ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ลอนดอน--23 มิ.ย.--รอยเตอร์
ปอนด์พุ่งขึ้นแตะ 1.2845 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้กับจุดสูงสุดรอบ 14 เดือนที่ 1.2849 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันที่ 16 มิ.ย. หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) โหวตด้วยคะแนนเสียง 7-2 เพื่อให้บีโออีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 5% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 และถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 13 ติดต่อกัน โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในครั้งนี้ถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ด้วย อย่างไรก็ดี ปอนด์ร่วงลง 0.42% สู่ 1.2695 ดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ท่ามกลางความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และปอนด์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงราว 1% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากปอนด์เพิ่งปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกมาได้นาน 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งแกร่งเกินคาดของบีโออีในวันพฤหัสบดีส่งผลให้นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอังกฤษ และความกังวลดังกล่าวก็ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงปอนด์ และกลับเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ หลังจากราคาพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษดิ่งลงในช่วงที่ผ่านมา
บีโออีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในราคาผู้บริโภคของอังกฤษอยู่ที่ 8.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเท่ากับระดับในเดือนเม.ย. แต่อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 8.4% สำหรับเดือนพ.ค. ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหาร, พลังงาน, เหล้า และบุหรี่ พุ่งขึ้นจาก 6.8% ในเดือนเม.ย. สู่ 7.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1992 ทางด้านนักลงทุนปรับเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยอังกฤษอาจจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ระดับใกล้ 6% ในช่วงต้นปี 2024 ทั้งนี้ การคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอังกฤษเคยช่วยหนุนปอนด์ให้แข็งค่าขึ้นในเดือนนี้ โดยปอนด์/ยูโรปรับขึ้น 0.3% สู่ 1.1668 ยูโรในวันนี้ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 1.1736 ยูโรในวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 10 เดือน
ธนาคารโกลด์แมน แซคส์, ยูบีเอส, แบงก์ ออฟ อเมริกา และบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่า การแข็งค่าของปอนด์ในช่วงนี้อาจจะยังคงดำเนินต่อไป โดยนายไมเคิล คาฮิลล์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินจี-10 ในโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า "แนวโน้มด้านการบริโภคในอังกฤษอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก" โดยเป็นผลจากการดิ่งลงของราคาก๊าซธรรมชาติในระยะนี้ นอกจากนี้ ดัชนีปอนด์ที่มีการถ่วงน้ำหนักทางการค้าของโกลด์แมน แซคส์ยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า ปอนด์กำลังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016 หากเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้าสำคัญ อย่างไรก็ดี นักลงทุนบางรายกังวลว่า ปอนด์อาจจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วยเช่นกัน โดยนายเอียน ทิว จากธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า "ถ้าหากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอังกฤษเริ่มส่งผลลบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ปอนด์ก็อาจจะอ่อนค่าลง"
นายฮูว เดวีส์ ผู้จัดการตราสารหนี้ในบริษัทจูปิเตอร์ แอสเซท แมเนจเมนท์ ไม่ได้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเขากล่าวว่า การที่เศรษฐกิจอังกฤษยังคงเติบโตอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นเหตุผลสนับสนุนให้นักลงทุน "ถือครองสถานะขายเล็กน้อยในพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ แต่ถือครองสถานะซื้อในปอนด์"
การคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอังกฤษส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษประเภทอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นแตะ 5.124% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 15 ปี และอยู่ที่ 5.059% ในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษประเภทอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ 4.355% ในวันนี้ โดยการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติ และสะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ในตลาดที่ว่า บีโออีอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทั้งนี้ นักลงทุนทั่วโลกมองว่าการลงทุนในอังกฤษมีความเสี่ยงสูงในช่วงนี้ โดยเป็นผลจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดการเงินอังกฤษในปีที่แล้วเพราะวิกฤติงบประมาณ, การที่อังกฤษเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปแล้ว 3 คนนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา และการที่อังกฤษจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
13 มิ.ย.--รอยเตอร์
ถึงแม้นักลงทุนในตลาดโลกพึงพอใจที่วิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.ไม่ได้ส่งผลให้เกิดภาวะสินเชื่อหดตัวอย่างฉับพลัน และพึงพอใจที่สหรัฐสามารถคลี่คลายวิกฤติเพดานหนี้ได้ทันก่อนเส้นตาย เศรษฐกิจโลกก็ยังคงเผชิญกับสัญญาณเตือนต่าง ๆ ในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึงการที่เศรษฐกิจยูโรโซนได้เข้าสู่ภาวะถดถอยไปแล้ว และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่น่าผิดหวัง ทางด้านนักวิเคราะห์ได้ระบุถึงสัญญาณบางประการที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยดังต่อไปนี้
สัญญาณแรกคือการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าในทางลบมากยิ่งขึ้น ถึงแม้มีการปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ โดยธนาคารโลกได้ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกประจำปี 2023 เนื่องจากเศรษฐกิจจีน, สหรัฐ และประเทศสำคัญอื่น ๆ รักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้ดีเกินคาด โดยธนาคารโลกคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้น 2.1% ในปีนี้ โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 1.7% ที่เคยคาดไว้ในเดือนม.ค. อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะเติบโตเพียง 2.4% ในปี 2024 โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 2.7% โดยธนาคารโลกให้เหตุผลว่า การปรับลดนี้เป็นเพราะการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางส่งผลกระทบอย่างล่าช้า และสินเชื่อที่ตึงตัวมากยิ่งขึ้นจะส่งผลลบต่อการลงทุนทางธุรกิจและการลงทุนในที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ดัชนีตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าประหลาดใจทั่วโลกที่จัดทำโดยซิตี้กรุ๊ปอยู่ที่ระดับราว -5 ในช่วงนี้ และสิ่งนี้บ่งชี้ว่ามีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่แย่เกินคาดออกมาในช่วงนี้ในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022 เป็นต้นมา
สัญญาณที่ 2 คือภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ โดยสัญญาณดังกล่าวรวมถึงผลสำรวจที่ระบุว่า สัดส่วนสุทธิของธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนที่รายงานว่า ภาคเอกชนลดความต้องการกู้เงินลงในไตรมาสแรก อยู่ที่ระดับ 38% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลกในปี 2008 เป็นต้นมา และผลสำรวจยังระบุอีกด้วยว่า สัดส่วนสุทธิของธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนที่คุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้ในไตรมาสแรก อยู่ที่ระดับ 27% ซึ่งเท่ากับในไตรมาส 4/2022 และถือเป็นสัดส่วนสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติหนี้ยูโรโซนในปี 2011 เป็นต้นมา ทางด้านปริมาณการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจในยูโรโซนปรับขึ้นเพียง 4.6% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงจาก +5.2% ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ ธนาคารดอยช์ แบงก์ตั้งข้อสังเกตว่า โดยปกติแล้วธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มักจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลง เมื่อผลสำรวจความเห็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อระดับสูง (SLOOS) ในสหรัฐแสดงให้เห็นว่า ดัชนีความเต็มใจในการปล่อยกู้อยู่ใกล้ระดับ 0 อย่างไรก็ดี ดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ระดับติดลบเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
สัญญาณที่ 3 คือการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก โดยสัญญาณดังกล่าวรวมถึงรายงานของบริษัทแชลเลนเจอร์, เกรย์ แอนด์ คริสต์มาสที่ระบุว่า ยอดการประกาศปรับลดตำแหน่งงานในบริษัทสหรัฐพุ่งขึ้น 20% สู่ 80,089 ตำแหน่งในเดือนพ.ค., ประกาศของบริษัทบีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายและสื่อสารความเร็วสูงรายใหญ่ที่สุดในอังกฤษที่ระบุว่า บีทีจะปรับลดตำแหน่งงานลง 55,000 ตำแหน่งก่อนสิ้นปี 2030 หรือกว่า 40% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของบีที และประกาศของบริษัทโวดาโฟน ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ระบุว่า โวดาโฟนวางแผนจะปรับลดตำแหน่งงานทั่วโลกลง 11,000 ตำแหน่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทสหรัฐหลายแห่งระบุถึงการปลดพนักงานออกในการรายงานผลกำไรไตรมาสแรกด้วย
สัญญาณที่ 4 คือการคาดการณ์ที่ว่า ยอดผิดนัดชำระหนี้จะพุ่งสูงขึ้น โดยเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการคุมเข้มเงื่อนไขการปล่อยกู้ โดยธนาคารดอยช์ แบงก์คาดว่าจะเกิดกระแสการผิดนัดชำระหนี้ในเร็ว ๆ นี้ และกระแสดังกล่าวจะแตะจุดสูงสุดในไตรมาส 4/2024 โดยอัตราการผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ 11.3% ซึ่งใกล้กับสถิติสูงสุด ทั้งนี้ สัญญาณที่ 5 คือการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยและความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยในช่วงนี้เทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะร่วงลงสู่ระดับราว 3.9% ภายในเดือนก.ย. 2024 จากระดับ 5.00-5.25% ในปัจจุบัน ทางด้านเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะพลิกกลับหรือลาดลง (inverted) เป็นอย่างมากในช่วงนี้ หรือภาวะที่ต้นทุนการกู้ยืมระยะสั้นอยู่สูงกว่าต้นทุนการกู้ยืมระยะยาว และภาวะ inverted นี้มักจะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าเศรษฐกิจกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายลอเรนซ์ ฟิงค์ ซีอีโอบริษัทแบล็คร็อค ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมแรงกดดันด้านราคา
เขาคาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งเป็นอย่างต่ำ แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย โดยกล่าวว่า ถ้าเกิดภาวะถดถอย ก็อาจจะเป็นการถดถอยเล็กน้อย
เขากล่าวว่า "เฟดกำลังจะต้องเฝ้าระวังมากขึ้น เศรษฐกิจฟื้นตัวไวกว่าที่ตลาดรับรู้" แต่อย่างไรก็ดี "ก็ยังมีปัญหาอยู่เป็นหย่อมๆ" ในเศรษฐกิจ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
"ผมยังไม่เห็นหลักฐานที่แสดงว่าเงินเฟ้อลดลง หรือผมไม่เห็นหลักฐานที่แสดงว่า เรากำลังจะมีเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรง" แต่เขาก็คาดว่าจะมีวิธียุติวิกฤติเพดานหนี้ของสหรัฐได้ อย่างไรก็ดี "เหตุการณ์" เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลได้กัดกร่อนความเชื่อถือในค่าเงินดอลลาร์แล้ว
เขาระบุว่า การอภิปรายที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับร่างกฎหมายเพดานหนี้, ความเสี่ยงที่สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ และความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือล้วนเป็นปัจจัย "ที่ทำลายเสถียรภาพ" สำหรับดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินทุนสำรองชั้นนำของโลก--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--1 มิ.ย.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีน ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลกับอุปสงค์น้ำมัน เนื่องจากจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.15 ในช่วงท้ายวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.05 ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 104.70 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้น้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ค.ดิ่งลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2% มาปิดตลาดที่ 68.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากรูดลงแตะ 67.03 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนดิ่งลง 88 เซนต์ หรือ 1.20% มาปิดตลาดที่ 72.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากรูดลงแตะ 71.39 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. โดยสัญญาเบรนท์เดือนก.ค.ครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันพุธ ทางด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค.รูดลง 1.11 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 72.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันพุธ
ราคาน้ำมันดิ่งลงในวันพุธ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานในวันพุธว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของทางการจีนดิ่งลงจาก 49.2 ในเดือนเม.ย. สู่ 48.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 6 เดือน และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 49.4 โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนหดตัวลงอย่างรุนแรงเกินคาดในเดือนพ.ค. ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ด้วย ในขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในฝรั่งเศสและในบางรัฐของเยอรมนี และดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายเพดานหนี้ของสหรัฐ ในขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมที่จะโหวตร่างกฎหมายข้อตกลงในการระงับเพดานหนี้รัฐบาลสหรัฐในช่วงต่อไปในวันพุธ
เทรดเดอร์รอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิ.ย. โดยธนาคาร HSBC, ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ และนักวิเคราะห์บางรายคาดว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะไม่ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงไปอีกในการประชุมครั้งนี้ โดย HSBC ระบุอีกด้วยว่า อุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในจีนและในชาติตะวันตกตั้งแต่ฤดูร้อนเป็นต้นไป จะส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอุปทานน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ 12.696 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 3 ปี ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันพุธ การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันในคลังสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นราว 5.2 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินทะยานขึ้นราว 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate พุ่งขึ้นราว 1.8 ล้านบาร์เรล--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายริค ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนจากบริษัทแบล็คร็อคกล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะหยุดพักมาตรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนหน้า
เขากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัว แต่ก็กำลังแสดงถึงการฟื้นตัวไว และเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจะไม่เผชิญกับภาวะชะลอตัวรุนแรง--จบ--
Eikon source text
นายริค ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนด้านตราสารหนี้โลก บริษัทแบล็คร็อค กล่าวว่า แบล็คร็อคได้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัว และความขัดแย้งที่ยืดเยื้อระหว่างรัฐบาล และสภาคองเกรสเกี่ยวกับเพดานหนี้
การผิดนัดชำระหนี้ แม้จะถูกมองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ก็จะทำให้ตลาดการเงินดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนจะสูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถของสหรัฐที่จะชำระตราสารหนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบพื้นฐานสำหรับระบบการเงินโลก
อย่างไรก็ดี ในวิกฤติเพดานหนี้ครั้งก่อนๆ นักลงทุนได้แสวงหาความคุ้มครองจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากการผิดนัดชำระหนี้ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของสหรัฐ
เขากล่าวว่า เขาได้เพิ่มพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีความวิตกเกี่ยวกับเพดานหนี้เป็นปัจจัยผลักดัน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และภาวะตึงตัวในระบบการเงิน "เพดานหนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้แน่นอน" ขณะที่มาตรการล่าสุดอื่นๆได้แก่การลดความเสี่ยงโดยรวมในพอร์ทการลงทุน ซึ่งรวมถึงในเครดิต
รายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ต่ำกว่าคาดบ่งชี้ว่า เส้นตายที่จะต้องเพิ่มเพดานหนี้ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์นั้นอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งทำให้เกิดแรงกระแทกกับพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นในตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--19 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งในกลุ่มเทคโนโลยี และปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยบดบังการดิ่งลงของหุ้นบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในกลุ่มการแพทย์ และการดิ่งลงของหุ้นธนาคารโกลด์แมน แซคส์ หลังจากบริษัททั้งสองแห่งนี้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น่าผิดหวังในฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก อย่างไรก็ดี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐบวกขึ้น 0.4% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเอ็นวิเดีย คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปกราฟิกที่พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากธนาคาร HSBC ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเอ็นวิเดียสู่ "buy" จาก "reduce"
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.03% สู่ 33,976.63, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.09% สู่ 4,154.87 และเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 2 เดือน ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.04% สู่ 12,153.41 ทั้งนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐ ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2022 ในระหว่างวัน
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ดิ่งลง 2.8% หลังจากทางบริษัทประกาศเตือนนักลงทุนเรื่องผลกระทบจากต้นทุนของบริษัทในปีนี้ โดยการดิ่งลงของหุ้น J&J มีส่วนกดดันให้ดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์ของสหรัฐร่วงลง 0.7% ในวันอังคาร ทางด้านหุ้นโกลด์แมน แซคส์รูดลง 1.7% หลังจากโกลด์แมนรายงานว่า ผลกำไรของโกลด์แมนดิ่งลง 19% ในไตรมาสแรก ในขณะที่ช่วงไตรมาสแรกถือเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 10 ปีสำหรับแผนกการทำข้อตกลงทางธุรกิจ และแผนกค้าตราสารหนี้ก็ได้รับแรงกดดันด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี และนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของธนาคารระดับภูมิภาคในช่วงนี้ หลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.
หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอาวุธพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากทางบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ถึงแม้ทางบริษัทประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ หลังจากตลาดปิดทำการในวันอังคาร บริษัทเน็ตฟลิกซ์ก็รายงานว่า รายได้และผลกำไรของเน็ตฟลิกซ์ในไตรมาสแรกอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.88 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 8.162 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ยอดสมาชิกในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเพียง 1.75 ล้านราย ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.06 ล้านราย
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดควรที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป และเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้างดูเหมือนว่าจะยังคงเติบโตต่อไป ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นการเติบโตอย่างเชื่องช้า ทางด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน