ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียปรับฐานอ่อนค่าลง หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐตอกย้ำแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในสัดส่วนเล็กน้อยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่แสดงความระมัดระวัง หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
เทรดเดอร์ทั่วโลกกำลังคาดการณ์ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเท่ากับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค. ขณะที่มีความน่าจะเป็น 15% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50%
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.10 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY | FX RIC | FX DAILY % | FX YTD % |
Japan | JPY= | -0.04 | -0.94 |
China | CNY=CFXS | -0.00 | -0.30 |
India | INR=IN | +0.00 | -0.92 |
Indonesia | IDR= | -0.10 | -0.10 |
Malaysia | MYR= | -0.07 | +6.00 |
Philippines | PHP= | -0.14 | -1.18 |
S.Korea | KRW=KFTC | +0.10 | -3.89 |
Singapore | SGD= | +0.00 | +1.19 |
Taiwan | TWD=TP | -0.14 | -4.40 |
Thailand | THB=TH | -0.15 | +1.23 |
Eikon source text
3 ก.ย.--รอยเตอร์
มูลค่าในตลาดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค. ในขณะที่มีความกังวลเรื่องต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ โดยนักลงทุนมองว่าหุ้นกลุ่มนี้อาจจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ ถ้าหากตลาดหุ้นปรับฐานลงในอนาคต ทั้งนี้ มูลค่าในตลาดของบริษัทแอลฟาเบทของสหรัฐดิ่งลง 4.7% ในเดือนส.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการชะลอตัวลงของยอดขายโฆษณาในยูทูบ, การที่ผู้พิพากษาในสหรัฐตัดสินว่า กูเกิลละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และการแข่งขันกับบริษัทโอเพนเอไอ ในขณะที่โอเพนเอไอกำลังพัฒนาตัวจำลองต้นแบบสำหรับโปรแกรมค้นหาข้อมูลออนไลน์ที่ใช้ AI โดยมูลค่าของแอลฟาเบทดิ่งลง 9.978 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. สู่ 2.0209 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.
แอลฟาเบทถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยรองจากแอปเปิลที่มีมูลค่า 3.4818 ล้านล้านดอลลาร์, ไมโครซอฟท์ที่มีขนาด 3.1006 ล้านล้านดอลลาร์ และเอ็นวิเดียที่มีขนาด 2.9282 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัทขนาดยักษ์อีกแห่งที่มีมูลค่าดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนส.ค. คืออะเมซอนดอทคอมที่มีมูลค่าในตลาดดิ่งลง 4.5% โดยได้รับผลกระทบจากยอดขายออนไลน์ที่ชะลอตัวลง โดยมูลค่าของอะเมซอนรูดลง 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. สู่ 1.8735 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของเทสลาดิ่งลง 7.7% ในเดือนส.ค. หลังจากเทสลาเปิดเผยผลกำไรที่อ่อนแอลงในไตรมาสสอง และหลังจากมีข่าวว่าแคนาดาวางแผนจะเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100% จากรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน โดยเทสลาซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ได้เริ่มต้นส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในนครเซี่ยงไฮ้ไปสู่แคนาดาในปีที่แล้ว โดยมูลค่าของเทสลาดิ่งลง 5.728 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 6.828 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนส.ค. ทั้งนี้ มูลค่าในตลาดของเอ็นวิเดียดิ่งลง 7.7% ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนส.ค. สู่ 2.92 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค. หลังจากเอ็นวิเดียคาดว่า อัตราผลกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 75% ในไตรมาสสาม ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 75.5% และเอ็นวิเดียรายงานว่า รายได้พุ่งขึ้น 122% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี หลังจากรายได้เคยพุ่งขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบรายปีมาติดต่อกัน 3 ไตรมาส โดยเอ็นวิเดียครองส่วนแบ่งสูงกว่า 80% ในตลาดชิป AI
มูลค่าของบริษัทบางแห่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนส.ค. โดยมูลค่าในตลาดของบริษัทอีไล ลิลลีในกลุ่มผู้ผลิตยาพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในเดือนส.ค. หรือพุ่งขึ้นราว 1.4805 แสนล้านดอลลาร์ สู่ 9.124 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง และจากการเปิดตัวยาลดน้ำหนักที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกิน ทั้งนี้ มูลค่าในตลาดของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์พุ่งขึ้นมาปิดตลาดเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในช่วงสิ้นเดือนส.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทนี้ ในขณะที่นักลงทุนหลายรายมองว่าบริษัทนี้เหมือนเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยมูลค่าของเบิร์คเชียร์พุ่งขึ้น 8.062 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ 1.0264 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.
มูลค่าในตลาดของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์พุ่งขึ้นเกือบ 10% ในเดือนส.ค. หลังจากเมตารายงานว่า รายได้ไตรมาสสองอยู่สูงเกินคาด และเมตาคาดการณ์ว่า รายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. โดยสิ่งนี้บ่งชี้ว่า รายได้จากโฆษณาดิจิทัลที่แข็งแกร่งในแพลตฟอร์มของเมตาจะสามารถชดเชยต้นทุนจากการลงทุนใน AI ทั้งนี้ มูลค่าของเมตาพุ่งขึ้น 1.1759 แสนล้านดอลลาร์ สู่ 1.3188 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--2 ก.ย.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในวงกว้างกว่าเดิมในช่วงนี้ และสิ่งนี้ถือเป็นสัญญาณที่น่าพึงพอใจสำหรับนักลงทุน หลังจากนักลงทุนเคยกังวลกับความจริงที่ว่า การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงก่อนหน้านี้กระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยในตอนนี้นักลงทุนกำลังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. และนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มต้นวัฏจักรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนได้ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดเล็กและหุ้นคุณค่าของสหรัฐในช่วงระยะนี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่า หุ้นเหล่านี้จะได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐในวงกว้างได้ทวีความเร็วมากยิ่งขึ้นในเดือนก.ค. ก่อนที่จะชะลอตัวลงในช่วงต้นเดือนส.ค.
นักลงทุนหลายรายมองว่า การที่หุ้นพุ่งขึ้นในวงกว้างกว่าเดิมถือเป็นการปรับตัวที่ดี หลังจากที่ตลาดหุ้นเคยพุ่งขึ้นตามหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์เพียงไม่กี่แห่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นบริษัทเอ็นวิเดีย ที่ถือเป็นผู้นำในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยหุ้นเอ็นวิเดียครองสัดส่วนราว 25% ในการทะยานขึ้นของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 18.4% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ หุ้นคุณค่าคือหุ้นบริษัทที่มีราคาถูกหากวัดตามมาตรวัดบางอัน อย่างเช่น มูลค่าทางบัญชี และค่าพีอีเรโช โดยหุ้นคุณค่าครอบคลุมถึงหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย โดยนักลงทุนบางรายเชื่อว่า หุ้นคุณค่าและหุ้นบริษัทขนาดเล็กอาจจะปรับขึ้นได้ต่อไป ถ้าหากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง
การทะยานขึ้นของหุ้นในวงกว้างทวีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้ โดยหุ้น 61% ในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าดัชนีในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่มีหุ้นเพียง 14% เท่านั้นที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าดัชนีในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทกลุ่ม "Magnificent 7" หรือบริษัทขนาดยักษ์ 7 แห่งที่ประกอบด้วย บริษัทแอปเปิล, ไมโครซอฟท์, แอลฟาเบท, อะเมซอนดอทคอม, เอ็นวิเดีย, เมตา แพลตฟอร์มส์ และเทสลานั้น หุ้นบริษัทกลุ่มนี้ปรับตัวอ่อนแอกว่าหุ้นบริษัทอีก 493 แห่งในดัชนี S&P 500 ราว 14% นับตั้งแต่สหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอเกินคาดในวันที่ 11 ก.ค.เป็นต้นมา
ตลาดหุ้นสหรัฐรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้ ถึงแม้บริษัทเอ็นวิเดียรายงานผลประกอบการที่ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุนในช่วงเย็นวันพุธที่ 28 ส.ค. และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า นักลงทุนอาจจะกำลังมองหาโอกาสทางการลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่น ๆ นอกเหนือจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 แบบที่ให้หุ้นทุกตัวในดัชนีมีน้ำหนักเท่ากัน พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในสัปดาห์ที่แล้ว และทะยานขึ้นมาแล้วราว 10.5% จากช่วงต้นปีนี้ ทางด้านนักวิเคราะห์ของบริษัทเน็ด เดวิส รีเสิร์ชระบุว่า "เมื่อหุ้นพุ่งขึ้นในวงกว้างกว่าเดิม สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า หุ้นในวงกว้างเหล่านี้ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำกำไร และต่ออัตราการเติบโตของผลกำไรภาคเอกชน"
หุ้นคุณค่าที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ รวมถึงหุ้นบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริค (GE) ที่ทะยานขึ้นมาแล้ว 70% และหุ้นบริษัททาร์กา รีซอร์สเซส ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานกลางน้ำที่พุ่งขึ้นมาแล้ว 68% จากช่วงต้นปีนี้ ทางด้านดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้ว 8.5% จากจุดต่ำสุดของเดือนส.ค.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
29 ส.ค.--รอยเตอร์
บริษัทเอ็นวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสออกมาในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาสหรัฐ และได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายไตรมาสออกมาด้วย แต่ตัวเลขคาดการณ์ของเอ็นวิเดียไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุน และส่งผลให้หุ้นเอ็นวิเดียดิ่งลง 6% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาดวันพุธ และปัจจัยนี้ส่งผลลบต่อหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มผู้ผลิตชิปด้วยเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนมองว่าผลประกอบการของเอ็นวิเดียอยู่ในภาวะไร้ทิศทางชัดเจน ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปนั้น หุ้นบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) และหุ้นบริษัทบรอดคอมดิ่งลงเกือบ 4% ในช่วงการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการวันพุธ ส่วนในเอเชียนั้น หุ้นบริษัทเอสเค ไฮนิกซ์ของเกาหลีใต้รูดลง 5.24% ในวันนี้ และหุ้นบริษัทซัมซุงของเกาหลีใต้ดิ่งลง 3.4% ในวันนี้ ทางด้านหุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 150% จากช่วงต้นปีนี้ และส่งผลให้มูลค่าในตลาดของเอ็นวิเดียเพิ่มขึ้น 1.82 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ รวมทั้งมีส่วนช่วยหนุนดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐให้ทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ด้วย
รายได้ของเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 122% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี หลังจากรายได้เคยพุ่งขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบรายปีมาติดต่อกัน 3 ไตรมาส โดยการที่เอ็นวิเดียมีรายได้สูงเกินคาดเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมากระตุ้นให้นักลงทุนปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ให้สูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงที่ผ่านมา และส่งผลให้เป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้นที่เอ็นวิเดียจะสามารถทำรายได้ให้สูงเกินคาด ทั้งนี้ เอ็นวิเดียรายงานในวันพุธว่า รายได้ในไตรมาสสองอยู่ที่ 3.004 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.870 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนผลกำไรต่อหุ้นหลังหักรายการต่าง ๆ อยู่ที่ 68 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสสอง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 64 เซนต์ต่อหุ้น นอกจากนี้ เอ็นวิเดียก็คาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 3.25 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสสาม ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.177 หมื่นล้านดอลลาร์
เอ็นวิเดียรายงานว่า อัตราผลกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 75.7% ในไตรมาสสอง ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 75.8% และเอ็นวิเดียคาดว่า อัตราผลกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 75% ในไตรมาสสาม ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 75.5% อย่างไรก็ดี อัตราผลกำไรขั้นต้นของเอ็นวิเดียยังคงอยู่สูงกว่าของบริษัทคู่แข่ง เนื่องจากเอ็นวิเดียตั้งราคาแพงสำหรับชิปของบริษัท ในขณะที่บริษัท AMD มีอัตราผลกำไรอยู่ที่ระดับเพียง 53% ในไตรมาสสอง ทั้งนี้ ยอดขายในแผนกศูนย์ข้อมูลของเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 154% เมื่อเทียบรายปี สู่ 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสสองของปีงบดุลบัญชี ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 28 ก.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.515 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยยอดขายนี้ทะยานขึ้น 16% จากไตรมาสแรก นอกจากนี้ เอ็นวิเดียยังมีรายได้จากการขายชิปให้แก่บริษัทเกมและบริษัทรถยนต์ด้วย
นายไรอัน ดีทริค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า "ปัญหาก็คือว่า ผลประกอบการของเอ็นวิเดียในครั้งนี้อยู่สูงกว่าที่คาดในระดับที่น้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าเอ็นวิเดียปรับขึ้นคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต การปรับขึ้นนี้ก็อยู่ในระดับที่น้อยกว่าในไตรมาสก่อน ๆ" โดยความผิดหวังของนักลงทุนที่มีต่อการคาดการณ์รายได้และอัตราผลกำไรในครั้งนี้ บดบังแรงหนุนที่ราคาหุ้นเอ็นวิเดียได้รับจากการเปิดเผยแผนการซื้อคืนหุ้นขนาด 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ นายเจนเสน หวง ซีอีโอของเอ็นวิเดียกล่าวต่อนักวิเคราะห์ในที่ประชุมว่า อุปสงค์ในหน่วยประมวลผลกราฟิกของเอ็นวิเดียอยู่ในระดับสูง ในขณะที่หน่วยประมวลผลกราฟิกของเอ็นวิเดียถูกใช้ในเทคโนโลยี AI แบบรู้สร้าง ซึ่งรวมถึงใน ChatGPT ของบริษัทโอเพนเอไอ และเขายืนยันข่าวที่ว่า การเร่งผลิตชิป "แบล็คเวลล์" รุ่นใหม่ของเอ็นวิเดียถูกเลื่อนกำหนดออกไปจนถึงไตรมาสสี่ แต่เขากล่าวเสริมว่า ลูกค้าเข้าซื้อชิป "ฮ็อพเพอร์" รุ่นปัจจุบันในจำนวนมาก นอกจากนี้ เขายังระบุอีกด้วยว่า เอ็นวิเดียกำลังจัดส่งตัวอย่างของแบล็คเวลล์ไปให้แก่หุ้นส่วนและลูกค้า หลังจากมีการปรับแก้การออกแบบชิปดังกล่าว และเอ็นวิเดียคาดว่าจะมีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากชิปเหล่านี้ในไตรมาสสี่
ลูกค้ารายใหญ่ของเอ็นวิเดียคือบริษัทไมโครซอฟท์, แอลฟาเบท, อะเมซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์ โดยบริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะลงทุนด้านทุนในระดับสูงกว่า 2.00 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2024 และการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนเพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานใน AI ทางด้านราคาหุ้นบริษัทกลุ่มนี้ขยับลงไม่ถึง 1% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาดวันพุธ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ริงกิต และบาทแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอื่นๆที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าลงทุนใหม่ก่อนการเปิดเผยข้อมูลของสหรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้เห็นวงจรการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ริงกิตแข็งค่าถึง 0.4% มาที่ 4.323 ต่อดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และส่งผลให้ริงกิตแข็งค่ารวมกว่า 6% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยริงกิตดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปีที่ทำไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน และเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะขยายตัวแข็งแกร่ง โดยจะมีการลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
นายโรเบิร์ต คาร์เนลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคจากไอเอ็นจีกล่าวว่า "ไม่มีการเคลื่อนไหวแท้จริงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในวันนี้ ทุกอย่างเกี่ยวกับข้อมูลจากสหรัฐ ทุกอย่างเกี่ยวกับว่านั่นจะมีผลอะไรกับดอลลาร์"
นักลงทุนรอดูรายงานตลาดแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์ และดัชนีการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 11.45 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY | FX RIC | FX DAILY % | FX YTD % |
Japan | JPY= | -0.01 | -2.44 |
China | CNY=CFXS | +0.22 | -0.22 |
India | INR=IN | +0.06 | -0.83 |
Indonesia | IDR= | +0.13 | -0.03 |
Malaysia | MYR= | +0.39 | +6.18 |
Philippines | PHP= | -0.11 | -1.64 |
S.Korea | KRW=KFTC | +0.13 | -3.54 |
Singapore | SGD= | +0.22 | +1.42 |
Taiwan | TWD=TP | +0.02 | -3.79 |
Thailand | THB=TH | +0.25 | +0.60 |
Eikon source text
นิวยอร์ค--28 ส.ค.--รอยเตอร์
เทรดเดอร์ในตลาดออปชั่นหุ้นสหรัฐกำลังคาดการณ์ในช่วงนี้ว่า การเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทเอ็นวิเดียในช่วงต่อไปในวันนี้ อาจจะส่งผลให้มูลค่าหุ้นเอ็นวิเดียแกว่งตัวราว 3.00 แสนล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี โดยนักลงทุนมองว่าเอ็นวิเดียถือเป็นผู้ชนะรายใหญ่ที่สุดในการแข่งขันด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และนักลงทุนก็จับตาดูผลประกอบการของเอ็นวิเดียมากเป็นพิเศษ เพราะว่าผลประกอบการของเอ็นวิเดียอาจจะบ่งชี้ถึงสถานการณ์ของธุรกิจ AI และสิ่งนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวมด้วย ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดออปชั่นคาดการณ์ในตอนนี้ว่า ราคาหุ้นเอ็นวิเดียอาจจะแกว่งตัวราว 9.76% ในวันพฤหัสบดี และเนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของเอ็นวิเดียอยู่ที่ราว 3.11 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้นการแกว่งตัว 9.76% ของราคาหุ้นจึงอาจส่งผลให้มูลค่าบริษัทเอ็นวิเดียแกว่งตัวราว 3.05 แสนล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ซึ่งจะถือเป็นการแกว่งตัวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับมูลค่าบริษัทใด ๆ ก็ตามหลังการรายงานผลประกอบการ
ถ้าหากราคาหุ้นเอ็นวิเดียแกว่งตัว 9.76% ในวันพฤหัสบดี นั่นก็จะถือเป็นการแกว่งตัวอย่างรุนแรงกว่าค่าเฉลี่ยด้วย เพราะว่าราคาหุ้นเอ็นวิเดียแกว่งตัวเฉลี่ย 8.1% ในวันหลังวันรายงานผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยสถิติข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่า ในวันหลังวันรายงานผลประกอบการนั้น ราคาหุ้นเอ็นวิเดียเคยพุ่งขึ้น 9.32% ในวันที่ 22 พ.ค.ปีนี้, ทะยานขึ้น 16.4% ในวันที่ 21 ก.พ.ปีนี้, ดิ่งลง 2.46% ในวันที่ 21 พ.ย. 2023, ขยับขึ้น 0.1% ในวันที่ 23 ส.ค. 2023, พุ่งขึ้น 24.37% ในวันที่ 24 พ.ค. 2023 และทะยานขึ้น 14.02% ในวันที่ 22 ก.พ. 2023
ผลประกอบการของเอ็นวิเดียจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในวงกว้าง เพราะว่าราคาหุ้นเอ็นวิเดียทะยานขึ้นมาแล้วราว 150% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นมาแล้วราว 18% จากช่วงต้นปีนี้ โดยที่หุ้นเอ็นวิเดียครองสัดส่วนราว 25% ในการพุ่งขึ้นของดัชนี S&P 500
ตลาดออปชั่นส่งสัญญาณว่า เทรดเดอร์กังวลว่าตนเองอาจจะพลาดโอกาสทางการลงทุนในการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ของหุ้นเอ็นวิเดีย โดยเทรดเดอร์มองว่า มีโอกาส 7% ที่หุ้นเอ็นวิเดียอาจจะพุ่งขึ้นกว่า 20% ภายในวันศุกร์นี้ และมีโอกาสเพียง 4% ที่หุ้นเอ็นวิเดียอาจจะดิ่งลงกว่า 20% ภายในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ การที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า หุ้นเอ็นวิเดียอาจจะแกว่งตัวผันผวนอย่างรุนแรงนั้น มีสาเหตุมาจากการที่หุ้นบริษัทนี้มักจะแกว่งตัวผันผวนมากในอดีตด้วย
ค่าเฉลี่ยความผันผวนระยะ 30 วันของหุ้นเอ็นวิเดียอยู่ในระดับที่สูงเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยความผันผวนของหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เหมือนกัน โดยหุ้นเอ็นวิเดียแกว่งตัวผันผวนเฉลี่ยราว 52% ในระยะ 30 วันในปี 2024 ในขณะที่บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์นั้น มีราคาหุ้นแกว่งตัวผันผวนเฉลี่ยราว 26% ในระยะ 30 วันในปี 2024 ทั้งนี้ ราคาหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์แกว่งตัวผันผวนเฉลี่ยราว 37% ในระยะ 30 วันในปี 2024, ส่วนหุ้นแอลฟาเบทแกว่งตัว 26%, หุ้นอะเมซอนแกว่งตัว 26%, หุ้นแอปเปิลแกว่งตัว 23% และหุ้นไมโครซอฟท์แกว่งตัวเฉลี่ย 19% ในระยะ 30 วันในปี 2024--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
วอนอ่อนค่าลงมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่ท่ามกลางภาวะซื้อขายที่ซบเซาในวันนี้ ขณะที่เทรดเดอร์รอดูสัญญาณเพิ่มเติมที่บ่งชี้อัตราการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
ตลาดได้ปรับตัวรับโอกาส 100% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนหน้า หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณในสัปดาห์ที่แล้วว่า ถึงเวลาลดดอกเบี้ยแล้ว
เทรดเดอร์จะรอดูข้อมูลดัชนีการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ และรายงานการจ้างงานในสัปดาห์หน้าเพื่อประเมินว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% หรือไม่
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนุ่มนวลของสหรัฐ และการลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องในอีกหลายเดือนข้างหน้าอาจหนุนสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย
ส่วนบาทอ่อนค่า 0.2% ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลังกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้ขยายตัวเต็มศักยภาพเนื่องจากหลายปัจจัย เช่นสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์, ความวิตกทางการเมืองในประเทศ และความผันผวนของตลาดโลก
อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 11.40 น.ตามเวลาไทย
COUNTRY | FX RIC | FX DAILY % | FX YTD % |
Japan | JPY= | -0.39 | -2.39 |
China | CNY=CFXS | -0.08 | -0.44 |
India | INR=IN | -0.02 | -0.88 |
Indonesia | IDR= | +0.15 | -0.47 |
Malaysia | MYR= | +0.07 | +5.71 |
Philippines | PHP= | - | -1.44 |
S.Korea | KRW=KFTC | -0.43 | -3.64 |
Singapore | SGD= | -0.17 | +1.22 |
Taiwan | TWD=TP | -0.08 | -3.82 |
Thailand | THB=TH | -0.19 | +0.59 |
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน