ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินพุ่งขึ้นในวันจันทร์ หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกมานาน 4 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงจากการชัตดาวน์ (การปิดทำการชั่วคราวของหน่วยงานรัฐบาล) ได้สำเร็จ และดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งด้วย เพราะตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งนี้ สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานในวันจันทร์ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐใกล้จะฟื้นตัวขึ้นในเดือนก.ย. ในขณะที่การผลิตปรับเพิ่มขึ้นและการจ้างงานดีดขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 47.6 ในเดือนส.ค. สู่ 49.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022 แต่ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตยังคงหดตัวลงในเดือนก.ย. ส่วนดัชนีการจ้างงานในภาคการผลิตปรับขึ้นจาก 48.5 ในเดือนส.ค. สู่ 51.2 ในเดือนก.ย. ทางด้านดัชนีการผลิตในภาคโรงงานปรับขึ้นจาก 50.0 ในเดือนส.ค. สู่ 52.5 ในเดือนก.ย. แต่ดัชนีราคาจ่ายในภาคการผลิตดิ่งลงจาก 48.4 ในเดือนส.ค. สู่ 43.8 ในเดือนก.ย. Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 107.01 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยพุ่งขึ้นจาก 106.17 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 107.03 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 10 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.85 เยน ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 149.35 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 149.90 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบราว 11 เดือน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0476 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยร่วงลงจาก 1.0570 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0475 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดเกือบทรงตัวในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคของสหรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ดิ่งลง 4.7% ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานรูดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ด้วยเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% และดัชนี Nasdaq ของสหรัฐก็ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน ในขณะที่หุ้นบริษัทเอ็นวิเดียทะยานขึ้น 2.9% หลังจากธนาคารโกลด์แมน แซคส์เพิ่มหุ้นเอ็นวิเดียในรายชื่อหุ้น conviction list สำหรับหุ้นกลุ่ม top picks ของโกลด์แมน แซคส์ ทั้งนี้ มิเชลล์ โบว์แมน หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เธอยังคงเต็มใจที่จะสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในอนาคต ถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างเชื่องช้าเกินไป หรืออัตราเงินเฟ้อยุติการชะลอตัวลง Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.22% สู่ 33,433.35
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.01% สู่ 4,288.39
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.67% สู่ 13,307.77
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทะยานขึ้นแตะ 107.03 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 10 เดือน, การที่นักลงทุนเทขายทำกำไรสัญญาน้ำมันออกมา หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 30% จนแตะจุดสูงสุดรอบ 10 เดือนในไตรมาส 3, แรงกดดันที่อุปสงค์น้ำมันได้รับจากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง และความกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันดิบ ทั้งนี้ คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานในวันศุกร์ว่า นักเก็งกำไรในสหรัฐปรับเพิ่มการถือครองสถานะซื้อสุทธิในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์ล่าสุด จนสถานะซื้อสุทธิดังกล่าวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่นักเก็งกำไรอาจจะเทขายทำกำไรสัญญาน้ำมันออกมาในช่วงนี้ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ดิ่งลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.2% มาปิดตลาดที่ 88.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.6% มาปิดตลาดที่ 90.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนพ.ย.ครบกำหนดส่งมอบที่ระดับ 95.31 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ซึ่งเท่ากับว่าราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนใกล้ดิ่งลงราว 5% ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. โดยราคาสัญญาเดือนธ.ค.ได้ดิ่งลงแตะ 90.35 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันจันทร์ด้วย ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์สำหรับราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนใกล้
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐดิ่งลง 20.91 ดอลลาร์ หรือ 1.13% สู่ 1,827.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการร่วงลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน หลังจากราคาทองดิ่งลงแตะ 1,825.90 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 7 เดือน โดยราคาทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งนี้ นายจิม วิคคอฟ นักวิเคราะห์ของบริษัทคิทโค เมทัลส์กล่าวว่า ราคาทองอาจจะดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้นี้ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า กองทุนเฮดจ์โลกที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการซื้อขายหุ้นนั้นจะทำผลการดำเนินงานรายเดือนดีที่สุดนับตั้งแต่โกลด์แมน แซคส์ได้เริ่มติดตามข้อมูลในปี 2016
กองทุนเฮดจ์ที่ใช้อัลกอริทึมเพื่อเข้าถือสถานะซื้อและสถานะขายหุ้น ทำผลตอบแทน 5.4% ในรอบเดือนนี้จนถึงวันที่ 27 ก.ย. ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการทำกำไรได้จากการชอร์ตหุ้น หรือการคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะร่วงลง และนั่นได้ชดเชยผลขาดทุนที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆทำจากการเชื่อว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น
ดัชนี S&P 500 ร่วงราว 6% แล้วในเดือนนี้ โดยได้รับผลกระทบจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นทั่วโลกทำสถิติร่วงลงติดต่อกันนานที่สุดในรอบ 2 ปีในวันนี้ เนื่องจากความวิตกมากขึ้นว่า ธนาคารกลางต่างๆที่ให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อจะต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
เดือนก.ย.นับเป็นโอกาสสำหรับกองทุนเฮดจ์ให้ทำผลงานได้โดดเด่นกว่าตลาดโดยรวม โดยเฉพาะกองทุนที่ไม่ได้มองว่า ตลาดจะปรับขึ้นหรือลงอย่างไร แต่กองทุนเหล่านี้เข้าถือสถานะซื้อและขายหุ้นที่พวกเขาเชื่อว่ามีมูลค่าต่ำเกินไป และมีมูลค่าสูงเกินไป แทนที่จะคาดการณ์ผลการดำเนินงานที่เป็นบวกหรือติดลบของดัชนีอ้างอิง เช่น ดัชนี S&P 500
กองทุนเฮดจ์ที่ทำการซื้อขายหุ้นที่โกลด์แมน แซคส์ติดตามข้อมูลนั้นมีมุมมองเชิงลบต่อหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าที่ผู้บริโภคอาจจะไม่ต้องจำเป็นต้องใช้เสมอไป แต่อาจจะมีความต้องการ เช่น รถยนต์ และเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ ซึ่งหุ้นเหล่านี้ หรือที่เรียกว่าหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถูกชอร์ตขายมาตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. และสถานะขายในรอบ 40 วันที่ผ่านามาอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2022--จบ--
Eikon source text
กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานะที่ดีกว่าเศรษฐกิจของประเทศสำคัญอื่น ๆ ทั้งนี้ บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) โดยรวมของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ขยับลงจาก 50.2 ในเดือนส.ค. สู่ 50.1 ในเดือนก.ย. ในขณะที่ดัชนีที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานะที่ดีกว่าเศรษฐกิจยุโรป หลังจากมีรายงานระบุว่า ดัชนี PMI โดยรวมของฝรั่งเศสร่วงลงจาก 46.0 ในเดือนส.ค. สู่ 43.5 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ผลสำรวจก็พบว่า เศรษฐกิจยูโรโซนอาจหดตัวลงในไตรมาส 3 ในขณะที่ดัชนี PMI คอมโพสิตขั้นต้นของยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 47.1 ในเดือนก.ย. จากระดับต่ำสุดในรอบ 33 เดือนที่ 46.7 ในเดือนส.ค. แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.55 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 105.39 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 105.78 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หรือจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้นราว 0.3% จากสัปดาห์ที่แล้ว และถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.37 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 147.58 เยน หลังจากทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 10 เดือนที่ 148.45 เยนในวันพฤหัสบดี
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0652 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยขยับลงจาก 1.0658 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0613 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หรือจุดต่ำสุดรอบ 6 เดือน
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงในวันศุกร์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 4.508% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2007 หรือจุดสูงสุดรอบ 16 ปี ก่อนจะปรับลงสู่ 4.440% ในช่วงท้ายวันศุกร์ ทางด้านมิเชลล์ โบว์แมน หนึ่งในผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในวันศุกร์ว่า เฟดจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อภายในเวลาที่เหมาะสม โดยถ้อยแถลงแบบสายเหยี่ยวในครั้งนี้ตั้งอยู่บนการคาดการณ์ที่ว่า ราคาพลังงานอาจจะปรับสูงขึ้น และการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้ออาจจะดำเนินต่อไปอีกนานหลายปี ทั้งนี้ มีเพียงหุ้น 2 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดตลาดวันศุกร์ในแดนบวก ซึ่งได้แก่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันศุกร์ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.31% สู่ 33,963.84
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.23% สู่ 4,320.06 หลังจากดัชนีเพิ่งร่วงผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันซึ่งถือเป็นแนวรับสำคัญในวันพฤหัสบดี และถือเป็นการร่วงผ่านแนวรับดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยการที่ดัชนีไม่สามารถพุ่งขึ้นเหนือระดับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ดัชนียังคงได้รับแรงกดดันในทางลบ นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ด้วย
ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.09% สู่ 13,211.81 โดยดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานของบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐดิ่งลง 8 แท่น สู่ 507 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2022 ทางด้านบริษัทไอไออาร์ เอ็นเนอร์จีระบุว่า มีการคาดการณ์กันว่าโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐจะปิดกำลังการกลั่นน้ำมันราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ล่าสุด โดยเพิ่มขึ้นจาก 800,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ในขณะที่โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐมักจะปิดซ่อมบำรุงในฤดูใบไม้ร่วง หลังจากใช้กำลังการกลั่นจำนวนมากในช่วงฤดูร้อนเพื่อตอบรับต่ออุปสงค์น้ำมันที่ระดับสูง ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทรงตัวในวันศุกร์ แต่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ โดยได้รับแรงกดดันจากคำสั่งเทขายทำกำไร ในขณะที่ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งจะส่งผลลบต่ออุปสงค์น้ำมัน แต่ราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมัน หลังจากรัสเซียประกาศห้ามส่งออกเชื้อเพลิง Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.5% มาปิดตลาดที่ 90.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ แต่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับลง 0.03% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับลง 3 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 93.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับลง 0.3% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกมานานติดต่อกัน 3 สัปดาห์ โดยราคาน้ำมันดิบเคยพุ่งขึ้นกว่า 10% ในช่วง 3 สัปดาห์ดังกล่าว โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันตึงตัว
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 5.42 ดอลลาร์ สู่ 1,924.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์ลดช่วงบวกลงในวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 เดือนในระหว่างวัน ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีก็พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 16 ปีที่ 4.508% ในวันศุกร์ ก่อนจะร่วงลงมาปิดตลาดที่ 4.44% ในวันศุกร์ โดยปรับลงจาก 4.48% ในวันพฤหัสบดี โดยการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ-- ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุม แต่เฟดแสดงจุดยืนแบบสายเหยี่ยวมากยิ่งขึ้น และเฟดยังคงคาดการณ์เหมือนในเดือนมิ.ย.ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรในปีนี้ที่ระดับ 5.50-5.75% ซึ่งเท่ากับว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วงต่อไปในปีนี้ นอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ในรายงานสรุปการคาดการณ์เศรษฐกิจ (SEP) รายไตรมาสฉบับล่าสุดอีกด้วยว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.50% ในปี 2024 แทนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ในปี 2024 เหมือนอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า ถึงแม้บางสิ่งอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของเฟด ก็มีโอกาสสูงที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของเฟดจะไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำ ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นแตะ 5.178% ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 17 ปี Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.44 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 105.12 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยระดับ 105.44 นี้ถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หรือจุดสูงสุดรอบ 6 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.33 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 147.86 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 148.36 เนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดรอบ 10 เดือน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0659 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0677 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ตามความคาดหมาย และเฟดปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นจากเดิม ในขณะที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวเตือนว่า จะยังคงต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ทั้งนี้ รายงานสรุปการคาดการณ์เศรษฐกิจ (SEP) รายไตรมาสฉบับใหม่ของเฟดคาดว่า อัตราดอกเบี้ยจะแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรที่ 5.50-5.75% ในปีนี้ ก่อนจะปรับลดลงสู่ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2024 และ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2025 โดยการที่เฟดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานานส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มที่มักจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสาร และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น 2 กลุ่มนี้ถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในวันพุธในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ นอกจากนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์ที่มักได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยก็รูดลงในวันพุธด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลง 2.4%, หุ้นแอปเปิลที่รูดลง 2.0% และหุ้นเอ็นวิเดียที่ดิ่งลง 2.9% และการดิ่งลงของหุ้นเหล่านี้ก็ส่งผลลบต่อดัชนี Nasdaq เป็นอย่างมาก Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.22% สู่ 34,440.88
ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.94% สู่ 4,402.2
ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.53% สู่ 13,469.13
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุม แต่เฟดแสดงจุดยืนแบบสายเหยี่ยวมากยิ่งขึ้น และเฟดยังคงคาดการณ์เหมือนในเดือนมิ.ย.ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรในปีนี้ที่ระดับ 5.50-5.75% ซึ่งเท่ากับว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วงต่อไปในปีนี้ ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐดิ่งลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ 418.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่าอาจรูดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐปรับลดลง 0.8 ล้านบาร์เรล สู่ 219.5 ล้านบาร์เรล ทางด้านสต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil ดิ่งลง 2.9 ล้านบาร์เรล สู่ 119.7 ล้านบาร์เรล ในขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐดิ่งลง 1.8% สู่ 91.9%
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 92 เซนต์ หรือ 1.0% มาปิดตลาดที่ 90.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันพุธ ทางด้านราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 82 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 89.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนร่วงลง 81 เซนต์ หรือ 0.9% มาปิดตลาดที่ 93.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. หรือระดับปิดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี สัญญาณทางเทคนิคยังคงบ่งชี้ว่า มีคำสั่งซื้อน้ำมันดิบเบรนท์เข้ามามากเกินไปเป็นวันที่ 14 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐขยับลง 1.26 ดอลลาร์ สู่ 1,929.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามเดิมในการประชุม แต่เฟดแสดงจุดยืนแบบสายเหยี่ยวมากยิ่งขึ้น และเฟดยังคงคาดการณ์เหมือนในเดือนมิ.ย.ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรในปีนี้ที่ระดับ 5.50-5.75% ซึ่งเท่ากับว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วงต่อไปในปีนี้ ทั้งนี้ ซูกิ คูเพอร์ นักวิเคราะห์ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดกล่าวว่า "เราคาดว่าราคาทองมีความเสี่ยงด้านสูงเพียงในวงจำกัดในระยะใกล้ และราคาทองอาจจะไม่สามารถรักษาแรงหนุนส่งในทางบวกไว้ได้นาน จนกว่าตลาดจะมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐและอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกจะมีแนวโน้มปรับลดลง และจนกว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลง" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันจันทร์ แต่ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 6 เดือนท่ามกลางบรรยาศการซื้อขายที่สงบเงียบ ในขณะที่เทรดเดอร์รอดูผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ, ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ในวันพฤหัสบดี และผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในวันศุกร์ ทั้งนี้ เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวในวันจันทร์ว่า เธอมองไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ช่วงขาลง และเธอตั้งข้อสังเกตว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง แต่เธอกล่าวเตือนว่า ถ้าหากสภาคองเกรสของสหรัฐประสบความล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยให้หน่วยงานราชการสหรัฐเปิดดำเนินงานได้ต่อไป ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 105.08 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยอ่อนค่าลงจาก 105.34 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 เดือนที่ 105.43 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 ก.ย. โดยดัชนีดอลลาร์เพิ่งปิดตลาดสัปดาห์ที่แล้วในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.60 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยปรับลงจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 147.82 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0690 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0655 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์
ตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะได้รับการประกาศออกมาในวันพุธนี้ โดยนักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 99% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และมีโอกาส 1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลกับความเป็นไปได้ที่สภาคองเกรสของสหรัฐอาจจะประสบความล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยให้หน่วยงานราชการสหรัฐเปิดดำเนินงานได้ต่อไป ในขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่อยู่ภายใต้การนำของพรรครีพับลิกัน และวุฒิสภาสหรัฐที่อยู่ภายใต้การนำของพรรคเดโมแครตมีเวลาจนถึงวันที่ 30 ก.ย.ในการผ่านร่างกฎหมายงบใช้จ่ายเพื่อช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐเปิดดำเนินงานได้ต่อไป ไม่เช่นนั้นหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนก็จะต้องปิดการดำเนินงานเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 10 ปี Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.02% สู่ 34,624.3
ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.07% สู่ 4,453.53
ดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.01% สู่ 13,710.24
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การที่ซาอุดิอาระเบียกับรัสเซียต่ออายุมาตรการปรับลดอุปทานน้ำมันออกไปจนถึงสิ้นปีนี้จะส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอุปทานน้ำมัน และราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากปริมาณการผลิตน้ำมันหินเชลที่ระดับต่ำด้วย โดยปัจจัยบวกเหล่านี้บดบังความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมัน ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุในรายงานรายเดือนว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐจากแหล่งน้ำมันหินเชลสำคัญมีแนวโน้มร่วงลงในเดือนต.ค.เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และอาจดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดย EIA คาดการณ์อีกด้วยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐมีแนวโน้มร่วงลงจาก 9.433 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. สู่ 9.393 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. และออกห่างจากสถิติสูงสุดที่ 9.476 ล้านบาร์เรลต่อวันที่เคยทำไว้ในเดือนก.ค. ทางด้านเจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียได้กล่าวปกป้องมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันจันทร์ โดยเขากล่าวว่าตลาดพลังงานระหว่างประเทศจำเป็นต้องมีกฎระเบียบที่คล่องตัวเพื่อจำกัดความผันผวนของตลาด และเขากล่าวเตือนว่ามีความไม่แน่นอนในเรื่องอุปสงค์ในจีน, การเติบโตทางเศรษฐกิจในยุโรป และมาตรการของธนาคารกลางที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนต.ค.ปรับขึ้น 71 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 91.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 92.43 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 10 เดือน โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐอยู่ในภาวะที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากเกินไปเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 50 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 94.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 94.95 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 10 เดือน โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ในภาวะที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากเกินไปเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 9.56 ดอลลาร์ สู่ 1,933.14 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้ และนักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในวันพุธนี้ ทั้งนี้ ราคาสัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดสัญญาล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดที่ 480.26 หยวนในวันศุกร์ที่ 15 ก.ย. หลังจากราคาทองในจีนทะยานขึ้นมานานหลายเดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคจีนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อชดเชยการอ่อนค่าของหยวน Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โกลด์แมน แซคส์ปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยปลายทางของธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ลง 0.25% สู่ระดับ 5.5% หลังจากคาดว่า บีโออีจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนพ.ย. เทียบกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย
บีโออีขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีที่ 5.25% ในช่วงต้นเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 14 ติดต่อกัน และเตือนว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์นำโดยนายสเวน จารี สเตห์นระบุว่า พวกเขายังคงคาดว่าบีโออีจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
"ถ้าดูไปที่การประชุมในเดือนพ.ย. เราก็เห็นโอกาสมากขึ้นที่แรงกดดันด้านค่าจ้างและเงินเฟ้ออาจชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินสามารถคงอัตราดอกเบี้ยได้ เมื่อดูจากความต้องการอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่เป็นแนวระนาบมากขึ้นของพวกเขา"--จบ--
Eikon source text
18 ก.ย.--รอยเตอร์
นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ระบุในวันเสาร์ที่ 16 ก.ย.ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.- พ.ย. โดยนักยุทธศาสตร์การลงทุนกลุ่มนี้ระบุในรายงานว่า "ในเดือนพ.ย.ปีนี้ เราคาดว่าตลาดแรงงานที่ปรับเข้าสู่สมดุลมากยิ่งขึ้น, ข่าวดีในเรื่องภาวะเงินเฟ้อ, และแนวโน้มที่การเติบโตทางเศรษฐกิจจะประสบปัญหาในไตรมาส 4 จะเป็นปัจจัยที่โน้มน้าวให้สมาชิกจำนวนมากยิ่งขึ้นในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) มองว่าเฟดสามารถงดเว้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในปีนี้ และเราก็คิดว่าเฟดจะงดเว้นจากการทำเช่นนั้นในที่สุด"
เฟดกำลังจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 19-20 ก.ย. โดยนักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 99% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. และมีโอกาส 1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาสราว 72% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิมในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
นักลงทุนรายใหญ่บางราย ซึ่งรวมถึงบริษัทเจ.พี. มอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ และบริษัทเจนัส เฮนเดอร์สัน อินเวสเตอร์สระบุว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีแนวโน้มสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 5.25% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวที่สุดในรอบหลายสิบปี
นักยุทธศาสตร์การลงทุนของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง "อย่างค่อยเป็นค่อยไป" ในปีหน้า ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงต่อไป ทั้งนี้ เฟดจะเปิดเผยรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 19-20 ก.ย. โดยนักยุทธศาสตร์การลงทุนของโกลด์แมน แซคส์คาดว่า แผนภูมิ dot plot อันใหม่ของเฟดอาจจะแสดงให้เห็นว่า สมาชิก FOMC 10 จาก 19 ราย ซึ่งถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ของ FOMC อาจจะยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง เพื่อที่เฟดจะได้ยังคงมีความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายต่อไป
นักยุทธศาสตร์การลงทุนกลุ่มนี้คาดว่า ในรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจฉบับใหม่นี้ เฟดอาจจะปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงในสหรัฐประจำปี 2023 ขึ้นสู่ 2.1% จากเดิมที่เคยคาดไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ 1% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐรักษาระดับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจไว้ได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของโกลด์แมน แซคส์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการว่างงานในสหรัฐประจำปี 2023 ลงสู่ 3.9% จากเดิมที่เคยคาดไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ 4.1% และเฟดอาจจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐประจำปีนี้ลงสู่ 3.5% จากเดิมที่เคยคาดไว้ในเดือนมิ.ย.ที่ 3.9%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน