ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
--
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--25 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพุธ ในขณะที่การเจรจาต่อรองระหว่างทำเนียบขาวกับพรรครีพับลิกันในเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ถึงแม้ว่าใกล้จะถึงเส้นตายในวันที่ 1 มิ.ย.ในการปรับขึ้นเพดานหนี้จากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ตัวแทนในการเจรจาของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันได้หารือกันในวันพุธ โดยนายแมคคาร์ธีกล่าวหลังจากการหารือกันเป็นเวลานาน 4 ชั่วโมงที่ทำเนียบขาวว่า การเจรจาต่อรองดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น และจะมีการเจรจากันต่อไปในช่วงเย็นวันพุธ โดยเขาคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่ยังคงมีปัญหาบางประการที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทางด้านแครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า การเจรจายังคงให้ผลดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.77% สู่ 32,799.92, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.73% สู่ 4,115.24 และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 0.61% สู่ 12,484.16 ทั้งนี้ หุ้น 10 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันพุธในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด แต่หุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นหุ้นกลุ่มเดียวที่ปิดตลาดในแดนบวก ทางด้านดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 2-3 พ.ค.ในวันพุธ โดยรายงานการประชุมระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดโดยส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า พวกเขามีความมั่นใจน้อยลงในเรื่องความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหลังเดือนพ.ค. แต่เจ้าหน้าที่เฟดบางรายกล่าวเตือนว่า เฟดจำเป็นจะต้องเปิดทางเลือกต่าง ๆ ไว้ต่อไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงได้ยาก ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 65.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และมีโอกาส 34.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.
นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เขากังวลกับการขาดความคืบหน้าในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อ และถึงแม้ว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนมิ.ย. วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสิ้นสุดลง
หุ้นธนาคารซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 3.1% ในขณะที่ซิตี้กรุ๊ปยกเลิกแผนการขนาด 7 พันล้านดอลลาร์ในการขายกิจการบานาเม็กซ์ในเม็กซิโก และซิตี้กรุ๊ปจะนำกิจการดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแทน ทั้งนี้ หุ้นอาไจเลนท์ เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ให้ห้องแล็บดิ่งลงราว 6% หลังจากทางบริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายประจำปี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขึ้นเป็น 2.4% โดยระบุถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ, เขตยูโรและจีน และยังเลื่อนคาดการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยออกไปเป็นไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ของซิติระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.2% ในปีนี้ และเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มถดถอยในไตรมาส 3
นักเศรษฐศาสตร์ของซิตินำโดยนายนาธาน ชีทส์ระบุว่า "เราคาดการณ์ว่า ภาวะตึงตัวรุนแรงทางการเงิน ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันทั้งฝั่งสหรัฐและยุโรปในเดือนที่แล้ว จะผ่อนคลายลงต่อไป" โดยเขาระบุถึงการล้มละลายของธนาคารขนาดกลาง 2 แห่งของสหรัฐในเดือนที่แล้ว และการเข้าเทคโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิสโดยยูบีเอสจากสถานการณ์บังคับ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะวิกฤติในวงกว้างขึ้นในระบบธนาคาร ซึ่งถูกมองว่าเกิดขึ้นจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อของธนาคารกลางทั่วโลก
แต่ซิติได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าลงสู่ 2.1% จาก 2.5% ที่คาดไว้ก่อนหน้า
"ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในภาคธนาคารที่รุนแรงดูเหมือนว่ากำลังบรรเทาลง แต่เราก็ยังคงเห็นความท้าทายต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ต่อสินทรัพย์, เงินฝาก และการระดมทุนของธนาคาร และกำไรขั้นต้นของธนาคาร" ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้อาจนำไปสู่การคุมเข้มเงื่อนไขการให้สินเชื่อ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะสินเชื่อตึงตัว" --จบ--
Eikon source text
19 เม.ย.--รอยเตอร์
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังคงแสดงความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ และยังคงส่งสัญญาณว่าอีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ได้แสดงความเชื่อมั่นในสัญญาณเหล่านี้มากนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับวิกฤติภาคธนาคาร และกังวลว่าอีซีบีอาจจะดำเนินนโยบายผิดพลาด ทั้งนี้ การแสดงความเห็นแบบสายเหยี่ยวของผู้กำหนดนโยบายของอีซีบีในช่วงต้นปีนี้ และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงในเดือนก.พ.ในยูโรโซน เป็นปัจจัยสำคัญที่เคยช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์กันในช่วงต้นเดือนมี.ค.ว่า อัตราดอกเบี้ยของอีซีบีอาจจะพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ระดับสูงกว่า 4% อย่างไรก็ดี หลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงกลางเดือนมี.ค. เทรดเดอร์ก็ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายลงสู่ 3% ในช่วงนั้น ซึ่งเท่ากับระดับที่เคยคาดไว้ในช่วงกลางเดือนธ.ค. และในตอนนี้เทรดเดอร์ก็คาดว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของอีซีบีอาจจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ระดับเพียงราว 3.75% เท่านั้น โดยเทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่ 3.00% ในปัจจุบัน
อีซีบีจะจัดการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 4 พ.ค. โดยนักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์กันในตอนนี้ว่า มีโอกาส 64.08% ที่อีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 3.25% ในการประชุมครั้งนี้ และมีโอกาส 35.92% ที่อีซีบีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ 3.50% ในการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ นายเออร์จอน ซัทโก นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกากล่าวว่า "ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดในเดือนมี.ค.เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมักจะหยุดชะงักลงอย่างฉับพลันเพราะความเปราะบางที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน"
อีซีบีได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้วรวมกัน 3.50% นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 เป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดตั้งสกุลเงินยูโร และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเรื่องผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 20 ประเทศ ทั้งนี้ ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาได้เปิดเผยผลสำรวจในวันจันทร์ที่ระบุว่า สิ่งที่นักลงทุนกังวลมากที่สุดในช่วงนี้ก็คือตลาดการเงินที่เปราะบางและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงยาก และนักลงทุนก็ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ขึ้นสู่จุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2009 ด้วย
อัตราฟอร์เวิร์ดดอกเบี้ยระยะสั้นของอีซีบี (ESTR) ประจำเดือนพ.ย. 2023 ปรับขึ้นสู่ 3.65% ในวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของอีซีบีจะอยู่ที่ระดับราว 3.75% ในเดือนนั้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า แถลงการณ์ของอีซีบีในเดือนมี.ค.แสดงให้เห็นว่า อีซีบีมีโอกาสปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน ถ้าหากอีซีบีมีเหตุผลอันหนักแน่นที่ทำให้เชื่อได้ว่า วิกฤติภาคการเงินอาจจะส่งผลกระทบต่อการตอบรับของตลาดเงินที่มีต่อนโยบายของอีซีบี นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังกล่าวเสริมว่า วอลุ่มการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นว่า อัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายจะอยู่ต่ำกว่าระดับที่เคยคาดการณ์กันไว้
นักวิเคราะห์ของธนาคารเจพีมอร์แกนระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของวิกฤติภาคธนาคาร วอลุ่มการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีและอิตาลีได้พุ่งขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2020 และสิ่งนี้ "บ่งชี้ว่านักลงทุนจำนวนมากได้ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ที่มีต่อจุดหักเหสำคัญในนโยบายการเงิน" อย่างไรก็ดี วอลุ่มการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีร่วงลงหลังจากวันที่ 15 มี.ค. เนื่องจากนักลงทุนได้ปรับตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนกังวลว่า อีซีบีอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปและอย่างรวดเร็วจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้อีซีบีจำเป็นจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็วในอนาคต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
เจ.พี.มอร์แกน และซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีทั้งปีของจีนสำหรับปีนี้ โดยระบุว่า การตัดสินใจยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เจ.พี.มอร์แกน และซิติปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีทั้งปีขึ้น 0.40% สู่ระดับ 6.4% และ 6.1% เมื่อเทียบรายปีตามลำดับสำหรับปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัว 4.5% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ธนาคารระบุถึงการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวกับการเดินทาง และการบริการ และการมีเสถียรภาพของตลาดที่อยู่อาศัยเป็นสาเหตุที่ทำให้จีดีพีขยายตัวสูงเกินคาด
นายจู ไห่ปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนกล่าวว่า "การฟื้นตัวหลังเปิดประเทศน่าจะดำเนินต่อไปในระยะใกล้ และเราคาดว่าแรงหนุนส่งเศรษฐกิจจะอ่อนแอลงในช่วงครึ่งปีหลังท่ามกลางความไม่แน่นอนของภายนอก และขณะที่การเร่งออกการสนับสนุนด้านนโยบายมหภาคจะกลายเป็นตัวถ่วงในช่วงต่อไปของปีนี้"
ด้านซิติระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายของจีนจะไม่ผ่อนคลายได้อย่างสบายใจ และจะต้องจัดการกับความท้าทายด้านโครงสร้าง เช่น การว่างงานของเยาวชน และหนี้รัฐบาลท้องถิ่น "ภาคเอกชนอาจต้องการมาตรการหนุนเพิ่มเติมเพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่น และเรายังไม่เห็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมจากรัฐบาลในขณะนี้"--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--17 เม.ย.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า นักลงทุนกำลังรอดูผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพราะว่าผลประกอบการดังกล่าวอาจจะบ่งชี้ได้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีสถานะเป็นเช่นใด หลังจากเศรษฐกิจเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงมาเป็นเวลานาน และได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้บริโภคสหรัฐรักษาระดับความแข็งแกร่งไว้ได้เป็นอย่างดีในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนองและอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต อย่างไรก็ดี การปรับลดพนักงานจำนวนมากในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีในไตรมาสแรกและวิกฤติภาคธนาคาร ในเดือนมี.ค. อาจจะส่งผลลบต่อแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงในภาคความบันเทิง, ร้านอาหาร, ภาครถยนต์ และภาคโรงแรม
นายแกร์เรทท์ เมลสัน นักยุทธศาสตร์การลงทุนพอร์ตลงทุนของบริษัทแนติซิส อินเวสท์เมนท์ แมเนเจอร์ส โซลูชันส์กล่าวว่า "นักลงทุนไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หรือว่าจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าหากตัวเลขในภาคการบริโภคอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้ก็จะช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะเลวร้ายที่สุดได้" โดเขาคาดการณ์ในทางบวกต่อหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านและหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เนื่องจากเขาคาดว่าตลาดบ้านจะฟื้นตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐอาจดิ่งลง 5.2% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี หลังจากผลกำไรปรับลดลงไปแล้วในไตรมาส 4/2022 ซึ่งเท่ากับว่าจะเกิดภาวะผลกำไรถดถอย โดยนักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มบริษัทที่อาจจะมีผลกำไรดิ่งลงอย่างรุนแรงในไตรมาสแรกรวมถึงกลุ่มวัสดุที่อาจจะมีผลกำไรดิ่งลง 32.9%, กลุ่มการแพทย์ที่อาจรูดลง 18.9% และกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจมีผลกำไรดิ่งลง 14.4% ส่วนกลุ่มบริษัทที่อาจมีผลกำไรพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกรวมถึงกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่อาจจะมีผลกำไรพุ่งขึ้น 36.5%, กลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจจะทะยานขึ้น 17.1% และกลุ่มพลังงานที่อาจมีผลกำไรพุ่งขึ้น 13.7% ทางด้านดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 6.5% จากช่วงต้นปีนี้
บริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้รวมถึงบริษัทเน็ตฟลิกซ์ที่จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 18 เม.ย., บริษัทเทสลาที่จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 19 เม.ย. และบริษัทออโตเนชัน ส่วนบริษัทอะเมซอนดอทคอมจะรายงานผลประกอบการในวันที่ 27 เม.ย. ทั้งนี้ นายเมลสันกล่าวว่า ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทหลายแห่งในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับลดต้นทุนลงเพื่อหนุนอัตราผลกำไร และปัจจัยนี้อาจจะส่งผลให้บริษัทในกลุ่มนี้รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด
บริษัทในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยได้รับแรงหนุนจากตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง เพราะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งช่วยหนุนปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้นมาแล้วราว 14% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าอัตราการพุ่งขึ้นของดัชนี S&P 500 เป็นอย่างมาก ในขณะที่หุ้นเทสลาและหุ้นอะเมซอนครองน้ำหนักเกือบ 40% ในดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งนี้ หุ้นเทสลาพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 50% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนหุ้นอะเมซอนทะยานขึ้นมาแล้วเกือบ 22% ทางด้านกองทุน SPDR ETF สำหรบหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยมีเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิ 229.1 ล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นยอดเงินไหลเข้าระยะ 6 สัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2022--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--17 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ ในขณะที่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางชัดเจนในสหรัฐ และรายงานตัวเลขเหล่านี้ดูเหมือนจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยปัจจัยลบดังกล่าวบดบังแรงหนุนที่ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับในช่วงแรก หลังจากธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐรายงานตัวเลขผลกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งถือเป็นการเปิดฤดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทสหรัฐประจำไตรมาสแรก ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมทั้งการผลิตภาคโรงงาน, ภาคเหมืองแร่ และภาคสาธารณูปโภค ปรับขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับขึ้น 0.2% ในไตรมาสแรก หลังจากหดตัวลง 2.5% ในไตรมาส 4/2022 ทางด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมปรับขึ้นสู่ 79.8% ในเดือนมี.ค. จาก 79.6% ในเดือนก.พ. และอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปี 1972-2022 ราว 0.1%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.42% สู่ 33,886.47, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.21% สู่ 4,137.64 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.35% สู่ 12,123.47 ในวันศุกร์ อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี โดยก่อนหน้านี้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่งทะยานขึ้น 1.14% ในวันพฤหัสบดี ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 1.33% ในวันพฤหัสบดี และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 1.99% ในวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ หุ้น 7 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลงมากที่สุด แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 1.1% และถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันศุกร์
ธนาคารซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคต่างก็เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาดในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากการที่ชาวสหรัฐลดความกังวลที่มีต่อวิกฤติภาคธนาคาร โดยนายรอส เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัท Baird กล่าวว่า "ธนาคารขนาดใหญ่ไม่ได้รับความเสียหายมากนักจากภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในธนาคารระดับภูมิภาค และธนาคารขนาดใหญ่อาจจะเป็นฝ่ายที่ได้รับประโยชน์จากภาวะปั่นป่วนวุ่นวายดังกล่าวด้วย โดยเราพบว่างบดุลของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า วิกฤติธนาคารระดับภูมิภาคไม่ได้เป็นวิกฤติเชิงระบบ" ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.5% ในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นธนาคารเจพีมอร์แกน เชสทะยานขึ้น 7.6% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2020 ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ปทะยานขึ้น 4.8% แต่หุ้นเวลส์ ฟาร์โกขยับลง 0.1%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรงเกินคาดในเดือนมี.ค. เนื่องจากผู้บริโภคปรับลดการซื้อรถยนต์และสินค้ารายการใหญ่ โดยยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.0% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับลง 0.2% ในเดือนก.พ. ส่วนมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นจาก 62.0 ในเดือนมี.ค. สู่ 63.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 62.0 ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้า Fed funds คาดการณ์ว่า มีโอกาส 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.
นักลงทุนรอดูผลประกอบการบริษัทสหรัฐหลายแห่งที่จะได้รับการรายงานออกมาในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงผลประกอบการของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์, มอร์แกน สแตนเลย์, แบงก์ ออฟ อเมริกา และบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ในขณะที่ธนาคารระดับภูมิภาคและบริษัทในภาคอุตสาหกรรมหลายแห่งก็จะรายงานผลประกอบการออกมาด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--12 เม.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวอย่างไร้ทิศทางชัดเจนในวันอังคาร โดยตลาดหุ้นร่วงลงในช่วงท้ายตลาด ในขณะที่นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมี.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย และนักลงทุนรอดูฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่จะเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในวันศุกร์นี้ เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะรายงานผลประกอบการออกมาในวันที่ 14 เม.ย. ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันอังคารในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มที่มักปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มวัสดุ และกลุ่มการขนส่ง อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดวันอังคารในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.29% สู่ 33,684.79; ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.17 จุด หรือ 0.00% สู่ 4,108.94; และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.43% สู่ 12,031.88 ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ๋ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดตลาดวันอังคารในแดนลบ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานกับหุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด
นายไรอัน ดีทริค หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่หุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจนำตลาดปรับขึ้น นั่นก็ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า นักลงทุนอาจจะกังวลมากเกินไปในเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย และสิ่งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี" ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนในช่วงบ่าย ในขณะที่นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เฟดควรจะใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในช่วงที่ผ่านมา และเขาตั้งข้อสังเกตว่า การที่ธนาคารปรับลดการปล่อยกู้จะถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยควบคุมภาวะเงินเฟ้อ และถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของนโยบายการเงิน
นักลงทุนรอดูดัชนี CPI ของสหรัฐและรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 21-22 มี.ค.ที่จะได้รับการเปิดเผยออกมาในวันพุธนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยชะลอตัวลงจาก +0.4% ในเดือนก.พ. และอาจปรับขึ้นเพียง 5.2% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงอย่างรุนแรงจาก +6.0% ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานในเดือนมี.ค.อาจปรับขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน โดยชะลอตัวลงจาก +0.5% ในเดือนก.พ. และอาจปรับขึ้น 5.6% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยเร่งตัวขึ้นจาก +5.5% ในเดือนก.พ. ทั้งนี้ เครื่องมือ FedWatch ของบริษัท CME ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์กันว่ามีโอกาส 67% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.
หุ้นกลุ่มสกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัล, ไรออท แพลตฟอร์มส์ และมาราธอน ดิจิทัล โฮลดิงส์ที่ทะยานขึ้น 6-17% ในวันอังคาร ในขณะที่บิทคอยน์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน และขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของวันที่ 30,575 ดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน