ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--8 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นบริษัทแอปเปิลทะยานขึ้น 4.69% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ และตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขการจ้างงานที่บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดีด้วย ทั้งนี้ ผลประกอบการรายไตรมาสของแอปเปิลช่วยลดความกังวลของนักลงทุนเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบราว 9 เดือน และปิดตลาดทะยานขึ้น 4.69% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.65% สู่ 33,674.38 ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค., ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.85% สู่ 4,136.25 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.25% สู่ 12,235.41 ทางด้านดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงในวันศุกร์ในระดับที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 180,000 ตำแหน่ง แต่ทางกระทรวงได้ปรับทบทวนตัวเลขของเดือนมี.ค.ให้ต่ำลงจากเดิม โดยระบุว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 165,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. โดยปรับลดลงจากเดิมที่เคยระบุว่า เพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังรายงานอีกด้วยว่า ค่าแรงเฉลี่ยต่อชั่วโมงปรับขึ้น 4.4% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +4.2%
ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.7% ในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปทะยานขึ้น 81.7% และหุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปพุ่งขึ้น 49.2% โดยหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคดีดขึ้นในวันศุกร์ หลังจากที่เคยดิ่งลงในช่วงก่อนหน้านี้โดยได้รับแรงกดดันจากการปิดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ทางด้านนักวิเคราะห์ได้ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารบางแห่งที่นักวิเคราะห์มองว่า ถูกเทขายออกมามากเกินไปแล้ว ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนบวก ในขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลช่วยหนุนหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีให้ทะยานขึ้นตามไปด้วย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับลดลงเพียง 0.7% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี และอาจจะปรับลดลง 4.7% ในไตรมาส 2, ปรับขึ้น 1.8% ในไตรมาส 3, พุ่งขึ้น 9.9% ในไตรมาส 4 และทะยานขึ้น 9.6% ในไตรมาส 1/2024 ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.ตามความคาดหมาย แต่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจกันว่า เฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง, สัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง และความเสี่ยงที่ธนาคารพาณิชย์อาจจะคุมเข้มการปล่อยกู้ในอนาคต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--3 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันอังคาร ในขณะที่หุ้นธนาคารระดับภูมิภาครูดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับปัญหาในระบบการเงิน และนักลงทุนพยายามจะประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนานเพียงใด ทั้งนี้ ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2020 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร และปิดรูดลง 5.5% ในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการรูดลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. ในขณะที่หุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปดิ่งลง 27.8%, หุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปรูดลง 15.1% และหุ้นธนาคารโคเมริกา อิงค์ดิ่งลง 12.4% ในวันอังคาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.08% สู่ 33,684.53; ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.16% สู่ 4,119.58 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.08% สู่ 12,080.51 ทางด้านดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 4.3% และถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่รูดลงมากที่สุดในวันอังคาร ในขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐรูดลง 2.3% ในวันอังคาร
นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.นี้ และนักลงทุนพยายามประเมินในช่วงนี้ว่า เฟดจะหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิ.ย.หรือไม่ หรือว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจจะไม่ชำระหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐทั้งหมดได้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ถ้าหากสภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ
หุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลงต่อเนื่องจากวันจันทร์ หลังจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของรัฐแคลิฟอร์เนียได้เข้ายึดกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกในวันจันทร์ และได้ให้บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เข้าพิทักษ์ทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งส่งผลให้เฟิร์สท์ รีพับลิกกลายเป็นธนาคารสำคัญแห่งที่ 3 ในสหรัฐที่ถูกสั่งปิดกิจการในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีการสั่งปิดกิจการธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารซิกเนเจอร์ในเดือนมี.ค. โดยการล้มของเฟิร์สท์ รีพับลิกถือเป็นการล้มของธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐนับตั้งแต่ธนาคารวอชิงตัน มิวชวลในปี 2008 ด้วย ทั้งนี้ หน่วยงานควบคุมกฎระเบียบได้ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเฟิร์สท์ รีพับลิกให้แก่ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคในวันจันทร์
หุ้นเช็กก์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการศึกษาดิ่งลง 48.4% ในวันอังคาร หลังจากเช็กก์คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2 ในระดับต่ำ โดยเป็นผลจากการแข่งขันกับ ChatGPT ทั้งนี้ หุ้นสตาร์บัคส์ปิดขยับลง 0.1% ในวันอังคาร ก่อนที่สตาร์บัคส์จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสหลังปิดตลาดวันอังคาร--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--20 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับลงเล็กน้อยในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับผลประกอบการของบริษัทสหรัฐที่ไร้ทิศทางชัดเจน ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการดิ่งลงของหุ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ทั้งนี้ หุ้นเน็ตฟลิกซ์รูดลง 3.2% หลังจากเน็ตฟลิกซ์คาดการณ์แนวโน้มที่อ่อนแอเกินคาด โดยเน็ตฟลิกซ์คาดว่ารายได้ในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 8.242 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 2.86 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า รายได้ของเน็ตฟลิกซ์จะอยู่ที่ 8.476 พันล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นปรับลดจะอยู่ที่ 3.05 ดอลลาร์ในไตรมาส 2 ทางด้านหุ้นดิสนีย์ซึ่งเป็นคู่แข่งของเน็ตฟลิกซ์ในธุรกิจสตรีมมิงดิ่งลง 2.2% ในวันพุธ และมีส่วนกดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ปรับลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.23% สู่ 33,897.01, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.01% สู่ 4,154.52; และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 12,157.23 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคบวกขึ้น 0.8% ในวันพุธ และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ทางด้านดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2021 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงกดดันจากหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป อิงค์ที่รูดลง 3.6% ตามบริษัทคู่แข่งในธุรกิจประกันสุขภาพ โดยหุ้นบริษัทเอเลแวนซ์ เฮลธ์ อิงค์ดิ่งลง 5.3% ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่าธุรกิจประกันของเอเลแวนซ์จะได้รับความเสียหายจากปัจจัยด้านกฎระเบียบ ถึงแม้เอเลแวนซ์รายงานผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ หุ้นแอบบอทท์ แลบอราทอรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากแอบบอทท์ระบุว่า กระบวนการทางการแพทย์ที่ไม่เร่งด่วนที่เคยถูกเลื่อนกำหนดออกไปในช่วงเวลา 3 ปีที่เกิดวิกฤติโรคระบาด ได้กลับมาดำเนินการตามปกติแล้วเป็นส่วนใหญ่ทั่วโลก ทางด้านหุ้นบริษัทอินทูอิทิฟ เซอร์จิคัลทะยานขึ้น 10.9% หลังจากทางบริษัทรายงานตัวเลขผลกำไรและรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด
นักลงทุนคาดว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจจะมีผลกำไรดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี โดยนายริค เมคเลอร์ หุ้นส่วนของบริษัทเชอร์รี เลน อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นดูเหมือนจะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ ในขณะที่นักลงทุนกลุ่มหนึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่นักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งคาดว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป"
หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 2% หลังจากเทสลาปรับลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐลงเป็นครั้งที่ 6 ของปีนี้ ทั้งนี้ หุ้นเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคพุ่งขึ้น 24.1% หลังจากทางธนาคารเปิดเผยผลกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาด และปัจจัยนี้มีส่วนช่วยหนุนกองทุน SPDR S&P Regional Banking ETF ที่ลงทุนในธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 3.9%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐได้อัดฉีดเงินฝาก 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าพยุงกิจการธนาคารแห่งนี้ที่เผชิญกับวิกฤติที่ขยายวงกว้างขึ้นหลังการล้มละลายของธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ดิ่งลง 70% ในรอบ 9 วันทำการที่ผ่านมา
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งของสหรัฐ อาทิ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค, โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนเลย์มีส่วนร่วมในการเข้ากอบกู้ครั้งนี้ และหุ้นเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ก็ปิดพุ่งขึ้น 10% รับข่าวดังกล่าว แต่ก็ร่วงลง 18% ในการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการ หลังจากที่ธนาคารประกาศว่าจะระงับการจ่ายปันผล
ข้อตกลงช่วยเหลือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการดำเนินการของนายหน้าผู้มีอำนาจ อาทิ เจเน็ท เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ, นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งได้หารือถึงมาตรการช่วยเหลือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เยนเลนระบุว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากการดำเนินการที่ "เด็ดขาดและแข็งขัน" หลังการล้มละลายของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์--จบ--
Eikon source text
ธนาคารเครดิตสวิสเปิดเผยว่า จะกู้เงิน 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนำมาพยุงสภาพคล่อง และความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจากที่การดิ่งลงของหุ้นได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติการเงินโลก ซึ่งการประกาศของธนาคารกลางช่วยสกัดแรงเทขายหุ้นในตลาดการเงินในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียในวันนี้ได้ หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในตลาดยุโรปและสหรัฐเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนรู้สึกวิตกกับแนวโน้มที่จะมีการแห่ถอนเงินออกจากธนาคารทั่วโลก
เครดิตสวิสระบุในแถลงการณ์ว่า จะใช้ทางเลือกในการกู้เงินจากธนาคารกลางไม่เกิน 5.0 หมื่นล้านฟรังก์สวิส (5.4 หมื่นล้านดอลลาร์) หลังจากที่ทางการสวิสออกมารับประกันว่า เครดิตสวิสมีการดำรงเงินทุนและสภาพคล่องตามที่กำหนดไว้กับธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบ และอาจจะเข้าถึงสภาพคล่องของธนาคารกลาง ถ้าจำเป็น
เครดิตสวิสนับเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลกแห่งแรกที่จะได้รับความช่วยเหลือฉุกเฉินนับตั้งแต่วิกฤติการเงินในปี 2008 และปัญหาของเครดิตสวิสก็ทำให้เกิดความไม่แน่ใจอย่างมากว่า ธนาคารกลางต่างๆจะสามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไปด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุกได้หรือไม่
ปัญหาของธนาคารที่ก่อตั้งมา 167 ปีแล้วแห่งนี้ทำให้นักลงทุนและผู้ควบคุมกฎระเบียบเปลี่ยนความสนใจจากสหรัฐมาที่ยุโรป ซึ่งเครดิตสวิสทำให้มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนักลงทุนรายใหญ่สุดของธนาคารเปิดเผยว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ
นักลงทุนกำลังจับตาดูการดำเนินการของธนาคารกลางและผู้ควบคุมกฎในประเทศอื่นเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบธนาคารด้วย รวมทั้งความเสี่ยงทางธุรกิจที่อาจจะมีกับเครดิตสวิส ขณะที่การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ยากขึ้นที่ธุรกิจบางส่วนจะชำระคืน หรือจ่ายหนี้ ซึ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดผลขาดทุนสำหรับธนาคารที่มีความวิตกเกี่ยวกับภาวะถดถอย--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--16 มี.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพุธ แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัญหาในธนาคารเครดิต สวิส และจากความกังวลเรื่องวิกฤติภาคธนาคาร และปัจจัยลบดังกล่าวบดบังแรงหนุนที่ตลาดหุ้นได้รับจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ทั้งนี้ หุ้นธนาคารเครดิต สวิสในสวิตเซอร์แลนด์ดิ่งลง 24.2% ในวันพุธ หลังจากรายงานประจำปี 2022 ของเครดิต สวิสที่ออกมาในวันอังคารเปิดเผยว่ามี "จุดอ่อนสำคัญ" ในการควบคุมภายในในกระบวนการรายงานทางการเงิน และธนาคารซาอุดิ เนชันแนล แบงก์ ซึ่งถือครองหุ้น 9.88% ในเครดิต สวิส และถือเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเครดิต สวิสเปิดเผยว่า ทางธนาคารไม่สามารถเพิ่มการถือหุ้นในเครดิต สวิสได้อีกเนื่องจากติดปัญหาด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับขนาดการถือครองหุ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างในช่วงบ่าย หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์กำลังจัดการประชุมเรื่องทางเลือกต่าง ๆ ในการรักษาเสถียรภาพในเครดิต สวิส
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.87% สู่ 31,874.57, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.70% สู่ 3,891.93 แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.05% สู่ 11,434.05 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 5.42% และถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ทางด้านดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐดิ่งลง 1.57% และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐรูดลง 3.62% โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงหุ้นธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป
นักลงทุนบางรายมองว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดปัญหาในระบบการเงิน โดยนายแจ็ค เอบลิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเครสเซท แคปิตัลกล่าวว่า "เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ดังนั้นผมจึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสสำหรับเฟดในการหยุดพักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงจาก 3.636% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 3.494% ในช่วงท้ายวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันพุธว่า มีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. และมีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐร่วงลง 0.4% ในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้น 3.2% ในเดือนม.ค. ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ยอดค้าปลีกอาจปรับลดลง 0.3% ในเดือนก.พ. ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายปรับลดลง 0.1% ในเดือนก.พ.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. ส่วนดัชนี PPI แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 4.6% ในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้น 5.7% ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ การปรับลงของดัชนี PPI เมื่อเทียบรายเดือนและการชะลอตัวลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐในเดือนก.พ.ช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ในบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารในสหรัฐนั้น หุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิกดิ่งลง 21.37% ในวันพุธ และหุ้นธนาคารแพคเวสท์ แบงคอร์ปรูดลง 12.87% อย่างไรก็ดี หุ้นธนาคารเวสเทิร์น อัลไลอันซ์ แบงคอร์ปพุ่งขึ้น 8.3% และหุ้นบริษัทชาร์ลส์ ชวอป คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ทะยานขึ้น 5% ในขณะที่นักลงทุนมองหาหุ้นบริษัทการเงินที่ไม่ได้มีความเสี่ยงทางการลงทุนมากนัก--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
บริษัทมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารสหรัฐเป็น "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับระบบธนาคาร หลังจากการล้มละลายของเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ปทำให้เกิดความวิตกว่าจะเกิดผลกระทบลุกลาม
การแห่ถอนเงินออกจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์, ซิลเวอร์เกต แคปิตอล คอร์ป และซิกเนเจอร์ แบงก์ทำให้สภาวะการดำเนินงานสำหรับภาคธนาคารย่ำแย่ลง ซึ่งภาคธนาคารกำลังเผชิญกับวิกฤติความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุนและผู้ฝากเงิน
ธนาคารที่มีผลขาดทุนจากหลักทรัพย์ที่ยังไม่รับรู้ "เป็นจำนวนมาก" และมีเงินฝากที่ไม่มีการคุ้มครอง อาจจะได้รับผลกระทบมากขึ้น ขณะที่ลูกค้ามองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเพื่อนำเงินไปฝาก
มูดี้ส์ยังคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งสวนทางกับอีกหลายแห่งที่คาดว่า การล้มละลายของธนาคารในเดือนนี้จะกำหนดแนวทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยใหม่--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน