ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ผู้บริหารธนาคารสหรัฐเตือนว่า การเพิ่มการดำรงเงินกองทุนจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพิ่มขึ้น และทำให้กิจกรรมภาคธนาคารเปลี่ยนไปยังกลุ่มที่มีกฎระเบียบควบคุมน้อยกว่า ขณะที่ผู้ควบคุมกฎระเบียบกำลังพิจารณากฎใหม่เพื่อบรรเทาผลขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผู้ควบคุมกฎภาคธนาคารของธนาคารกลางจะออกข้อเสนอในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อกำหนดให้ธนาคารต่างๆต้องดำรงเงินสดมากขึ้นเพื่อรับประกันว่า ระบบการเงินยังมีเสถียรภาพอยู่ และนายไมเคิล บาร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ฝ่ายกำกับดูแลกล่าวในเดือนนี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ต้องดำรงเงินกองทุนมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ไม่ทราบ
นายเจเรอมี่ บาร์นัม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเจพีมอร์แกน เชสกล่าวว่า "การดำรงเงินกองทุนมากขึ้นทำให้ต้นทุนสินเชื่อสูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับเศรษฐกิจ" และทางธนาคารก็อาจจะขึ้นราคาหรือยกเลิกผลิตภัณฑ์บางรายการไปเพื่อเป็นการชดเชยต้นทุนเงินทุนที่สูงขึ้น
กฎที่คาดว่าจะออกมาใหม่ข้อที่สำคัญก็คือการกำหนดให้ธนาคารดำรงเงินกองทุนมากขึ้นเพื่อป้องกันการซื้อขายบางอย่าง และเจ้าหน้าที่เจพีมอร์แกนกล่าวว่า ธนาคารอาจจะต้องยกเลิกผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเส้นโค้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากนั่นจะไม่ให้คุ้มในเชิงเศรษฐกิจ และกฎเหล่านี้อาจจะมีผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญมากขึ้นสำหรับสินเชื่อจำนองด้วย ซึ่งอาจจะยากขึ้นที่จะให้แก่เจ้าของบ้าน
ด้านเจน เฟรเซอร์ ซีอีโอของซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า "มีความไม่แน่นอนมากมายเกี่ยวกับการดำรงเงินกองทุนใหม่ ทั้งในแง่ของลักษณะของกฎและจังหวะเวลาในการดำเนินตามกฎ"
ถ้าผู้ควบคุมกฎบังคับใช้ข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นต่อภาคธนาคาร ผู้บริหารระบุว่า กิจกรรมก็จะเปลี่ยนไปสู่คนกลางทางการเงินที่มีกฎระเบียบควบคุมเบาบางกว่า โดยมีโอกาสที่แบล็คสโตน และอะพอลลโลจะได้รับอานิสงส์--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--17 ก.ค.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงเล็กน้อยในวันศุกร์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มการเงินส่วนใหญ่ร่วงลง หลังจากธนาคารและบริษัทการเงินบางแห่งเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 อย่างไม่เป็นทางการ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐร่วงลง 0.9% ในขณะที่หุ้นธนาคารเจพีมอร์แกน เชสปรับขึ้น 0.6% และหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกปรับลง 0.3% หลังจากธนาคารทั้งสองแห่งรายงานว่า ผลกำไรรายไตรมาสปรับสูงขึ้น แต่ธนาคารทั้งสองแห่งได้กันสำรองเงินไว้มากยิ่งขึ้นสำหรับหนี้สงสัยจะสูญในส่วนของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐร่วงลง 0.7% ในขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลง 4% หลังจากซิตี้กรุ๊ปรายงานว่าผลกำไรรายไตรมาสดิ่งลง ส่วนหุ้นบริษัทแบล็คร็อครูดลง 1.5% หลังจากแบล็คร็อครายงานว่ารายได้รายไตรมาสปรับลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.33% สู่ 34,509.03, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.10% สู่ 4,505.42 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.18% สู่ 14,113.70 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 2.3%, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 2.4% และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.3% โดยดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้ว 17% จากช่วงต้นปีนี้
ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพที่พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากยูไนเต็ดเฮลธ์เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ทางด้านหุ้นบริษัทประกันสุขภาพแห่งอื่น ๆ ทะยานขึ้นเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นฮูมานาที่พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นซิกนาที่ทะยานขึ้น 4.7% ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.8% และถือเป็นกลุ่มที่ถ่วงตลาดหุ้นสหรัฐลงมากที่สุดในวันศุกร์ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำปรับลง 0.33% สู่ 8,017.97 ในวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 8,183.38
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 8.1% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายปี แต่บริษัทส่วนใหญ่มักจะรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ทั้งนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนบางรายระบุว่า หุ้นกลุ่มธนาคารอาจเผชิญกับแรงเทขาย หลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยทั้งดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารและดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐต่างก็ปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ หลังจากปิดตลาดในแดนบวกมานานติดต่อกัน 5 วัน โดยดัชนี KBW รูดลง 1.9% ในวันศุกร์
หุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 1.3% ในวันศุกร์ ในขณะที่เทสลาจะรายงานผลประกอบการในวันพุธที่ 19 ก.ค. และถือเป็นบริษัทแห่งแรกในกลุ่มบริษัทเติบโตขนาดยักษ์ที่จะรายงานผลประกอบการออกมา--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--13 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันพุธ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. และรายงานตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปปรับขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราการปรับขึ้นที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 ปี โดยชะลอตัวลงจาก +4.0% ในเดือนพ.ค. ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2021 และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +0.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 4.8% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2021 และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5% หลังจากดัชนี CPI พื้นฐานปรับขึ้น 5.3% ในเดือนพ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.25% สู่ 34,347.43, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.74% สู่ 4,472.16 และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.15% สู่ 13,918.96 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐทะยานขึ้น 1.3% ในขณะที่หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีมักจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐปรับขึ้น 0.6% ในวันพุธ ในขณะที่ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกมีกำหนดจะรายงานผลกำไรไตรมาส 2 ในวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งจะส่งผลให้ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสองของบริษัทสหรัฐเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในวันศุกร์นี้ ทางด้านแบงก์ ออฟ อเมริกาและมอร์แกน สแตนเลย์มีกำหนดจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 18 ก.ค. ส่วนโกลด์แมน แซคส์จะประกาศผลประกอบการในวันที่ 19 ก.ค. ทั้งนี้ นักลงทุนปรับตัวรับข่าวที่ว่า การเดินทางเยือนจีนของเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้มีการตั้งความหวังกันว่า สหรัฐอาจจะผ่อนคลายมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน
หุ้นบรอดคอมซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปของสหรัฐปรับขึ้น 0.9% หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติแผนการขนาด 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ของบรอดคอมในการเข้าซื้อบริษัท VMware ซึ่งทำธุรกิจประมวลผลระบบคลาวด์ หลังจากบรอดคอมเสนอให้ความช่วยเหลือแก่มาร์เวล เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง โดยหุ้น VMware พุ่งขึ้น 2.8% ส่วนหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยีทะยานขึ้น 1.2%
หุ้นเอ็นวิเดียพุ่งขึ้น 3.5% หลังจากแหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัทอาร์ม ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกแบบชิปในเครือซอฟท์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ปอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อให้เอ็นวิเดียเข้ามาเป็นผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง ในขณะที่อาร์มเดินหน้าแผนการเข้าจดทะเบียนในนิวยอร์ค โดยอาจจะเข้าจดทะเบียนในเดือนก.ย. ทั้งนี้ เอ็นวิเดียระบุว่า เอ็นวิเดียจะลงทุน 50 ล้านดอลลาร์ในการเร่งรัดการฝึกฝนแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทรีเคอร์ชันที่ใช้ในการค้นพบยาด้วย ทางด้านหุ้นรีเคอร์ชันพุ่งขึ้น 78% ในวันพุธ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--12 ก.ค.--รอยเตอร์
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐจะเริ่มต้นรายงานผลกำไรไตรมาสสองในเร็ว ๆ นี้ โดยธนาคารเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกมีกำหนดจะรายงานผลกำไรไตรมาส 2 ในวันที่ 14 ก.ค., แบงก์ ออฟ อเมริกาและมอร์แกน สแตนเลย์มีกำหนดจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 18 ก.ค. ส่วนโกลด์แมน แซคส์จะประกาศผลประกอบการในวันที่ 19 ก.ค. ทางด้านนักลงทุนคาดว่าธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐจะรายงานตัวเลขผลกำไรไตรมาสสองที่สูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากดอกเบี้ยรับที่สูงขึ้น และปัจจัยบวกดังกล่าวจะช่วยชดเชยยอดการทำข้อตกลงทางธุรกิจที่ปรับลดลง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ในส่วนของธนาคารที่ให้บริการแบบครบวงจรนั้น ธนาคารเจพีมอร์แกนและธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งให้บริการแก่ทั้งภาคเอกชนและผู้บริโภครายย่อย มีแนวโน้มที่จะมีผลกำไรต่อหุ้น (EPS) พุ่งขึ้นกว่า 40% ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกามีแนวโน้มที่จะมี EPS ทะยานขึ้นกว่า 7% แต่ซิตี้กรุ๊ปมีแนวโน้มที่จะมี EPS ดิ่งลง 43%
ในส่วนของวาณิชธนกิจขนาดใหญ่นั้น นักวิเคราะห์คาดว่า โกลด์แมน แซคส์มีแนวโน้มที่จะมี EPS ดิ่งลงเกือบ 59% ส่วนมอร์แกน สแตนเลย์มีแนวโน้มที่จะมี EPS รูดลง 9% อย่างไรก็ดี รายได้จากแผนกบริหารความมั่งคั่งมีแนวโน้มที่จะช่วยชดเชยความอ่อนแอของรายได้จากการทำข้อตกลงทางธุรกิจ ทั้งนี้ นายเดวิด คอนราด นักวิเคราะห์ของบริษัทคีฟ, บรูย์เอทท์ แอนด์ วูดส์กล่าวว่า ธนาคารที่ให้บริการแบบครบวงจรได้รับแรงหนุนจากผู้บริโภคสหรัฐที่ยังคงใช้จ่ายเงินจำนวนมาก และยังคงมีฐานะการเงินที่ดี โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยชดเชยความอ่อนแอในแผนกวาณิชธนกิจ ในขณะที่รายได้ด้านวาณิชธนกิจได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นายสตีเฟน บิกการ์ นักวิเคราะห์ของบริษัทอาร์กัส รีเสิร์ชกล่าวว่า "โกลด์แมน แซคส์จะมีผลประกอบการย่ำแย่อีกครั้งในส่วนของวาณิชธนกิจในไตรมาสสอง ในขณะที่ธุรกิจการซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในภาวะเฉื่อยชา เนื่องจากความผันผวนปรับลดลง" โดยโกลด์แมน แซคส์อาจจะปรับลดมูลค่าทางบัญชีสำหรับธุรกิจด้านผู้บริโภคลงด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัทดีลโลจิกระบุว่า กิจกรรมด้านวาณิชธนกิจทั่วโลกดิ่งลงสู่ 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012
ผู้บริหารภาคธนาคารปรับลดการคาดการณ์สำหรับไตรมาสสองลง หลังจากกิจกรรมการควบรวมกิจการและการออกจำหน่ายหุ้นกู้ดิ่งลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผู้บริหารบางรายระบุว่ากิจกรรมการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (IPO) เริ่มฟื้นตัวขึ้น และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าตลาดตราสารทุนอาจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ธนาคารก็มักจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้าที่มากู้เงิน อย่างไรก็ดี ความต้องการกู้เงินชะลอตัวลงในช่วงนี้ และธนาคารก็จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นให้แก่ผู้บริโภคที่นำเงินมาฝากไว้กับธนาคาร
นักวิเคราะห์ของ KBW ระบุว่า ปริมาณเงินฝากในธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐดิ่งลง 1.41 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง หลังจากที่เคยมีเงินฝากจำนวนมากไหลเข้าสู่ธนาคารขนาดใหญ่ในไตรมาสแรก เนื่องจากลูกค้าต้องการฝากเงินในสถานที่ปลอดภัยในช่วงนั้น หลังจากธนาคารระดับภูมิภาคบางแห่งในสหรัฐถูกสั่งปิดกิจการ ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐดิ่งลงมาแล้ว 9.3% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งสวนทางกับดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้น 14.6% จากช่วงต้นปีนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--4 ก.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทเทสลาและหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทะยานขึ้น 6.9% หลังจากเทสลาประกาศว่า ทางบริษัทจัดส่งยานพาหนะสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสสอง ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.5% ในวันจันทร์ ในขณะที่หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ทะยานขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการประกาศปรับเพิ่มเงินปันผล หลังจากธนาคารเหล่านี้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โกพุ่งขึ้น 1.7% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปทะยานขึ้น 1.5%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.03% สู่ 34,418.47, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.12% สู่ 4,455.59 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.21% สู่ 13,816.77 ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนบวกในวันจันทร์ แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์ร่วงลง 0.8% และดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลง 0.3%
เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแตะระดับพลิกกลับหรือลาดลง (inversion) มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 ในวันจันทร์ และสิ่งนี้บ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังกังวลกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ โดยภาวะลาดลงนี้คือการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ในขณะที่ค่าสเปรด (ส่วนต่าง) ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปีกับอายุ 10 ปีแตะระดับ 1.0950% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นระดับการลาดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือนที่ 4.963% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ และอยู่ที่ 4.940% ในช่วงท้ายวันจันทร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นจาก 3.819% ในช่วงท้ายวันศุกร์ สู่ 3.858% ในช่วงท้ายวันจันทร์
สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงจาก 46.9 ในเดือนพ.ค. สู่ 46.0 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 และถือเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตหดตัวลงจากเดือนก่อน ทางด้านดัชนีราคาจ่ายในภาคการผลิตสหรัฐดิ่งลงจาก 44.2 ในเดือนพ.ค. สู่ 41.8 ในเดือนมิ.ย. ในขณะที่ภาวะคอขวดในห่วงโซ่อุปทานบรรเทาลง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลลบต่ออุปสงค์
ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันอังคารที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนี Nasdaq เพิ่งพุ่งขึ้น 31.7% ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีสำหรับช่วงครึ่งปีแรก โดยตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนสำคัญจากการทะยานขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งชี้ในระยะนี้ว่า การพุ่งขึ้นของหุ้นในตลาดได้กระจายออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยนายชัค คาร์ลสัน ซีอีโอของบริษัทฮอไรซัน อินเวสท์เมนท์ เซอร์วิสเซสกล่าวว่า "ตลาดจะแข็งแกร่งขึ้น และมีแนวโน้มสูงขึ้นที่ตลาดจะปรับขึ้นอย่างยั่งยืนกว่าเดิม ถ้าหากหุ้นปรับขึ้นในวงกว้างกว่าเดิม"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
วอชิงตัน--29 มิ.ย.--รอยเตอร์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤติประจำปีนี้ในวันพุธ ซึ่งเป็นการทดสอบธนาคาร 23 แห่งในสหรัฐที่แต่ละแห่งมีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ โดยผลการทดสอบพบว่า ธนาคารขนาดใหญ่เหล่านี้สามารถผ่านการทดสอบ ถึงแม้ว่าภาคธนาคารสหรัฐเพิ่งเผชิญกับภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในช่วงต้นปี และเผชิญกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในอนาคต ทั้งนี้ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลุ่มนี้มีเงินกองทุนมากพอที่จะสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง และสิ่งนี้เปิดโอกาสให้ธนาคารเหล่านี้สามารถจ่ายเงินปันผลและซื้อคืนหุ้นได้ในอนาคต โดยธนาคารเหล่านี้จะสามารถประกาศแผนซื้อคืนหุ้นและง่ายเงินปันผลได้หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. ทางด้านธนาคารที่ผ่านการทดสอบในครั้งนี้รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก, มอร์แกน สแตนเลย์ และโกลด์แมน แซคส์
สถานการณ์ที่เฟดใช้ในการทดสอบคือสถานการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงเกือบ 8.75% โดยมีสาเหตุบางส่วนมาจากมูลค่าสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่รูดลง 40% และอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ 10% โดยการทดสอบนี้ประเมินว่า ธนาคารแต่ละแห่งจะยังคงมีสัดส่วนการดำรงเงินกองทุนอยู่สูงกว่าอัตราขั้นต่ำที่ 4.5% หรือไม่ และผลการทดสอบก็พบว่า สัดส่วนการดำรงเงินกองทุนโดยเฉลี่ยของธนาคารทั้ง 23 แห่งอยู่ที่ 10.1% หรือสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำกว่า 2 เท่า โดยสัดส่วนดังกล่าวปรับขึ้นจาก 9.7% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่เฟดทดสอบธนาคาร 34 แห่งโดยใช้สถานการณ์ที่ง่ายกว่านี้ และผลการทดสอบในปีนี้ยังระบุอีกด้วยว่า ธนาคาร 23 แห่งนี้จะมียอดสูญเสียรวมกัน 5.41 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว
ถึงแม้ผลการทดสอบอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง นักวิเคราะห์บางรายก็เตือนว่า ผลการทดสอบนี้ให้ภาพในทางบวกมากเกินไป หลังจากรัฐบาลสหรัฐเพิ่งถูกบีบให้เข้าแทรกแซงสถานการณ์เพื่อปกป้องผู้ฝากเงินในธนาคารเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นอกจากนี้ เฟดก็สำรวจงบดุลของธนาคารเหล่านี้ตามที่ระบุไว้ในช่วงสิ้นปี 2022 ซึ่งนั่นหมายความว่าผลการทดสอบในครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากวิกฤติภาคธนาคารในช่วงต้นปีนี้
ธนาคารที่ให้ผลการทดสอบดีมากในครั้งนี้รวมถึงชาร์ลส์ ชว็อบ คอร์ป และกิจการในสหรัฐของดอยช์ แบงก์ ส่วนธนาคารที่ให้ผลการทดสอบรั้งท้ายรวมถึงซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล คอร์ป และยู.เอส. แบงคอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารระดับภูมิภาค ทั้งนี้ นายไมเคิล บาร์ รองประธานเฟดฝ่ายการกำกับดูแลกล่าวว่า ผลการทดสอบในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าระบบธนาคารสหรัฐ "มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น" แต่เขากล่าวย้ำว่าการทดสอบนี้เป็นเพียงมาตรวัดอันหนึ่งที่ใช้วัดความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร หลังจากเกิดเหตุการณ์ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (SVB) และธนาคารอีก 2 แห่งในสหรัฐถูกสั่งปิดกิจการในช่วงต้นปีนี้
ในกลุ่มของธนาคาร 8 แห่งในสหรัฐ "ที่ถือว่ามีความสำคัญต่อระบบโลก" นั้น สัดส่วนการดำรงเงินกองทุนโดยเฉลี่ยของธนาคารกลุ่มนี้อยู่ที่ 10.9% โดยปรับขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้ว โดยธนาคารสเตท สตรีทมีสัดส่วนการดำรงเงินกองทุนอยู่ที่ 13.8% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารสำคัญ 8 แห่งนี้ ทั้งนี้ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า พอร์ตลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของธนาคารเหล่านี้อยู่ในระดับที่ดีเกินคาด โดยพอร์ตลงทุนดังกล่าวจะมียอดหนี้สูญ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายใต้สถานการณ์วิกฤติ หรือ 8.8% ของยอดสินเชื่อโดยเฉลี่ย โดยปรับลดลงจากสัดส่วน 9.8% ในปีที่แล้ว ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ถือเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนหนี้สูญในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มากที่สุด โดยมีสัดส่วนหนี้สูญจากอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ 16% ของยอดสินเชื่อโดยเฉลี่ยภายใต้การทดสอบ ในขณะที่มอร์แกน สแตนเลย์ครองอันดับ 2 ที่ 13.7% และซิติเซนส์ ไฟแนนเชียล กรุ๊ปครองอันดับ 3 ที่ 12.4%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนปรับตัวไร้ทิศทางในช่วงเปิดตลาดวันนี้ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังกับการคาดการณ์ในตลาดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ใกล้แตะกรอบบนของที่นักวิเคราะห์คาดไว้
คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวย้ำว่า อีซีบีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจเพิ่มเติมบนพื้นฐานว่าข้อมูลเศรษฐกิจออกมาอย่างไร
วาณิชธนกิจชั้นนำทั่วโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยปลายทางของอีซีบีขึ้นเป็น 4% ในเดือนก.ย.
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของเยอรมนีบวก 0.005% มาที่ 2.47%
สัญญาฟอร์เวิร์ดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นส่งมอบเดือนพ.ย.ปีนี้อยู่ที่ 3.79% ซึ่งบ่งชี้ถึงการคาดการณ์ในตลาดที่ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะแตะระดับสูงสุดที่ราว 3.88%--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน