ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดัชนีหุ้นสหรัฐชั้นนำปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ หลังการแถลงผลประกอบการที่ออกมาคละเคล้ากัน ขณะที่นักลงทุนประเมินว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาขัดแย้งกันอาจมีอิทธิพลอย่างไรต่ออัตราดอกเบี้ย และรอดูการแถลงผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 22.34 จุด หรือ 0.07% ที่ 33,808.96, ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.73 จุด หรือ 0.09% สู่ระดับ 4,133.52 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 12.90 จุด หรือ 0.11% สู่ 12,072.46 โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.1%, ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.2% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.4%
ผลสำรวจพบว่า กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้แนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มืดมนมากขึ้น หลังข้อมูลในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
สัปดาห์นี้จะมีการแถลงผลประกอบการจากบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดหลายบริษัทของสหรัฐ อาทิ ไมโครซอฟท์, อัลฟาเบ็ท และแอมะซอน โดยหุ้นแอมะซอนพุ่งขึ้น 3% หลังจากบริษัทวิจัยแห่งหนึ่งคาดว่า ธุรกิจของแอมะซอนในอเมริกาเหนือจะดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
จนถึงขณะนี้ นักลงทุนยังคงคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วที่ว่า ผลกำไรรายไตรมาสของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะร่วงเกือบ 5% เมื่อเทียบรายปี โดยนายปีเตอร์ ทุซ ประธานบริษัทเชส อินเวสเมนต์ เคาน์เซิล กล่าวว่า "การไม่สามารถคาดเดาผลกำไรและรายได้ และการชี้แนะแนวทางในอนาคตมีเพิ่มขึ้นมาก และคุณยังมีสัญญาณที่แสดงว่า เศรษฐกิจกำลังอ่อนแอลงไปทุกที่"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นิวยอร์ค--17 เม.ย.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า นักลงทุนกำลังรอดูผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพราะว่าผลประกอบการดังกล่าวอาจจะบ่งชี้ได้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีสถานะเป็นเช่นใด หลังจากเศรษฐกิจเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน และได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้บริโภคสหรัฐรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดีในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนองและอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต อย่างไรก็ดี การปรับลดพนักงานจำนวนมากในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีในไตรมาสแรกและวิกฤติภาคธนาคาร ในเดือนมี.ค. อาจจะส่งผลลบต่อแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงในภาคความบันเทิง, ร้านอาหาร, ภาครถยนต์ และภาคโรงแรม
นายแกร์เรทท์ เมลสัน นักยุทธศาสตร์การลงทุนพอร์ตลงทุนของบริษัทแนติซิส อินเวสท์เมนท์ แมเนเจอร์ส โซลูชันส์กล่าวว่า "นักลงทุนไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หรือว่าจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าหากตัวเลขในภาคการบริโภคอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้ก็จะช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะเลวร้ายที่สุดได้" โดเขาคาดการณ์ในทางบวกต่อหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านและหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากเขาคาดว่าตลาดบ้านจะฟื้นตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐอาจดิ่งลง 5.2% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี หลังจากผลกำไรปรับลดลงไปแล้วในไตรมาส 4/2022 ซึ่งเท่ากับว่าจะเกิดภาวะผลกำไรถดถอย โดยนักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มบริษัทที่อาจจะมีผลกำไรดิ่งลงอย่างรุนแรงในไตรมาสแรกรวมถึงกลุ่มวัสดุที่อาจจะมีผลกำไรดิ่งลง 32.9%, กลุ่มการแพทย์ที่อาจรูดลง 18.9% และกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจมีผลกำไรดิ่งลง 14.4% ส่วนกลุ่มบริษัทที่อาจมีผลกำไรพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกรวมถึงกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่อาจจะมีผลกำไรพุ่งขึ้น 36.5%, กลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจจะทะยานขึ้น 17.1% และกลุ่มพลังงานที่อาจมีผลกำไรพุ่งขึ้น 13.7% ทางด้านดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 6.5% จากช่วงต้นปีนี้
บริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้รวมถึงบริษัทเน็ตฟลิกซ์ที่จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 18 เม.ย., บริษัทเทสลาที่จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 19 เม.ย. และบริษัทออโตเนชัน ส่วนบริษัทอะเมซอนดอทคอมจะรายงานผลประกอบการในวันที่ 27 เม.ย. ทั้งนี้ นายเมลสันกล่าวว่า ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทหลายแห่งในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับลดต้นทุนลงเพื่อหนุนอัตราผลกำไร และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลให้บริษัทในกลุ่มนี้รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด
บริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยได้รับแรงหนุนจากตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง เพราะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งช่วยหนุนปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้นมาแล้วราว 14% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าอัตราการพุ่งขึ้นของดัชนี S&P 500 เป็นอย่างมาก ในขณะที่หุ้นเทสลาและหุ้นอะเมซอนครองน้ำหนักเกือบ 40% ในดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งนี้ หุ้นเทสลาพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 50% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนหุ้นอะเมซอนทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 22% ทางด้านกองทุน SPDR ETF สำหรบหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยมีเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิ 229.1 ล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นยอดเงินไหลเข้าระยะ 6 สัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2022--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ความผันผวนอย่างมากของสกุลเงินทั่วโลกฉุดผลกำไรของภาคเอกชนร่วงลงในปีที่แล้ว และขณะที่ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนน้อยลงนั้น หลายบริษัทก็กำลังหาทางปกป้องผลกำไร และลดต้นทุนการประกันความเสี่ยง โดยความผันผวนของค่าเงินทำให้ดัชนี VXY G7 ของเจ.พี.มอร์แกนในเดือนก.ย.พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และความผันผวนยังคงเพิ่มขึ้นที่ 10.1 สูงกว่าระดับเฉลี่ยรอบ 10 ปีที่ 8.34
ความผันผวนของค่าเงินกระทบบริษัทขนาดใหญ่ อาทิ ไอบีเอ็ม ซึ่งระบุว่าอัตราแลกเปลี่ยนทำให้รายได้ลดลง 3.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 ในการแถลงผลประกอบการในไตรมาส 4 ขณะที่บริษัทเมต้า ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊คเปิดเผยว่า รายได้ 3.22 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้วน่าจะสูงกว่านั้นอีก 2 พันล้านดอลลาร์ ถ้าไม่มีความผันผวนของค่าเงิน
นายแอนดี้ เกจ รองประธานอาวุโสด้านโซลูชั่นและที่ปรึกษาอัตราแลกเปลี่ยนจากไครีบากล่าวว่า ดอลลาร์ร่วงลงกว่า 7% เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในปีที่แล้ว และนั่นอาจจะเป็นข่าวน่ายินดีสำหรับบริษัทที่ต้องการฟื้นคืนจากการขาดทุนในปีที่แล้ว แต่ความผันผวนยังคงน่ากังวลมาก ขณะที่องค์กรต่างๆกำลังสรุปการรายงานผลประกอบการรอบสิ้นปีและเตรียมการชี้แนะสำหรับปีนี้
หลายบริษัทกำลังใช้ออปชั่นเพื่อป้องกันผลขาดทุนที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน และนั่นอาจจะหมายความว่า พวกเขาจะได้ประโยชน์ถ้าความผันผวนของค่าเงินเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกเขา
อีกวิธีที่ธุรกิจต่างๆพยายามลดต้นทุนการประกันความเสี่ยงให้น้อยที่สุดก็คือการกระจายการบริหารค่าเงินไปยังโบรกเกอร์มากขึ้นนอกเหนือไปจากธนาคารรับชำระบัญชีหลักๆที่พวกเขาใช้อยู่--จบ--
Eikon source text
ดัชนีหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการดำเนินการแบบเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักลงทุนได้พิจารณารายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ที่ออกมาไร้ทิศทาง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 127.93 จุด หรือ 0.38% ที่ 33,926.01, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 43.28 จุด หรือ 1.04% สู่ระดับ 4,136.48 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 193.86 จุด หรือ 1.59% สู่ 12,006.96 และในสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นรวม 1.6%, ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 0.15% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 3.3%
การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. มากกว่าที่คาดไว้ที่ 185,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 53 ปีครึ่งที่ 3.4% และกิจกรรมภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งในเดือนม.ค.
นักลงทุนได้พิจารณาสัญญาณที่มีหวังที่ว่า เศรษฐกิจอาจจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยที่วิตกกันได้กับความวิตกว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อเป็นเวลานานเท่าใด
นักลงทุนได้พิจารณารายงานผลประกอบการของภาคเอกชนด้วย โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทคาดว่า รายได้จะลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยอดขายไอโฟนอาจจะดีขึ้นเนื่องจากการผลิตในจีนฟื้นตัวสู่ระดับปกติแล้ว แต่หุ้นอเมซอนดิ่งลง 8.4% ขณะที่บริษัทแถลงว่า กำไรจากการดำเนินงานอาจลดลงสู่ระดับ 0 ในไตรมาสปัจจุบัน เนื่องจากการลดต้นทุนจากการปลดพนักงานไม่ได้ชดเชยผลกระทบทางการเงินของผู้บริโภค และทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย และหุ้นอัลฟาเบทร่วงลง 2.7% หลังจากแถลงผลกำไรและยอดขายไตรมาส 4 ที่ต่ำกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้มาก--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
มิลาน/ลอนดอน--25 ม.ค.--รอยเตอร์
นักลงทุนได้แห่เข้ามาลงทุนในสกุลเงิน, หุ้น และตราสารหนี้ในยุโรปในช่วงนี้ โดยได้รับแรงกระตุ้นจากภาวะอากาศที่อบอุ่นผิดปกติในฤดูหนาวในยุโรป และจากการที่ยุโรปสามารถกักเก็บสต็อกก๊าซธรรมชาติไว้ในคลังได้เป็นจำนวนมาก โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนปรับลดความกังวลเรื่องภาวะขาดแคลนไฟฟ้าและการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานในยุโรป นอกจากนี้ ตลาดการเงินยุโรปยังได้รับแรงหนุนจากการที่จีนเปิดเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมากด้วย ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรปพึ่งพาการส่งออก ทั้งนี้ ธนาคารเจพีมอร์แกนได้ปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนขึ้นสู่ +1% สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ -0.5% หลังจากธนาคารโกลด์แมน แซคส์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์แบบเดียวกันในช่วงต้นเดือนนี้ ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบัล รีเสิร์ชรายงานในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า กองทุนหุ้นยุโรปมีเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิ 0.2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งถือเป็นยอดเงินไหลเข้าสุทธิครั้งแรกในรอบ 49 สัปดาห์ หรือครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี
ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนช่วยหนุนให้ยูโร/ดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 นอกจากนี้ ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐก็ทะยานขึ้นมาแล้ว 15% นับตั้งแต่แตะจุดต่ำสุดรอบ 20 ปีที่ 0.9528 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ย. 2022 ด้วย โดยยูโรเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 1.0927 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 9 เดือน และนักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ยูโรมีโอกาสพุ่งขึ้นได้อีกมากในช่วงต่อไป ทั้งนี้ นายจอร์แดน โรเชสเตอร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารโนมูระกล่าวว่า "เศรษฐกิจยุโรปกำลังฟื้นตัวขึ้นครั้งใหญ่" และโนมูระคาดว่ายูโรจะปรับขึ้นแตะ 1.10 ดอลลาร์ก่อนสิ้นเดือนม.ค. และ 1.16 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปีนี้
ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นสหรัฐเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนี STOXX ของตลาดหุ้นยูโรโซนพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐกว่า 18% นับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022 ในขณะที่ดัชนี STOXX พุ่งขึ้นมาแล้ว 17.1% นับตั้งแต่เดือนก.ย. แต่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 0.96% นับตั้งแต่เดือนก.ย. โดยธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ระบุว่า การที่ตลาดหุ้นยูโรโซนพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นสหรัฐกว่า 18% ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ทั้งนี้ ราคาสัญญาล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็นราคาก๊าซอ้างอิงสำหรับยุโรป ดิ่งลงมาแล้ว 80% จากจุดสูงสุดของเดือนส.ค. และร่วงลงมาอยู่ในระดับเดียวกับในช่วงก่อนเกิดสงครามยูเครน และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปในทางที่ดีขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก
ในส่วนของมูลค่าหุ้นนั้น หุ้นกลุ่มบลูชิพของยุโรปมีค่าพีอีเรโชอยู่ที่ราว 13 เท่าของผลกำไร ซึ่งต่ำกว่าค่าพีอีเรโชของหุ้นในดัชนี S&P 500 ซึ่งอยู่ที่ระดับราว 20 เท่าของผลกำไร และส่วนต่างที่ระดับ 7 จุดนี้ถือว่าอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 1.5 จุดเป็นอย่างมาก และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าหุ้นยุโรปยังคงมีราคาถูกเมื่อเทียบกับหุ้นสหรัฐ ทั้งนี้ นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นยุโรป และปรับลดการลงทุนในหุ้นสหรัฐ ในขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐสร้างความเสียหายต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐที่มีราคาแพง โดยนายโรเบอร์โต ลอตติซี ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของธนาคารแบงกา อิไฟเจสท์ระบุว่า เขาเพิ่งขายหุ้นบริษัทอะเมซอนของสหรัฐออกมา เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคของยุโรป และหุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรป ซึ่งรวมถึงหุ้นธนาคารอินเตซาของอิตาลี, BNP ของฝรั่งเศส และซานตานเดร์ของสเปน แต่เขากล่าวเสริมว่า ยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากสงครามยูเครน
การที่เศรษฐกิจยุโรปปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อตราสารหนี้ยุโรปด้วย โดยนายริชาร์ด แมคไกวร์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารราโบแบงก์กล่าวว่า การดิ่งลงของราคาก๊าซธรรมชาติส่งผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบต่อราคาพันธบัตรรัฐบาล แต่ถือว่าส่งผลบวกโดยรวมต่อราคาพันธบัตร และเขากล่าวเสริมว่า การดิ่งลงของราคาก๊าซธรรมชาติส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง และส่งผลให้รัฐบาลมีความจำเป็นน้อยลงในการออกจำหน่ายพันธบัตรเพื่อระดมทุนมาใช้ในมาตรการอุดหนุนค่าพลังงาน และปัจจัยเหล่านี้ถือว่าส่งผลบวกต่อราคาพันธบัตร อย่างไรก็ดี การดิ่งลงของราคาก๊าซธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะส่งผลลบต่อความต้องการซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซนได้รับแรงหนุนมากเป็นพิเศษ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงมาแล้ว 0.87% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีประเภทอายุ 10 ปีปรับลงเพียง 0.49% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับลงเพียง 0.44% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) เป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
27 ธ.ค.--รอยเตอร์
บริษัทมาสเตอร์การ์ดระบุในรายงานที่ออกมาในวันจันทร์ว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.6% ในช่วงระหว่างวันที่ 1 พ.ย.จนถึงวันที่ 24 ธ.ค. ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาส่วนใหญ่ในช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐ ในขณะที่มาตรการลดราคาสินค้าช่วยดึงดูดผู้บริโภคให้มาจับจ่ายซื้อสินค้าราคาถูก ทั้งนี้ อัตราการเติบโตดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 7.1% ที่มาสเตอร์การ์ดเคยคาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย. โดยในตอนนั้นมาสเตอร์การ์ดคาดว่าผู้บริโภคจะหันมาซื้อสินค้าลดราคาตั้งแต่ในเดือนต.ค.
อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตของยอดค้าปลีกในเทศกาลวันหยุดปีนี้อยู่ต่ำกว่าระดับ +8.5% ในปีที่แล้ว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบหลายสิบปี, การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง
บริษัทค้าปลีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทอะเมซอนดอทคอมและบริษัทวอลมาร์ท ได้ปรับลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ในปีนี้เพื่อระบายสต็อกสินค้าที่ล้นคลัง และเพื่อทำให้ปริมาณสต็อกสินค้าคงคลังกลับคืนสู่ระดับปกติ โดยการทำเช่นนี้ส่งผลให้ยอดซื้อสินค้าหลายประเภท ซึ่งรวมถึงของเล่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อยู่ในระดับสูงในช่วง 5 วันสำคัญที่เริ่มตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้าไปจนถึงวันไซเบอร์ มันเดย์ โดยช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับวันที่ 24-28 พ.ย.ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ยอดขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดิ่งลง 5.3% ในช่วงวันที่ 1 พ.ย.-24 ธ.ค.
ยอดขายเสื้อผ้าพุ่งขึ้น 4.4% ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่กินเวลานานเกือบ 2 เดือน ส่วนยอดขายในร้านอาหารทะยานขึ้น 15.1% และส่งผลบวกต่อยอดค้าปลีกโดยรวม ทั้งนี้ ยอดขายสินค้าออนไลน์พุ่งขึ้น 10.6% ในช่วงเทศกาลวันหยุดปีนี้ หลังจากทะยานขึ้น 11% ในช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
รายงานสเปนดิงพัลซ์ของบริษัทมาสเตอร์การ์ดนี้ครอบคลุมยอดค้าปลีกทั้งในร้านและทางออนไลน์ โดยครอบคลุมทุกรูปแบบการชำระเงิน แต่ไม่รวมยอดขายรถยนต์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
หุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในวันพฤหัสบดี ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจแทบไม่ได้เปลี่ยนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปนานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า โดยถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดหลังการประชุมเมื่อวันพุธที่ว่า "เร็วเกินไปมาก" ที่จะพิจารณาเรื่องการหยุดพักการขึ้นดอกเบี้ยนั้น ทำให้หุ้นร่วงลง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และดอลลาร์พุ่งขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 146.51 จุด หรือ 0.46% ที่ 32,001.25, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 39.8 จุด หรือ 1.06% สู่ระดับ 3,719.89 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 181.86 จุด หรือ 1.73% สู่ 10,342.94
ข้อมูลเศรษฐกิจพบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงอย่างไม่คาดคิดในสัปดาห์ที่แล้ว และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการขยายตัวลดลงในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เฟดดำเนินแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยแบบเชิงรุกต่อไป
ขณะที่เทรดเดอร์มีความเห็นเท่าๆกันระหว่างการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และ 0.75% ในการประชุมเฟดในเดือนหน้า แต่ก็คาดว่าระดับสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5% เป็นอย่างต่ำ เมื่อเทียบกับกรอบ 4.5-4.75% ที่คาดไว้ก่อนหน้า และนักลงทุนจะจับตารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันศุกร์เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มที่จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการชะลอเศรษฐกิจ
การพุ่งขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐถ่วงหุ้นเมกะแค๊ป อาทิ หุ้นแอปเปิลที่ดิ่งลง 4.24% และหุ้นอัลฟาเบ็ทดิ่งลง 4.07% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มสื่อสารดิ่งลงมากที่สุด --จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน