ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--16 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพุธ หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นปรับขึ้นเพียงในวงจำกัด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2021 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังจากยอดค้าปลีกเพิ่งดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค. ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับขึ้น 1.8% ในเดือนม.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.11% สู่ 34,128.05, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.28% สู่ 4,147.60 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.92% สู่ 12,070.59 โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 8% จากช่วงต้นปี 2023 ส่วนดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นมาแล้วราว 15% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.2% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด
ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนจากฤดูการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยขณะนี้บริษัทกว่าครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว และบริษัทเกือบ 70% ในกลุ่มนี้รายงานผลกำไรที่สูงเกินคาด และสัดส่วนนี้ก็อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 66% ทั้งนี้ หุ้นโรบล็อกซ์ซึ่งเป็นบริษัทเกมออนไลน์สำหรับเด็กพุ่งขึ้น 26% หลังจากโรบล็อกซ์รายงานยอดการจองรายไตรมาสที่อยู่สูงเกินคาด
หุ้นบริษัทแอปเปิล, แอลฟาเบท, อะเมซอน และเทสลาพุ่งขึ้น 1.4-2.4% ในวันพุธ และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทั้งนี้ หุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปดิ่งลง 5.3% ในตลาดสหรัฐ หลังจากบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ปรับลดการถือครองหุ้น TSMC
หุ้นแอร์บีเอ็นบีพุ่งขึ้น 13.4% หลังจากแอร์บีเอ็นบีเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ หุ้นเดวอน เอ็นเนอร์จี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันหินเชลดิ่งลง 10.5% หลังจากเดวอนรายงานผลกำไรรายไตรมาสที่ต่ำเกินคาด โดยเป็นผลจากรายจ่ายที่สูงขึ้น และเป็นผลจากภาวะอากาศหนาวจัดในสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
5 ม.ค.--รอยเตอร์
ข้อมูลจากตลาดหุ้นในไต้หวัน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นใน 7 ประเทศนี้เป็นมูลค่า 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งถือเป็นยอดเงินลงทุนไหลออกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 หรือสูงที่สุดในรอบ 14 ปี ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมกัน 4.25% ในปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนหลั่งไหลเข้าสู่สินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 2.30% สู่ 3.83% ในปีที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติลดความต้องการซื้อหุ้นเอเชียที่มีความเสี่ยงสูง
ตลาดหุ้นไต้หวันมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 4.16 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าสูงที่สุดใน 7 ประเทศนี้ ส่วนตลาดหุ้นอินเดียมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 9.6 พันล้านดอลลาร์ ทางด้านดัชนี MSCI สำหรับหุ้นภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกดิ่งลง 19.4% ในปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รูดลง 43.3% ในปี 2008
นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ต่างชาติจะยังคงถอนเงินลงทุนออกจากหุ้นเอเชียต่อไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ในขณะที่เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
นายเยียป จุน หรง นักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัท IG กล่าวว่า "นักลงทุนจะยังคงใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในภูมิภาคนี้ในช่วงครึ่งปีแรก ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกคุมเข้มนโยบายการเงิน และปรับตัวรับความเสี่ยงที่ว่า การเปิดเศรษฐกิจจีนอาจจะส่งผลให้เชื้อไวรัสแพร่ระบาดข้ามพรมแดน"
ในส่วนของตัวเลขเฉพาะเดือนธ.ค. 2022 นั้น ตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นและจีนมียอดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกสุทธิ 3 พันล้านดอลลาร์ โดยตลาดหุ้นไต้หวันมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 2.55 พันล้านดอลลาร์, ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 1.34 พันล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลออก 1.31 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นอินเดียมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 1.36 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค., ตลาดหุ้นเวียดนามมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 559 ล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้นไทยมีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 372 ล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิหุ้นเอเชียสูงสุดในรอบ 2 ปีในเดือนพ.ย.จากความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราในการขึ้นดอกเบี้ย และการคาดการณ์ว่า จีนจะทยอยผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเปิดประเทศนั้นหนุนความเชื่อมั่นด้วย
ข้อมูลจากตลาดหุ้นไตหวัน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซียและเกาหลีใต้พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1.518 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่เดือนพ.ย.2020
ดัชนี MSCI สำหรับตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกพุ่งขึ้น 14.8% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนในรอบ 24 ปี หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยแบบเชิงรุกของเฟดในปีนี้
หุ้นไทยและหุ้นเวียดนามได้รับคำสั่งซื้อสุทธิ 822 ล้านดอลลาร์ และ 683 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ยังมีความหวังต่อแรงซื้อในตลาดเกิดใหม่ในเอเชียด้วย ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือนในสัปดาห์นี้จากการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มา 4 ครั้งติดต่อกัน--จบ--
หุ้นเอเชียได้รับคำสั่งซื้อเล็กน้อยในเดือนต.ค. หลังจากถูกเทขายอย่างหนักในเดือนก.ย. และนักวิเคราะห์คาดว่า ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะถ่วงกระแสเงินที่จะไหลเข้าเอเชียในระยะใกล้
ข้อมูลจากตลาดหุ้นไต้หวัน, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิหุ้นมูลค่า 53 ล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. หลังจากที่ขายสุทธิ 8.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.
นายมานิชิ เรย์โชดูรี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหุ้นเอแปคจากบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า "ปัจจัยต้านเอเชียรุนแรงขึ้นเนื่องจากสหรัฐได้เพิ่มมาตรการจำกัดบริษัทจีนที่จัดหาเทคโนโลยีสหรัฐ และยังมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเอเชียด้วย"
หุ้นเกาหลีใต้ได้รับคำสั่งซื้อมากที่สุดที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นอินโดนีเซีย และไทยได้รับคำสั่งซื้อ 729 ล้านดอลลาร์ และ 196 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
เขากล่าวว่า "เม็ดเงินที่จะไหลเข้าเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียเหนือ ยังคงน่าท้าทายท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศพัฒนาแล้ว และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนตัวทั้งสองตัวน่าจะคงอยู่ต่อไปในระยะใกล้"--จบ--
นิวยอร์ค--15 ก.ค.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และปรับตัวรับผลประกอบการรายไตรมาสที่น่าผิดหวังของธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้างในเวลาต่อมา ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มไมโครชิปของสหรัฐปิดพุ่งขึ้น 1.92% และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐให้ปิดตลาดในแดนบวกในวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.46% สู่ 30,630.17, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.30% สู่ 3,790.38 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 11,251.19 ทั้งนี้ หุ้น 8 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปิดดิ่งลง 1.9% และถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุดในวันพฤหัสบดี ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐดิ่งลง 2.4% ในขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชสรูดลง 3.5% หลังจากนายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนหุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ปรับลง 0.4% หลังจากแผนกวาณิชธนกิจของมอร์แกน สแตนเลย์ได้รับแรงกดดันจากภาวะตกต่ำในการทำข้อตกลงทางธุรกิจทั่วโลก ทั้งนี้ นายเจย์ แฮทฟิลด์ ซีอีโอของบริษัทอินฟราแคปกล่าวว่า ตลาดหุ้นแสดงปฏิกิริยามากเกินไปต่อผลประกอบการของเจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนเลย์ เพราะนักลงทุนรู้อยู่แล้วว่าแผนกวาณิชธนกิจน่าจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ
นักลงทุนกังวลกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาดในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี PPI สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี PPI แบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 11.3%ในเดือนมิ.ย. หลังจากปรับขึ้น 10.9% ในเดือนพ.ค. ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ในเดือนมิ.ย.อาจปรับขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 10.7% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ แรงเทขายในตลาดหุ้นชะลอตัวลงในเวลาต่อมา หลังจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. โดยถ้อยแถลงของเขาส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในเดือนก.ค.
ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของสหรัฐได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรไตรมาสสองของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจากระดับ +6.8% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นไตรมาสสอง--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน