ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--26 มิ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ที่มักได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยดิ่งลง โดยเฉพาะหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ที่รูดลง 1.4%, หุ้นเทสลาซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ดิ่งลง 3.0% และหุ้นเอ็นวิเดียที่รูดลง 1.9% หลังจากตลาดหุ้นได้รับผลกระทบในสัปดาห์นี้จากการให้การของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส โดยเขาส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่จะใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.65% สู่ 33,727.43, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.77% สู่ 4,348.33 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.01% สู่ 13,492.52 ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญทั้ง 3 ดัชนีต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ โดยดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นครั้งแรก หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกมานานติดต่อกัน 5 สัปดาห์ ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2021 ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นครั้งแรก หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกมานานติดต่อกัน 8 สัปดาห์ ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2019 โดยการดิ่งลงรายสัปดาห์ของดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ในสัปดาห์นี้ถือเป็นการดิ่งลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงต้นเดือนมี.ค.ด้วย
นายรอส เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทแบร์ดกล่าวว่า "มีคำสั่งซื้อเข้ามามากเกินไปในตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา และตลาดก็เลยลดช่วงบวกลงมาบ้าง" และเขากล่าวเสริมว่า "ไม่มีสิ่งใดที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับการที่ตลาดหุ้นสหรัฐชะลอตัวลง และการชะลอตัวลงก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบในช่วงที่ผ่านมา" ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด ทางด้านดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐดิ่งลง 1.8%
แมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวในวันศุกร์ในการให้สัมภาษณ์แก่รอยเตอร์ว่า การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ถือเป็นการคาดการณ์ที่ "สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก" และเธอระบุว่าเฟดควรจะใช้ความระมัดระวังในการกำหนดนโยบาย ทางด้านนายโธมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีว่า เขาไม่เชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างสม่ำเสมอสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% แต่เขาจะไม่คาดการณ์ล่วงหน้าเรื่องผลการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ก.ค. ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินคาดว่า มีโอกาส 28.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีโอกาส 71.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.
หุ้นคาร์แมกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทตลาดรถยนต์มือสองพุ่งขึ้น 10.1% ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากผลกำไรรายไตรมาสที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นสตาร์บัคส์ คอร์ปดิ่งลง 2.5% หลังจากสหภาพแรงงานของสตาร์บัคส์ระบุว่า ลูกจ้างราว 3,500 คนของสตาร์บัคส์ในสหรัฐจะผละงานประท้วงในสัปดาห์หน้า เพื่อประท้วงการที่สตาร์บัคส์สั่งห้ามตกแต่งร้านเพื่อฉลองเดือน Pride--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--12 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวอย่างไร้ทิศทางชัดเจนในวันอังคาร โดยตลาดหุ้นร่วงลงในช่วงท้ายตลาด ในขณะที่นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย และนักลงทุนรอดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่จะเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในวันศุกร์นี้ เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะรายงานผลประกอบการออกมาในวันที่ 14 เม.ย. ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันอังคารในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มวัสดุ และกลุ่มการขนส่ง อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดวันอังคารในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.29% สู่ 33,684.79; ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.17 จุด หรือ 0.00% สู่ 4,108.94; และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.43% สู่ 12,031.88 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ๋ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดตลาดวันอังคารในแดนลบ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานกับหุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด
นายไรอัน ดีทริค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่หุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจนำตลาดปรับขึ้น นั่นก็ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า นักลงทุนอาจจะกังวลมากเกินไปในเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย และสิ่งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี" ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนในช่วงบ่าย ในขณะที่นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดควรจะใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงที่ผ่านมา และเขาตั้งข้อสังเกตว่า การที่ธนาคารปรับลดการปล่อยกู้จะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของนโยบายการเงิน
นักลงทุนรอดูดัชนี CPI ของสหรัฐและรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 21-22 มี.ค.ที่จะได้รับการเปิดเผยออกมาในวันพุธนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยชะลอตัวลงจาก +0.4% ในเดือนก.พ. และอาจปรับขึ้นเพียง 5.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงอย่างรุนแรงจาก +6.0% ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานในเดือนมี.ค.อาจปรับขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน โดยชะลอตัวลงจาก +0.5% ในเดือนก.พ. และอาจปรับขึ้น 5.6% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยเร่งตัวขึ้นจาก +5.5% ในเดือนก.พ. ทั้งนี้ เครื่องมือ FedWatch ของบริษัท CME ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์กันว่ามีโอกาส 67% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.
หุ้นกลุ่มสกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัล, ไรออท แพลตฟอร์มส์ และมาราธอน ดิจิทัล โฮลดิงส์ที่ทะยานขึ้น 6-17% ในวันอังคาร ในขณะที่บิทคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน และขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 30,575 ดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--28 มิ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นมาปิดตลาดที่สถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทไนกี้และหุ้นธนาคารบางแห่ง ในขณะที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอเกินคาด และตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ หุ้นไนกี้ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรองเท้าผ้าใบพุ่งขึ้น 15.5% สู่สถิติระดับปิดสูงสุดในวันศุกร์ หลังจากไนกี้คาดการณ์ว่ายอดขายในปีงบดุลบัญชี 2022 อาจปรับขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก สู่ระดับสูงกว่า 5.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 4.846 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นไนกี้มีส่วนช่วยให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.69% สู่ 34,433.84, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้น 0.33% สู่ 4,280.69 หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,286.12 ในระหว่างวัน แต่ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.06% สู่ 14,360.39 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.4%, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 2.7% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 2.4% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
หุ้นธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาพุ่งขึ้น 1.9% ส่วนหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกทะยานขึ้น 2.7% หลังจากเฟดประกาศว่า ธนาคารขนาดใหญ่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติแล้ว และธนาคารเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดด้านการซื้อคืนหุ้นและข้อจำกัดด้านการจ่ายเงินปันผลอีกต่อไป โดยข่าวนี้มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐให้พุ่งขึ้น 1.3% ในวันศุกร์ และส่งผลให้หุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้งนี้ นายเดนนิส ดิค เทรดเดอร์ของบริษัทไบรท์ เทรดดิงกล่าวว่า "นักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาในวันศุกร์ และโยกย้ายเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติ" และเขาคาดว่า ธนาคารในสหรัฐจะประกาศปรับเพิ่มเงินปันผลในเร็ว ๆ นี้
ตลาดหุ้นยังคงได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐสนับสนุนข้อตกลงระหว่างวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันในเรื่องงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยข่าวนี้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มวัสดุและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และส่งผลให้ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง โดยนายเจค ดอลลาร์ไฮด์ ซีอีโอของบริษัทลองโบว์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า "บริษัทในดัชนี Nasdaq ไม่ใช่บริษัทที่จัดหาปูนซีเมนต์ในการสร้างถนน และไม่ใช่บริษัทที่จัดหาเหล็กกล้าในการสร้างสะพาน บริษัทที่ทำธุรกิจเหล่านี้อยู่ในดัชนี S&P 500"
สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 0.6% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีพุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 1992 และสูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% ทั้งนี้ หุ้นบริษัทเวอร์จิน กาแลกติก ซึ่งเป็นบริษัทของนายริชาร์ด แบรนสันที่ทำธุรกิจด้านยานอวกาศพุ่งขึ้น 38.87% ในวันศุกร์ และถือเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับสองในตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากสำนักงานควบคุมความปลอดภัยทางการบินของสหรัฐอนุมัติให้เวอร์จิน กาแลกติกสามารถส่งคนขึ้นสู่อวกาศ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน