ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--29 มิ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ แต่ดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลงในวันพุธ หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และเขากล่าวว่า เขาไม่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% "ในปีนี้หรือปีหน้า" นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้ตัดโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งถัดไปในวันที่ 25-26 ก.ค.ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสราว 20.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีโอกาสราว 79.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% จนถึงสิ้นปี 2023
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.22% สู่ 33,852.66, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.04% สู่ 4,376.86 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.27% สู่ 13,591.75 ทั้งนี้ หุ้น 4 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1% และดัชนีหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารบวกขึ้น 0.8% อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดิ่งลง 1.5% และถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันพุธ ทางด้านดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐบวกขึ้น 0.5% และปรับขึ้นในวันพุธเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยลดความกังวลของนักลงทุนในเรื่องที่ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแบบกระจุกตัวมากเกินไปตามหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ควินซี ครอสบี หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนโลกของบริษัทแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า นักลงทุนดูเหมือนจะไม่ได้กังวลมากนักกับถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ เพราะว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะแข็งแกร่งในช่วงนี้ โดยเธอกล่าวเสริมว่า "เศรษฐกิจสหรัฐมีพื้นฐานแข็งแกร่งขึ้น และสิ่งนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยในอนาคตอันใกล้นี้ และเมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานที่มีความยืดหยุ่นแล้ว เราก็คาดว่าเศรษฐกิจจะสามารถปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ได้"
หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 189.90 ดอลลาร์ และปิดบวกขึ้น 0.6% สู่ 189.25 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ทางด้านหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 2.4%, หุ้นไมโครซอฟท์บวกขึ้น 0.4% และหุ้นแอลฟาเบททะยานขึ้น 1.6% ในวันพุธ อย่างไรก็ดี หุ้นเอ็นวิเดียดิ่งลง 1.8% และถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนี S&P 500 ลงมากที่สุด หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะออกมาตรการใหม่เพื่อจำกัดการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปยังจีน
นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี, ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกที่ได้รับการประเมินเป็นรอบที่ 3 ซึ่งจะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนพ.ค. ซึ่งจะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ โดยเฟดมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐปรับลง 0.5% ในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนรอดูผลการทดสอบภาวะวิกฤติภาคธนาคารประจำปี โดยเฟดจะเปิดเผยผลการทดสอบดังกล่าวหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันพุธ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากที่ร่วงลง 4 วันติดต่อกัน แต่นักลงทุนกังวลกับการใช้จ่ายที่ซบเซาในช่วงวันหยุด และผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นได้เพิ่มแรงกดดัน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างไม่คาดคิดด้วยการปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวเพิ่มขึ้นอีกได้ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับแผนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปนั้นกดดันหุ้นอย่างหนักมาตั้งแต่การประชุมนโยบายในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 92.2 จุด หรือ 0.28% ที่ 32,840.74, ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.96 จุด หรือ 0.10% สู่ระดับ 3,821.62 และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.08 จุด หรือ 0.01% สู่ 10,547.11
ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐร่วงลง หลังการดำเนินการที่ไม่คาดคิดของบีโอเจ โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 3.71%
ในบรรดาหุ้นหลัก 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 นั้น หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นมากที่สุด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ส่วนในบรรดาหุ้น 4 กลุ่มที่ร่วงลงนั้น หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลงมากที่สุด
ข้อมูลระบุว่า ยอดขายบ้านเดี่ยวในสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนพ.ย. และใบอนุญาตเพื่อการก่อสร้างในอนาคตร่วงลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนองที่สูงขึ้นยังคงทำให้กิจกรรมซื้อขายในตลาดบ้านตกต่ำลง--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
ดัชนี S&P 500 ปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนเผชิญกับช่วงปลายเดือน, ปลายไตรมาสที่ย่ำแย่ และช่วงครึ่งปีแรกที่เลวร้ายที่สุดสำหรับดัชนีของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทนับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งในสมัยแรกของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน โดยดัชนีหุ้นทั้งสามตัวในตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวนระหว่างแดนบวกและลบเกือบตลอดวัน ซึ่งดัชนี Nasdaq ปิดลดลงเล็กน้อย ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 82.32 จุด หรือ 0.27% ที่ 31,029.31, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 2.72 จุด หรือ 0.07% สู่ระดับ 3,813.83 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 3.65 จุด หรือ 0.03% สู่ 11,177.89
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้นมากที่สุด
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 1.606% แล้วในปีนี้ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกนับตั้งแต่ปี 1984 และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่หุ้นกลุ่มเติบโตที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงกว่า 26% แล้วในปีนี้
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า จีดีพีหดตัวมากกว่าที่ระบุไว้เล็กน้อยในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีส่วนสนับสนุนจีดีพีน้อยกว่าที่รายงานไปเบื้องต้น--จบ--
(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปลและเรียบเรียง)
นิวยอร์ค--17 มิ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เพิ่งประกาศปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย federal funds 0.75% สู่ 1.50-1.75% ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ในวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นสู่ -0.25% จากระดับเดิมที่ -0.75% โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของ SNB นับตั้งแต่เดือนก.ย. 2007 หรือครั้งแรกในรอบเกือบ 15 ปี ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 1.25% ในวันพฤหัสบดี และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเหล่านี้ก็ทำให้นักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะชะลอการเติบโตลงอย่างรุนแรง หรืออาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 2.42% สู่ 29,927.07, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 3.25% สู่ 3,666.77 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 4.08% สู่ 10,646.10 โดยการดิ่งลงของดัชนี Nasdaq ในวันพฤหัสบดีถือเป็นการดิ่งลงไม่ต่ำกว่า 4% เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.เป็นต้นมา ทางด้านดัชนี S&P รูดลงมาแล้วราว 23% จากช่วงต้นปีนี้ และเข้าสู่ภาวะหมีตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นเติบโตของสหรัฐดิ่งลง 3.75% ในวันพฤหัสบดี ส่วนดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้น 11.24% สู่ 32.95 ในวันพฤหัสบดี และเข้าใกล้จุดสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ 35.05 ที่ทำไว้ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ถ้าหากดัชนี VIX พุ่งขึ้นสู่ระดับราว 40 นั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า แรงเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐได้แตะจุดสูงสุดไปแล้ว
นายทอม เฮนลิน นักยุทธศาสตร์การลงทุนในบริษัทยู.เอส. แบงก์ เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า "นักลงทุนพยายามประเมินในวันพฤหัสบดีว่า มีโอกาสมากเพียงใดที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และผลกำไรภาคเอกชนจะอยู่ในระดับเท่ากับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้หรือไม่ หรือว่านักวิเคราะห์จะปรับลดคาดการณ์ผลกำไรลงจากเดิม" และเขากล่าวเสริมว่า "ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสร้างความประหลาดใจให้ทุกคนในวันพฤหัสบดี โดย SNB ระบุว่า SNB ไม่ได้กังวลมากนักกับการแข็งค่าของฟรังก์สวิส แต่กังวลกับภาวะเงินเฟ้อ"
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบในวันพฤหัสบดี โดยมีหุ้นเพียง 14 ตัวในดัชนี S&P 500 ที่ปิดตลาดในแดนบวก ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทวอลมาร์ท, เจเนอรัล มิลส์ และพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และปัจจัยนี้ก็ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ
นักวิเคราะห์ของธนาคารเวลส์ ฟาร์โกคาดว่า มีโอกาสสูงกว่า 50% ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ในขณะที่ธนาคารดอยช์ แบงก์และธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ประกาศเตือนว่า มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน