ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--27 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ หลังจากบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปรับลงในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐและวิกฤติภาคธนาคาร ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากไมโครซอฟท์เปิดเผยยอดขายและผลกำไรรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดขายผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยผลประกอบการของไมโครซอฟท์ช่วยหนุนหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีให้พุ่งขึ้นด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นอะเมซอนดอทคอมที่พุ่งขึ้น 2.3% ในขณะที่อะเมซอนทำธุรกิจประมวลผลระบบคลาวด์, หุ้นดาตาด็อกที่ทะยานขึ้น 10.5% โดยดาตาด็อกทำธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูล และหุ้นสโนว์เฟลคที่พุ่งขึ้น 8.5% โดยสโนว์เฟลคถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านระบบคลาวด์ข้อมูล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.68% สู่ 33,301.87, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.38% สู่ 4,055.99 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.47% สู่ 11,854.35 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.7% และถือเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่เพียงกลุ่มเดียวจากทั้งหมด 11 กลุ่มในสหรัฐที่ปิดตลาดในแดนบวกในวันพุธ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มการขนส่งดิ่งลง 3.6% ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 11 เดือน โดยหุ้นกลุ่มการขนส่งได้รับแรงกดดันจากความกังวลทางเศรษฐกิจในสหรัฐ หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าทุนที่อ่อนแอในวันพุธ และหลังจากบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งพัสดุคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีในระดับต่ำในวันอังคาร
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนยกเว้นอาวุธและเครื่องบิน หรือยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดแผนการลงทุนทางธุรกิจ ร่วงลง 0.4% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับลง 0.7% ในเดือนก.พ. และเทียบกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐานอาจขยับลงเพียง 0.1% ในเดือนมี.ค. ทางด้านยอดขนส่งสินค้าทุนพื้นฐานปรับลง 0.4% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับลง 0.4% ในเดือนก.พ. และสิ่งนี้บ่งชี้ว่ารายจ่ายด้านอุปกรณ์ในภาคธุรกิจอาจจะเป็นปัจจัยที่ถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรก
หุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก ซึ่งถือเป็นธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐดิ่งลง 29.8% ในวันพุธ และรูดลงแตะสถิติต่ำสุดใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยการดิ่งลงของหุ้นเฟิร์สท์ รีพับลิกมีส่วนกดดันดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐให้รูดลง 1.4% ในวันพุธ นอกจากนี้ หุ้นเฟิร์สท์ รีพับลิกก็ดิ่งลงมาแล้ว 96.1% จากช่วงต้นปีนี้ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลกับข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐไม่เต็มใจที่จะจัดทำมาตรการช่วยเหลือเฟิร์สท์ รีพับลิก หลังจากยอดเงินฝากในธนาคารแห่งนี้ดิ่งลงกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก อย่างไรก็ดี หุ้นแพคเวสท์ แบงคอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐพุ่งขึ้น 7.5% หลังจากแพคเวสท์รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด และรายงานว่าการถอนเงินฝากเข้าสู่เสถียรภาพแล้ว
หุ้นแอลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลขยับลง 0.1% ถึงแม้แอลฟาเบทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด และประกาศแผนซื้อคืนหุ้น 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัท 163 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาแล้ว และบริษัท 79.8% ในกลุ่มนี้เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 66% ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 อาจมีผลกำไรลดลงเพียง 3.2% ในไตรมาสแรก หลังจากที่เพิ่งคาดการณ์ในวันก่อนหน้านั้นว่า บริษัทกลุ่มนี้อาจมีผลกำไรหดตัวลง 3.9% ในไตรมาสแรก--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--1 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) ซึ่งถือเป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานในวงกว้างที่สุดในสหรัฐ ปรับขึ้น 1.0% ในไตรมาส 4/2022 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2021 และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +1.1% หลังจากดัชนี ECI ปรับขึ้น 1.2% ในไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. 2022 ทางด้านค่าแรงและเงินเดือนในสหรัฐปรับขึ้น 1.0% ในไตรมาส 4/2022 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2021 ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนบางรายมองว่า รายงานตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงที่ผ่านมากำลังประสบความสำเร็จในการทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.09% สู่ 34,086.04, ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.46% สู่ 4,076.6 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.67% สู่ 11,584.55 ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดเดือนม.ค.ด้วยการพุ่งขึ้น 6.2% จากเดือนธ.ค. ส่วนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 10.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นอัตราการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับเดือนม.ค.ในแต่ละปีนับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา
นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ว่า มีโอกาส 97.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และมีโอกาสเพียง 2.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวกในวันอังคาร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัสดุกับหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทสหรัฐในช่วงนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิลในกลุ่มน้ำมันพุ่งขึ้น 2.2% ในวันอังคาร หลังจากเอ็กซอนรายงานว่ามีผลกำไรสุทธิ 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันในชาติตะวันตก ทางด้านหุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ทะยานขึ้น 4.7% หลังจาก UPS เปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสที่สูงเกินคาด
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์พุ่งขึ้น 8.3% หลังจาก GM คาดการณ์ผลกำไรปี 2023 ที่สูงเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรดิ่งลง 3.5% หลังจากทางบริษัทรายงานว่า ผลกำไรไตรมาส 4 ดิ่งลง 29% ส่วนหุ้นแมคโดนัลด์รูดลง 1.3% หลังจากแมคโดนัลด์ประกาศเตือนว่า ภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลลบต่ออัตราผลกำไรในปี 2023--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--29 ธ.ค.--รอยเตอร์
กองทุนอาร์ค อินโนเวชันของนางแคธี วูดเคยมีขนาดพุ่งขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคโควิด-19 แต่กองทุนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะปิดตลาดปีนี้ด้วยการครองตำแหน่งเกือบต่ำสุดในบรรดากองทุนรวมทั้งหมดในสหรัฐ หลังจากการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มเติบโตสูง ทั้งนี้ กองทุนอาร์ค อินโนเวชันดิ่งลงมาแล้วราว 67% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐรูดลงเพียง 20% จากช่วงต้นปีนี้ โดยการดิ่งลง 67%ของกองทุนอาร์ค อินโนเวชันส่งผลให้กองทุนนี้ดิ่งลงมากที่สุดในบรรดากองทุนหุ้นเติบโตขนาดกลาง 537 แห่งในสหรัฐ และส่งผลให้กองทุนนี้ครองตำแหน่งเกือบต่ำสุดในบรรดากองทุนหุ้นทั้งหมดในสหรัฐที่บริษัทมอร์นิงสตาร์ติดตามข้อมูลอยู่
ดัชนี S&P 500 อาจจะปิดตลาดปีนี้ด้วยการดิ่งลงรายปีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 และปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้กองทุนส่วนใหญ่ขาดทุนในปี 2022 โดยนายไบรอัน จาค็อบเสน นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทออลสปริง โกลบัล อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า "ผู้จัดการกองทุนคาดการณ์ผิดพลาดในเรื่องภาวะเงินเฟ้อในปีนี้ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เองก็คาดการณ์ผิดพลาดในเรื่องภาวะเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน" ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 4.25% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.เพื่อพยายามควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลลบเป็นอย่างมากต่อหุ้นกลุ่มเติบโตสูง เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลให้หุ้นเติบโตมีความน่าดึงดูดน้อยลง เนื่องจากมูลค่าของหุ้นเติบโตมักจะขึ้นอยู่กับผลกำไรในอนาคต นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นก็ส่งผลให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้อื่น ๆ มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลลบต่อความต้องการลงทุนในหุ้น ทางด้านกองทุนของนางวูดเน้นการลงทุนในหุ้นเติบโต
ข้อมูลของบริษัทมอร์นิงสตาร์แสดงให้เห็นว่า กองทุนของนางวูดติดอันดับที่ 3,544 ในบรรดากองทุนรวมหุ้นสหรัฐที่ลงทุนเชิงรุกทั้งหมด 3,552 แห่ง ส่วนกองทุนที่ติดอันดับต่ำสุดในกลุ่มนี้คือกองทุนโวยา รัสเซีย ฟันด์ที่ดิ่งลง 92% จากช่วงต้นปีนี้ ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนอาร์ค อินโนเวชันถือครองไว้มากที่สุดนั้น หุ้นทั้ง 10 ตัวนี้ต่างก็ดิ่งลงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชันส์, หุ้นเทสลา และหุ้นบล็อค อิงค์ (ซึ่งมีชื่อเดิมว่า "สแควร์") ที่ต่างก็รูดลงมาแล้วกว่า 60% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่หุ้นบริษัทเทลาด็อค เฮลธ์และหุ้นบริษัทโรคูต่างก็ดิ่งลงมาแล้วกว่า 70% จากช่วงต้นปีนี้
นางวูดคาดการณ์ผิดพลาดในเรื่องภาวะเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา โดยเธอเคยกล่าวเมื่อ 1 ปีก่อนว่า ภาวะเงินฝืดถือเป็นความเสี่ยงที่แท้จริงสำหรับตลาดในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า และเธอได้กล่าวในเดือนก.ย.ปีนี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดถือเป็นเรื่องที่ผิดพลาด อย่างไรก็ดี ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐได้พุ่งขึ้นในอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปีในบางเดือนในปี 2022 ทั้งนี้ นางวูดเคยมีชื่อเสียงโด่งดังในปี 2020 เพราะหุ้นบริษัทซูมและบริษัทเทลาด็อคในพอร์ตลงทุนของเธอมีราคาพุ่งขึ้นสูงมาก โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงนั้น โดยสถานการณ์ในตอนนั้นส่งผลให้กองทุนของเธอมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากถึง 2.76 หมื่นล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี กองทุนดังกล่าวมีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารต่ำกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
กองทุนอื่น ๆ ที่ลงทุนเป็นเงินจำนวนมากในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างก็ดิ่งลงอย่างรุนแรงเช่นกันในปี 2022 โดยกองทุน Morgan Stanley Insight I ซึ่งมีขนาด 1.4 พันล้านดอลลาร์ และลงทุนเป็นเงินจำนวนมากในบริษัทสโนว์เฟลคที่ทำธุรกิจคลาวด์ ดิ่งลงมาแล้ว 61.3% จากช่วงต้นปีนี้ และถือเป็นหนึ่งในกองทุนขนาดใหญ่ที่ดิ่งลงมากที่สุดในปีนี้ ส่วนกองทุนเซเวนเบอร์เกน จีเนีย ซึ่งมีขนาด 59 ล้านดอลลาร์ และลงทุนเป็นเงินจำนวนมากในบริษัทเทสลา รูดลงมาแล้ว 59% จากช่วงต้นปีนี้ และถือเป็นหนึ่งในกองทุนกระจายความเสี่ยงที่ดิ่งลงมากที่สุดในปีนี้ ทั้งนี้ ในบรรดากองทุนรวมหุ้นที่มีการบริหารเชิงรุกและมีผลประกอบการดีที่สุด 15 อันดับแรกในปีนี้นั้น กองทุนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานหรือสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นกองทุนกลุ่มนี้จึงได้รับประโยชน์จากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันและราคาวัตถุดิบอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงกองทุนอินเวสโก เอ็นเนอร์จีที่พุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 49% จากช่วงต้นปีนี้ และครองอันดับหนึ่งในบรรดากองทุนแบบกระจายความเสี่ยง (diversified) ในอันดับที่จัดทำโดยบริษัทมอร์นิงสตาร์ในช่วงกลางเดือนธ.ค. ทางด้านกองทุน MicroSectors U.S. Big Oil 3x Leveraged ETN ซึ่งลงทุนในบริษัทเชฟรอน และบริษัทเอ็กซอน โมบิลในกลุ่มน้ำมัน ทะยานขึ้นมาแล้ว 172% จากช่วงต้นปีนี้ และครองอันดับหนึ่งในบรรดากองทุนทั้งหมดในอันดับที่จัดทำโดยมอร์นิงสตาร์--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--19 ก.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือนในระหว่างวัน โดยตลาดหุ้นได้รับแรงกดดัน หลังจากบริษัทเฟดเอ็กซ์ซึ่งทำธุรกิจจัดส่งพัสดุประกาศเตือนเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ เฟดเอ็กซ์รายงานในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีงบดุลบัญชีได้รับความเสียหายจากยอดจัดส่งพัสดุที่อ่อนแอทั่วโลก และเฟดเอ็กซ์คาดว่าสถานการณ์ทางธุรกิจจะย่ำแย่ลงไปอีกในอนาคต โดยเฟดเอ็กซ์ได้ยกเลิกคาดการณ์ผลกำไรด้วย โดยหุ้นเฟดเอ็กซ์ดิ่งลง 21.4% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ดิ่งลงมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ทางด้านหุ้นบริษัทอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจจัดส่งพัสดุรูดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ที่ดิ่งลง 4.5% และหุ้นเอ็กซ์พีโอ โลจิสติกส์ที่รูดลง 4.7% ทางด้านหุ้นอะเมซอนดอทคอมดิ่งลง 2.1% โดยการดิ่งลงของหุ้นเฟดเอ็กซ์มีส่วนกดดันดัชนีหุ้นกลุ่มการขนส่งของสหรัฐให้ปิดรูดลง 5.1% ในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.45% สู่ 30,822.42, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.72% สู่ 3,873.33 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.9% สู่ 11,448.40 โดยทั้งสามดัชนีต่างก็รูดลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. และดัชนี S&P 500 ปิดตลาดที่ระดับต่ำกว่า 3,900 ซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญ นอกจากนี้ ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ด้วย ในขณะที่ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ, ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบในวันศุกร์ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด
นายเดวิด คาร์เตอร์ กรรมการผู้จัดการของเจพีมอร์แกนในนิวยอร์คกล่าวว่า ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง, อัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับต่ำในช่วงนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ถึงแม้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนก็ไม่แน่ใจเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลังจากนั้น เฟดกำลังทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำในตอนนี้ และหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดเผชิญกับความยากลำบากเป็นเวลาระยะหนึ่ง เศรษฐกิจและตลาดก็จะเยียวยาตัวเองได้" ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และมีโอกาส 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% สู่ 3.25-3.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดัน หลังจากธนาคารกลางโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศเตือนในวันพฤหัสบดีว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง โดยธนาคารกลางโลกระบุในวันพฤหัสบดีว่า เศรษฐกิจโลกอาจใกล้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ทางด้านนายเจอร์รี ไรซ์ โฆษของไอเอ็มเอฟกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำ และมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจของบางประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023 แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุได้ว่า เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในวงกว้างหรือไม่
การซื้อขายหุ้นในวันศุกร์ได้รับผลกระทบจากการครบกำหนดอายุของออปชั่นรายเดือนด้วย โดยออปชั่นดังกล่าวจะครบกำหนดอายุในวันศุกร์ที่ 3 ของแต่ละเดือน และการทำประกันความเสี่ยงสำหรับออปชั่นก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 28.45 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 2 เดือน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--27 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันอังคาร แต่ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากหุ้นเฟซบุ๊กปิดตลาดดิ่งลง 3.92% สู่ 315.81 ดอลลาร์ หลังจากเฟซบุ๊กเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาส ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊กถือเป็นหุ้นที่ถ่วงดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq มากที่สุดในวันอังคาร หลังจากเฟซบุ๊กประกาศเตือนว่า การที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวจะส่งผลลบต่อธุรกิจดิจิทัลของเฟซบุ๊ก โดยหุ้นเฟซบุ๊กปิดตลาดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งอยู่ที่ 320.20 ดอลลาร์ในวันอังคาร และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่หุ้นเฟซบุ๊กปิดตลาดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าหุ้นเฟซบุ๊กอาจจะดิ่งลงต่อไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.04% สู่ 35,756.88, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.18% สู่ 4,574.79 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.06% สู่ 15,235.72 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มปลอดภัยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคาร ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งนี้บ่งชี้ว่านักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในช่วงนี้
ดัชนี S&P พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 4,598.53 โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงหุ้นเอ็นวิเดีย คอร์ปที่พุ่งขึ้น 6.70% มาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ที่ 247.17 ดอลลาร์, หุ้นอะเมซอนดอทคอมที่ทะยานขึ้น 1.68% และหุ้นแอปเปิลที่บวกขึ้น 0.46% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งด้วย โดยหุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งพัสดุพุ่งขึ้น 6.95% และหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริค (GE) ทะยานขึ้น 2.03% หลังจากบริษัททั้งสองเปิดเผยผลประกอบการ
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้น 35.6% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป และบริษัทแอลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ได้รายงานผลประกอบการออกมาหลังจากตลาดปิดทำการในวันอังคาร
สำนักงาน Conference Board รายงานในวันอังคารว่า ผู้บริโภคสหรัฐมีความเชื่อมั่นสูงเกินคาดต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 109.8 ในเดือนก.ย. สู่ 113.8 ในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่ดีขึ้นในตลาดแรงงาน และปัจจัยบวกนี้ช่วยชดเชยความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ยอดขายบ้านเดี่ยวหลังใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้น 14.0% ในเดือนก.ย.--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน