.7 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ม.ค. ถึงแม้โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลงเพียง 2.1 ล้านบาร์เรล ทางด้านปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐดิ่งลงจากสถิติสูงสุดที่ 13.3 ล้านบาร์เรลที่เคยทำไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน สู่ 12.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 5 เดือน ในขณะที่บ่อน้ำมันในสหรัฐประสบปัญหาทางการผลิตเพราะภาวะอากาศหนาวจัด Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.0% มาปิดตลาดที่ 75.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.6% มาปิดตลาดที่ 80.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 16.10 ดอลลาร์ สู่ 2,012.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยราคาทองได้รับแรงกดดันจากตัวเลขกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในสหรัฐ ถึงแม้ว่าราคาทองได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ตาม ทั้งนี้ บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอล รายงานในวันพุธว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับผลผลิตโดยรวมของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ พุ่งขึ้นจาก 50.9 ในเดือนธ.ค. สู่ 52.3 ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2023 โดยดัชนีที่ระดับสูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนของสหรัฐขยายตัว นอกจากนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนีราคาผลผลิตของสหรัฐดิ่งลงจาก 54.8 ในเดือนธ.ค. สู่ 51.7 ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน