ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--11 ส.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ในขณะที่หุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจพุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่าวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ร่างกฎหมายนี้จะส่งผลให้สหรัฐลงทุนเป็นเงินจำนวนมากที่สุดในรอบหลายสิบปีในโครงการด้านถนน, สะพาน, ท่าอากาศยาน และการขนส่งทางน้ำ และในตอนนี้วุฒิสภาสหรัฐได้เริ่มต้นการอภิปรายเรื่องร่างกฎหมายงบใช้จ่ายขนาด 3.5 ล้านล้านดอลลาร์แล้วด้วย โดยร่างกฎหมายฉบับที่สองนี้จะเน้นการลงทุนในประเด็นที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้ความสำคัญ ซึ่งได้แก่ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การให้การศึกษาถ้วนหน้าระดับอนุบาล และที่อยู่อาศัยราคาถูก โดยพรรคเดโมแครตวางแผนว่าจะผ่านร่างกฎหมายขนาด 3.5 ล้านล้านดอลลาร์นี้โดยไม่พึ่งเสียงโหวตจากพรรครีพับลิกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.46% สู่ 35,264.67, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.10% สู่ 4,436.75 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,445.21 ในระหว่างวัน แต่ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.49% สู่ 14,788.09 ทั้งนี้ กองทุน ETF ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐพุ่งขึ้น โดยกองทุน iShares US Infrastructure ETF ทะยานขึ้น 1.45% และกองทุน Global X US Infrastructure Development ETF พุ่งขึ้น 2.19%
หุ้นกลุ่มพลังงาน, กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร เนื่องจากหุ้น 3 กลุ่มนี้มักจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่หุ้นบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับแรงหนุนจากโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นบริษัทแคเทอร์พิลลาร์, วัลแคน แมทีเรียลส์ และเดียร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างพุ่งขึ้นราว 2% ในวันอังคาร ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้น 2.7% ในวันอังคารด้วย
นักลงทุนกังวลกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาในช่วงนี้ ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐและยอดผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐอยู่ที่ระดับราว 100,000 รายต่อวันมาเป็นเวลานาน 3 วันติดต่อกัน โดยพุ่งขึ้น 35% จากเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
นักลงทุนจะรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ในการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับนโยบายการเงินอย่างไรในอนาคต หลังจากนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนายทอม บาร์คินประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในวันจันทร์ว่า พวกเขาเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐบรรลุเกณฑ์เป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% ของเฟดแล้ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสองเงื่อนไขที่เฟดตั้งไว้สำหรับใช้ในการพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--12 ก.ค.--รอยเตอร์
การดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในช่วงนี้ส่งผลให้นักลงทุนบางรายพยายามแสวงหาการลงทุนอื่น ๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ซึ่งรวมถึงหุ้นที่จ่ายเงินปันผล และพันธบัตรในประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่การลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีอยู่ที่ 1.356% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยดิ่งลงจากจุดสูงสุดของเดือนมี.ค.ที่ 1.77% หลังจากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ โดยปัจจัยเหล่านี้รวมถึงการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หันมาส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยวในช่วงกลางเดือนมิ.ย., ความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจากนักลงทุนในประเทศที่พันธบัตรให้อัตราผลตอบแทนติดลบ และการที่นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพื่อชดเชยการทำชอร์ตเซลที่เคยทำไว้เป็นจำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้
นายเอ็ด อัล-ฮุสเซนี นักวิเคราะห์สกุลเงินและอัตราดอกเบี้ยของบริษัทโคลัมเบีย เธรดนีดเดิลกล่าวว่า "ในมุมมองของเรานั้น เราเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เพราะเราไม่คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดีดขึ้นในเร็ว ๆ นี้" โดยนายอัล-ฮุสเซนีมุ่งความสนใจไปยังหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) เนื่องจากเขาคาดว่า ภาคครัวเรือนสหรัฐจะมีฐานะการเงินที่ดีหลังผ่านพ้นวิกฤติโรคระบาด ทั้งนี้ กองทุน ETF "iShares MBS" ที่ถือครอง MBS ให้อัตราผลตอบแทน 1.88% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีกำหนดไถ่ถอนเฉลี่ย 4.9 ปี
นายดอน เอลเลนเบอร์เกอร์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของบริษัทเฟเดอเรเท็ด เฮอร์มีส เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ในช่วงนี้ โดยเขาคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป ในขณะที่นักลงทุนไม่แน่ใจว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นได้สูงถึงระดับใด หลังจากราคาผู้บริโภคทะยานขึ้นในระยะนี้ นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกด้วยว่า "ตลาดสหรัฐปรับตัวไม่สอดคล้องกันในช่วงนี้ เพราะตลาดหุ้นส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจจะยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไป แต่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจจะชะลอการเติบโต" และเขายังคาดการณ์อีกด้วยว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในวงกว้างจะช่วยหนุนประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ กองทุน ETF iShares JP Morgan ที่ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ในรูปดอลลาร์สหรัฐ ให้อัตราผลตอบแทนราว 3.85% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และกองทุนแห่งนี้มีสินทรัพย์พุ่งขึ้นเกือบ 430 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.
นายเอียน ลินเจน จากแผนกแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตราสารหนี้ของบริษัทบีเอ็มโอ แคปิตัล มาร์เก็ตส์กล่าวว่า นักลงทุนไม่ควรจะคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดีดขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้รับแรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากความเป็นจริงด้านโรคระบาดที่ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งรวมถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นในเรื่องที่ประชาชนไม่ยอมฉีดวัคซีน และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตา"
นางเมโลดี ไบรอันท์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของกองทุนกาเบลลี แอสเซทกล่าวว่า การดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้หุ้นที่จ่ายเงินปันผลมีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น และเธอยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อหุ้นที่จ่ายเงินปันผล อย่างเช่นหุ้นบริษัทเดียร์ แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรที่ปรับเพิ่มเงินปันผลทุกปีในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เธอได้เพิ่มการลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโตบางตัวในช่วงนี้ด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทเซลส์ฟอร์ซดอทคอม อิงค์ ที่ทำธุรกิจซอฟต์แวร์ เนื่องจากเธอคาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะส่งผลให้หุ้นเติบโตมีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นางไบรอันท์กล่าวว่า "เราเพิ่งผ่านพ้นช่วงเวลาที่กำไรจากการขายทรัพย์สินถือเป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่ช่วยหนุนผลตอบแทนจากการลงทุน และในตอนนี้เราก็กำลังเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่เงินปันผลจะกลายมาเป็นปัจจัยหลัก"--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--25 มิ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันพฤหัสบดี ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 1% ในวันเดียวกัน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐยอมรับข้อตกลงด้านโครงสร้างพื้นฐานของวุฒิสมาชิกสหรัฐจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ทั้งนี้ หลังจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังขนาดใหญ่เคยช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 6.4% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) นักลงทุนก็ตั้งความหวังว่า ข้อตกลงด้านโครงสร้างพื้นฐานในครั้งนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้ต่อไป และจะช่วยให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นได้อีก โดยปัจจัยนี้มีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านอุปกรณ์ก่อสร้าง และหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี และการทะยานขึ้นของหุ้นสองตัวนี้ก็มีส่วนช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ให้พุ่งขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 0.95% สู่ 34,196.82, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.58% สู่ 4,266.49 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.69% สู่ 14,369.71 โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 14% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้นราว 11% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มบริการการสื่อสารพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันพฤหัสบดี ในขณะที่ดัชนีหุ้นเติบโตของสหรัฐทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 4% จากช่วงต้นเดือนนี้ แต่ดัชนีหุ้นคุณค่าดิ่งลง 2% จากช่วงต้นเดือนนี้
หุ้นที่หนุนดัชนี S&P 500 ขึ้นมากที่สุดในวันพฤหัสบดี คือหุ้นเทสลาที่พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลากล่าวว่า เขาจะนำกิจการสตาร์ลิงค์ ซึ่งเป็นกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมเข้าจดทะเบียนในตลาด เมื่อกระแสเงินสดของสตาร์ลิงค์มีความมั่นคงมากพอสมควร และเขากล่าวว่าผู้ถือหุ้นของเทสลาอาจได้รับสิทธิพิเศษในการลงทุนในสตาร์ลิงค์
หุ้นเพย์พาลและหุ้นเฟซบุ๊กต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี และถือเป็นหุ้นที่ส่งแรงหนุนเป็นอย่างมากต่อดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ปรับขึ้น 0.5% และสามารถปิดตลาดโดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนในตลาดสูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐลดลง 7,000 ราย สู่ 411,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 มิ.ย. แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 380,000 ราย ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 6.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งเท่ากับตัวเลขที่เคยประเมินไว้ในเดือนพ.ค.--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 มิ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวัน และปิดตลาดเหนือสถิติสูงสุดเก่าที่เคยทำไว้ในวันที่ 7 พ.ค. ในขณะที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาในวันพฤหัสบดีช่วยสนับสนุนความเห็นของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี CPI แบบเทียบรายปี ทะยานขึ้น 5.0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2008 หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.06% สู่ 34,466.24, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.47% สู่ 4,239.18 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 4,249.74 ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ 4,238.04 ในวันที่ 7 พ.ค. ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.78% สู่ 14,020.33 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มการแพทย์ถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐปิดปรับลง 0.68% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลง 1.1% และส่งผลให้หุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุด โดยหุ้นกลุ่มนี้ได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ในเดือนพ.ค.ได้รับแรงหนุนหลักจากการทะยานขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และค่าตั๋วเครื่องบิน และนักลงทุนมองว่าปัจจัยนี้จะช่วยหนุนดัชนี CPI เพียงชั่วคราวเท่านั้น ทั้งนี้ นายไรอัน ดีทริค นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า "เมื่อนักลงทุนพิจารณารายงาน CPI อย่างละเอียด นักลงทุนก็พบว่าการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อได้รับแรงหนุนหลักมาจากการเปิดเศรษฐกิจ" และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นให้พุ่งขึ้น ในขณะที่นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้เข้าสู่ภาวะร้อนแรงจนเกินไป
คณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายงบใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานขนาด 5.47 แสนล้านดอลลาร์ โดยร่างกฎหมายนี้ตั้งเป้าไปที่การขนส่งบนพื้นผิวทาง และครอบคลุมข้อเสนอบางข้อของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปิดร่วงลง 0.5% และดัชนีหุ้นกลุ่มการขนส่งปิดปรับลง 0.7%
หุ้นเกมสต็อป คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าปลีกวิดีโอเกมดิ่งลง 27.2% หลังจากเกมสต็อปประกาศว่า ทางบริษัทอาจจะขายหุ้นใหม่ ทางด้านหุ้นมีม (หุ้นที่ปรับตัวตามกระแสในสื่อสังคมมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน) ตัวอื่น ๆ ที่เคยพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดิ่งลงในวันพฤหัสบดีด้วยเช่นกัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--10 มิ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพุธ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี โดยนักลงทุนจะพิจารณารายงานตัวเลขดังกล่าวเพื่อใช้ในการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินเมื่อใด และเพื่อประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวหรือไม่ ในขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญกับภาวะไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทานในช่วงนี้ ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเคลื่อนตัวในกรอบแคบในช่วงนี้ เนื่องจากไม่มีปัจจัยสำคัญเข้ามากระทบตลาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.44% สู่ 34,447.14, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.18% สู่ 4,219.55 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.09% สู่ 13,911.75 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการแพทย์ถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันพุธ โดยหุ้นไฟเซอร์ อิงค์พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสท์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยแผนการที่จะบริจาควัคซีนโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์จำนวน 500 ล้านโดสให้แก่ประเทศราว 100 ประเทศในช่วงสองปีข้างหน้า ทางด้านหุ้นเมอร์ค แอนด์ โคทะยานขึ้น 2.3% หลังจากรัฐบาลสหรัฐตกลงที่จะซื้อยา molnupiravir ที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 ของเมอร์ค แอนด์ โคเป็นจำนวนราว 1.7 ล้านชุดในราคาราว 1.2 พันล้านดอลลาร์ ถ้าหากยาดังกล่าวผ่านการอนุมัติทางกฎระเบียบ
หุ้นมีม (หุ้นที่ปรับตัวตามกระแสทางสื่อสังคมมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน) ยังคงพุ่งขึ้นต่อไป โดยหุ้นแอธลอน เมดิคัลทะยานขึ้น 388.2% ในวันพุธ ในขณะที่กระแสความเห็นใน Reddit มีส่วนช่วยหนุนหุ้นจีอีโอ กรุ๊ปซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือนจำให้ทะยานขึ้น 38.4% และหนุนหุ้นบริษัทเวิลด์ เรสท์ลิง เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WWE) ที่ทำธุรกิจมวยปล้ำให้พุ่งขึ้น 10.9% อย่างไรก็ดี หุ้นมีมบางตัวร่วงลงในวันพุธ ซึ่งรวมถึงหุ้นโคลเวอร์ เฮลธ์, หุ้นเอเอ็มซี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ทำธุรกิจโรงภาพยนตร์ และหุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ทั้งนี้ บริษัทแวนดา รีเสิร์ชระบุว่า วอลุ่มการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อยได้พุ่งขึ้นในช่วงนี้จนแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐดิ่งลง 1% ในวันพุธ หลังจากมีข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐปรับเปลี่ยนแนวทางการเจรจาต่อรองเรื่องงบใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยปธน.ไบเดนได้ยุติการเจรจากับนางเชลลีย์ แคปิโต วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน หลังจากนางแคปิโตยื่นข้อเสนองบใช้จ่ายสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่มีขนาดเพียง 3.30 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าข้อเสนอของปธน.ไบเดนที่มีขนาด 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกสหรัฐ 10 คนที่มาจากทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันกำลังหารือกันในประเด็นที่ว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐจะดำเนินมาตรการปรับปรุงสะพานและถนนโดยไม่ต้องปรับขึ้นภาษี
ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐร่วงลง 0.4% ในวันพุธ ถึงแม้มีข่าวว่าวุฒิสภาสหรัฐโหวตด้วยคะแนนเสียง 68-32 ในวันอังคารเพื่อผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยส่งเสริมความสามารถของสหรัฐในการแข่งขันกับเทคโนโลยีจากจีน โดยร่างกฎหมายนี้จะช่วยจัดสรรเงินทุนสำหรับการวิจัยและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และมีการส่งร่างกฎหมายนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแล้ว--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน