ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
วอชิงตัน/นิวยอร์ค--11 ม.ค.--รอยเตอร์
บิทคอยพุ่งขึ้น 1.21% จาก 46,124 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 46,681 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากแกว่งตัวผันผวนระหว่างระดับ 44,304-47,751 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ และหลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 47,897 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดรอบ 21 เดือน โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนในวันพุธ หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) อนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF 11 แห่ง ซึ่งรวมถึงกองทุนของบริษัทแบล็คร็อค, อาร์ค อินเวสท์เมนท์และ21แชร์ส, ฟิเดลิที, อินเวสโก, วัลคีรี และแวนเอค โดยกองทุนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้อาจจะเริ่มเปิดซื้อขายในวันนี้ ทั้งนี้ อีเธอร์ซึ่งถือเป็นสกุลเงินคริปโตขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก พุ่งขึ้น 10.22% จาก 2,345.10 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 2,584.80 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะ 2,644 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 โดยอีเธอร์อยู่ที่ระดับ 2,577.90 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนบิทคอยน์อยู่ที่ 46,577 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้
การอนุมัติจัดตั้งกองทุน ETF ในครั้งนี้จะส่งผลให้ตลาดการลงทุนในบิทคอยน์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก เพราะกองทุนเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลกำไรหรือขาดทุนจากบิทคอยน์ได้โดยที่นักลงทุนไม่ต้องถือครองบิทคอยน์โดยตรง และการอนุมัติกองทุนเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโตเป็นอย่างมากด้วย หลังจากอุตสาหกรรมนี้เผชิญกับข่าวอื้อฉาวหลายข่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดระบุในสัปดาห์นี้ว่า กองทุน ETF เหล่านี้อาจจะดึงดูดเงินลงทุนได้ 0.5-1.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์รายอื่น ๆ คาดว่า เงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF เหล่านี้จะอยู่ที่ระดับใกล้กับ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในเวลา 5 ปีข้างหน้า
บริษัทคอยน์เกคโคระบุว่า มูลค่าตามราคาตลาดของบิทคอยน์อยู่ที่ระดับสูงกว่า 9.13 แสนล้านดอลลาร์หากนับจนถึงวันที่ 10 ม.ค. ส่วนสถาบันบริษัทการลงทุน หรือ Investment Company Institute ระบุว่า สินทรัพย์สุทธิโดยรวมของกองทุน ETF ทั้งหมดในสหรัฐอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 2022 ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 70% ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า SEC จะอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุน ETF
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความสำเร็จของกองทุน ETF แต่ละแห่งในการดึงดูดเงินลงทุน จะขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมและสภาพคล่อง ในขณะที่บริษัทผู้ออกกองทุนบางแห่งได้ปรับลดค่าธรรมเนียมที่เคยวางแผนไว้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแบล็คร็อคและกองทุนของอาร์ค/21แชร์ส โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้อยู่ในระดับราว 0.2%-1.5% และบริษัทหลายแห่งก็เสนอที่จะงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเวลาระยะหนึ่งด้วย นอกจากนี้ บริษัทผู้ออกกองทุนบางแห่ง ซึ่งรวมถึงบิทไวส์และแวนเอค ก็ได้ออกโฆษณาเพื่อดึงดูดการลงทุนในบิทคอยน์แล้ว ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่า การอนุมัติจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ในครั้งนี้จะปูทางไปสู่การออกผลิตภัณฑ์คริปโตแบบใหม่ ๆ อันอื่น ๆ ในเวลาต่อมา โดยบริษัทบางแห่งได้ยื่นเรื่องเพื่อขอจัดตั้งกองทุน ETF สำหรับอีเธอร์แล้วด้วย
ก่อนหน้านี้ SEC เคยปฏิเสธที่จะอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ ETF ในอดีต เนื่องจาก SEC กังวลว่าบิทคอยน์อาจจะถูกปั่นตลาดได้อย่างง่ายดาย โดยนายแกรี เกนส์เลอร์ ประธาน SEC ก็มักจะแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สกุลเงินคริปโตด้วย อย่างไรก็ดี ในการลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการของ SEC ในครั้งนี้นั้น นายเกนส์เลอร์ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต และกรรมการอีก 2 คนของ SEC ที่มาจากพรรครีพับลิกัน ได้โหวตให้มีการอนุมัติจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF แต่กรรมการ 2 คนของ SEC ที่มาจากพรรคเดโมแครตโหวตคัดค้าน ซึ่งรวมถึงแคโรไลน์ เครนชอว์ ที่ให้เหตุผลว่ามีปัญหาเรื่องการปกป้องคุ้มครองนักลงทุน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นายริค ไรเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนตราสารหนี้โลกจากแบล็คร็อค บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก กล่าวว่า การพุ่งขึ้นในช่วงปลายปีของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจจำกัดการพุ่งขึ้นอีกของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐบางช่วงอายุ
ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นจากแรงเทขายรุนแรงในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัว และเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่การคาดการณ์ในตลาดที่ว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 1.50% โดยจะเริ่มอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.นั้น เป็นการคาดการณ์มากเกินไป
เขาเชื่อว่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นและระยะยาวอาจจะไม่ปรับตัวขึ้นอย่างมีความหมายอีก หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงจากกว่า 5% ในเดือนต.ค. มาที่ระดับต่ำกว่า 3.9% ในสัปดาห์นี้ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีร่วงลงราว 1.00% จากระดับสูงสุดในเดือนต.ค.แล้ว
เขาคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.75-100% ในปีหน้าโดยเริ่มในเดือนพ.ค. และบางส่วนของเส้นโค้งผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เช่น พันธบัตรอายุ 5 หรือ 7 ปี จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลดดอกเบี้ย ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีอาจจะลดลง 0.50% หรือมากกว่านั้น--จบ--
Eikon source text
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นตลาดประเทศพัฒนาแล้วลงสู่ "คงน้ำหนักการลงทุน" (neutral) หลังจากที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (overweight) นับตั้งแต่สิ้นสุดมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาดในประเทศตะวันตก เนื่องจากมูลค่าหุ้นน่าสนใจ
สถาบันเปลี่ยนมามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และระยะกลางของตลาดประเทศพัฒนาแล้ว หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เคยลดน้ำหนักการลงทุน (underweight) พันธบัตรรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้วมาตั้งแต่เดือนมี.ค.2020 แต่เนื่องจากผลตอบแทนปรับตัวขึ้น สถาบันจึงได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุน และเปลี่ยนมาเป็น คงน้ำหนักการลงทุน
ขณะที่สถาบันมีมุมมองเชิงบวกต่อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลาง แต่ก็ยังมีมุมมองเชิงลบต่อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เนื่องจากคาดว่าผลตอบแทนจะพุ่งขึ้นมากกว่า เมื่อนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการถือพันธบัตรระยะยาว
สถาบันยังระบุว่า "เรายังคาดว่าความต้องการพันธบัตรจะลดลงท่ามกลางระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้น และธนาคารกลางต่างๆจะไม่นำเงินที่ได้จากพันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนกลับมาลงทุนใหม่ตามมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณ และนักลงทุนจะประสบความยากลำบากในการดูดซับพันธบัตรที่ออกมาใหม่"
"เราคาดว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะยังคงผันผวนต่อไป แต่ก็จะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในระยะยาวในที่สุด" ขณะที่การคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงไปอีกนานนั้นทำให้มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อพันธบัตรที่ชดเชยเงินเฟ้อ--จบ--
Eikon source text
สิงคโปร์--24 ต.ค.--รอยเตอร์
สกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้นต่อไปในวันนี้ โดยบิทคอยน์ทะยานขึ้นกว่า 6% จาก 33,074 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 35,198 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐอาจจะอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุน ETF บิทคอยน์ได้ในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้บิทคอยน์เพิ่งทะยานขึ้น 10% ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และบิทคอยน์ก็พุ่งขึ้นมาแล้วเป็นสองเท่าจากช่วงต้นปีนี้ด้วย โดยบิทคอยน์เคยอยู่ที่ 16,528 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีที่แล้ว ทางด้านอีเธอร์พุ่งขึ้นจาก 1,766.7 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 1,850 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.
หุ้นบริษัทในธุรกิจคริปโต ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัล และบริษัทไมโครสเตรเทจีพุ่งขึ้นในช่วงการซื้อขายหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดทำการในวันจันทร์ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน ETF ที่ถือครองบิทคอยน์ในฐานะตัวแทนของนักลงทุน อุปสงค์ในบิทคอยน์ก็จะพุ่งสูงขึ้น เพราะว่านักลงทุนที่เคยลังเลที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโต ก็จะสามารถลงทุนในบิทคอยน์ได้โดยผ่านทางตลาดหุ้น ทั้งนี้ บริษัทแบล็คร็อคถือเป็นหนึ่งในบริษัทหลายแห่งที่เคยยื่นสมัครขอจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์ในสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนคาดว่า มีแนวโน้มว่าใบสมัครของแบล็คร็อคอาจจะได้รับการอนุมัติ หลังจากกองทุน iShares ETF ของแบล็คร็อคมีชื่อปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของสำนักหักบัญชี DTCC
มีข่าวออกมาในเดือนนี้ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) จะไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลที่ระบุว่า SEC กระทำผิดในการปฏิเสธใบสมัครจากบริษัทเกรย์สเกล อินเวสท์เมนท์ในการยื่นขอจัดตั้งกองทุน ETF ทั้งนี้ นายสตีน จาค็อบเสน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของธนาคารแซกโซกล่าวว่า "มูลค่าของสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตามขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ใช้สินทรัพย์นั้น ดังนั้นการจัดตั้งกองทุน ETF จะส่งผลให้มีผู้ใช้จำนวนมาก และจะส่งผลให้สภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้น"
บริษัทคอยน์กลาสรายงานว่า คำสั่งซื้อชดเชยการทำชอร์ตเซลในบิทคอยน์อยู่ในระดับสูงมากในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นในช่วงนี้ ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสด้วย
นายไคล์ ร็อดดา นักวิเคราะห์ของบริษัทแคปิตัลดอทคอมกล่าวว่า บิทคอยน์อาจได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากสงครามอิสราเอล และจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอาร์เจนตินารอบแรก หลังจากนายคาเบียร์ มิเลอิ นักการเมืองหัวรุนแรงฝ่ายขวาจัด และนายเซร์จิโอ มาสซา รมว.เศรษฐกิจอาร์เจนตินา จะได้แข่งขันกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสองในวันที่ 19 พ.ย. ในขณะที่นักลงทุนมองว่าบิทคอยน์ถือเป็นเครื่องมือรักษาความมั่งคั่งในช่วงที่เกิดวิกฤติ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--17 ต.ค.--รอยเตอร์
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุในวันจันทร์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวอาจจะยังคงมีโอกาสปรับขึ้นต่อไป แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ดังกล่าวอาจจะแกว่งตัวได้ในทั้งสองทิศทางในระยะใกล้ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนเกือบแตะจุดสูงสุดของวัฏจักรแล้ว ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคเป็นกิจการในเครือแบล็คร็อค ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นสิ่งที่ปรับตัวสวนทางกับราคาพันธบัตร
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า ทางสถาบันได้หันมาจัดอันดับความน่าลงทุน "neutral" (คงน้ำหนักการลงทุน) สำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า โดยเปลี่ยนจากเดิมที่เคยแนะนำให้ "ลดน้ำหนักการลงทุน" โดยทางสถาบันระบุว่า "การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้บอนด์ยิลด์เคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 โดยเรามองว่าการพุ่งขึ้นของบอนด์ยิลด์ที่ได้รับแรงกระตุ้นมาจากตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายใกล้ที่จะแตะจุดสูงสุดแล้ว"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 4.877% ในวันที่ 6 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 หรือจุดสูงสุดรอบ 16 ปี และอยู่ที่ 4.71% ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยบอนด์ยิลด์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2022 และบอนด์ยิลด์ได้รับแรงหนุนในช่วงนี้จากการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่อยู่ในภาวะแข็งแกร่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานต่อไป
อย่างไรก็ดี สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคยังคงแนะให้ลดน้ำหนักการลงทุนสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะทางสถาบันคาดว่า นักลงทุนจะเรียกร้องค่าตอบแทนมากยิ่งขึ้นสำหรับการถือครองพันธบัตรระยะยาว โดยเป็นผลจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ, ยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้น และการที่สหรัฐออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลมากยิ่งขึ้น โดยทางสถาบันระบุว่า "การเพิ่มขึ้นของค่า term premium (ส่วนเพิ่มของอัตราผลตอบแทนตามอายุของสินทรัพย์ทางการเงิน) มีแนวโน้มที่จะเป็นปัจจัยอันถัดไปที่กระตุ้นให้บอนด์ยิลด์ปรับสูงขึ้น โดยเราคาดว่าบอนด์ยิลด์อายุ 10 ปีอาจจะพุ่งขึ้นแตะ 5% หรือสูงกว่านั้นได้ในระยะยาว" ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนแห่งนี้ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 เป็นต้นมา เพราะทางสถาบันคาดว่าบอนด์ยิลด์อาจพุ่งสูงขึ้น โดยทางสถาบันระบุว่า "การที่บอนด์ยิลด์อายุ 10 ปีของสหรัฐอยู่ที่จุดสูงสุดรอบ 16 ปีแสดงให้เห็นว่า บอนด์ยิลด์ได้ปรับตัวมามากแล้ว แต่เราไม่คิดว่ากระบวนการนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว"
ถึงแม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้นนับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ค่าเครดิตสเปรดเกรดน่าลงทุน (หรือค่าพรีเมียมที่นักลงทุนเรียกร้องเพื่อใช้ในการถือครองหุ้นกู้แทนที่จะถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่มีความปลอดภัยสูงกว่า) ก็ได้หดตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้้งนี้ สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า ทาางสถาบันคาดการณ์ในทางลบมากยิ่งขึ้นต่อตราสารหนี้เกรดน่าลงทุนในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า "เนื่องจากค่าตอบแทนเหนือพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นอยู่ในวงจำกัด"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ โดยปรับขึ้นต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 14 เดือน ส่วนดัชนี CPI แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.7% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.7% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI อาจปรับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และปรับขึ้น 3.6% เมื่อเทียบรายปี ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปปรับขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +0.3% หลังจากปรับขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี PPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. โดยเร่งตัวขึ้นจาก +2.0% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.65 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.55 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากปรับขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ 106.79 ในระหว่างวัน โดยดัชนีดอลลาร์เพิ่งพุ่งขึ้น 0.8% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. และดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้นราว 0.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.55 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 149.80 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0509 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยปรับลงจาก 1.0526 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 63.0 ในเดือนต.ค. โดยดิ่งลงจาก 68.1 ในเดือนก.ย. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 67.2 สำหรับเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย ในขณะที่อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลได้บุกเข้าไปในเขตฉนวนกาซา ซึ่งถือเป็นการประกาศเรื่องปฏิบัติการภาคพื้นดินของอิสราเอลเป็นครั้งแรกหลังจากกลุ่มนักรบฮามาสก่อเหตุรุนแรงในอิสราเอลในวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.3% ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน และส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาดัชนีหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ของสหรัฐ ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มปลอดภัยทะยานขึ้นด้วยเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 1% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นบวกขึ้น 0.8% นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐก็ปิดบวกขึ้น 0.6% ในวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้น 3.4% จนแตะจุดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ได้ในระหว่างวัน ในขณะที่หุ้นธนาคารเจพีมอร์แกน เชสพุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกทะยานขึ้น 3% หลังจากธนาคารทั้งสองแห่งนี้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นธนาคารซิตี้กรุ๊ปปิดปรับลง 0.2% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.12% สู่ 33,670.29 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการบวกขึ้น 0.79% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.50% สู่ 4,327.78 ในวันศุกร์ แต่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการบวกขึ้น 0.45% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.23% สู่ 13,407.23 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับลง 0.18% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นเกือบ 6% ในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางอาจจะขยายวงกว้างออกไป หลังจากอิสราเอลเริ่มต้นการบุกโจมตีภาคพื้นดินในเขตฉนวนกาซา และประกาศให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนอพยพออกจากตอนเหนือของเขตฉนวนกาซาภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทางด้านนายจาวาด โอวจิ รมว.น้ำมันอิหร่านกล่าวในวันศุกร์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเป็นผลจากสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่วนนายฮอสเซน อามิราบดอลลาเฮียน รมว.ต่างประเทศของอิหร่านได้หารือกับผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนในวันศุกร์ โดยเป็นการหารือเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส หลังจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้โจมตีอิสราเอลด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่สหรัฐดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งแรกในวันพฤหัสบดีต่อเจ้าของเรือขนส่งน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันรัสเซียที่ตั้งราคาสูงกว่าระดับเพดานที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 กำหนดไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทางด้านบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ 501 แท่นในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.78 ดอลลาร์ หรือ 5.8% มาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 87.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์ล่าสุดด้วยการทะยานขึ้น 5.9% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 4.89 ดอลลาร์ หรือ 5.7% มาปิดตลาดวันศุกร์ที่ 90.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดสัปดาห์ล่าสุดด้วยการทะยานขึ้น 7.5% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 63.05 ดอลลาร์ หรือ 3.37% สู่ 1,931.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 5.43% จากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 7 เดือน ในขณะที่ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจสิ้นสุดลงแล้ว ทั้งนี้ นายเอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัท OANDA กล่าวว่า "ถ้าหากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่ราคาทองจะพุ่งขึ้นสู่ 2,000 ดอลลาร์ในปีนี้" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--6 ก.ย.--รอยเตอร์
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อค ซึ่งเป็นกิจการในเครือบริษัทแบล็คร็อค ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุในวันอังคารว่า ทางสถาบันได้ปรับลดการคาดการณ์ในทางลบต่อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นให้อัตราผลตอบแทน (บอนด์ยิลด์) ที่น่าดึงดูด แต่แบล็คร็อคได้เพิ่มความระมัดระวังต่อแนวโน้มระยะยาวของหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง เพราะว่าค่าชดเชยที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นกู้ดังกล่าวแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในวงจำกัด
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า "เราชื่นชอบพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นมากกว่าหุ้นกู้ (เครดิต) และระบุเสริมว่า "เราปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพสูงตามมุมมองเชิงกลยุทธ์ระยะ 5 ปีหรือนานกว่านั้น และเราตัดทอนการลดน้ำหนักการลงทุน (underweight) โดยรวมในพันธบัตรรัฐบาล"
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเวลาราว 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 2 ปีอยู่ที่ 4.966% ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยพุ่งขึ้นจากระดับราว 0.222% เมื่อ 2 ปีก่อน ทางด้านอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เกรดน่าลงทุนในสหรัฐในดัชนี ICE BofA US Corporate Index อยู่ที่ราว 5.7% ในวันจันทร์ ทั้งนี้ สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า "เราคิดว่าหุ้นกู้คุณภาพสูงให้ค่าชดเชยเพียงในวงจำกัดสำหรับความเสียหายใด ๆ ที่ผลตอบแทนอาจได้รับจากส่วนต่างที่ขยายกว้างมากยิ่งขึ้น และจากผลกระทบจากการแกว่งตัวของอัตราดอกเบี้ย"
ถึงแม้สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคหันมาคาดการณ์ในทางบวกมากยิ่งขึ้นต่อพันธบัตรรัฐบาล ทางสถาบันก็ยังคงแนะนำให้ "ลดน้ำหนักการลงทุน" ในพันธบัตรรัฐบาล เพราะทางสถาบันคาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอาจจะยังคงปรับขึ้นต่อไป ในขณะที่นักลงทุนอาจจะเรียกร้องเงินชดเชยมากยิ่งขึ้นเพื่อแลกกับการถือครองตราสารหนี้ระยะยาว ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอาจจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น, ปริมาณหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการที่บริษัทฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้สหรัฐในเดือนส.ค. และการที่นักลงทุนต่างชาติลดความต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ซึ่งรวมถึงนักลงทุนญี่ปุ่นที่หันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) แทน ขณะที่อัตราผลตอบแทน JGB ปรับสูงขึ้น
สถาบันการลงทุนแบล็คร็อคระบุว่า "ในการที่เราจะหันมาคาดการณ์ในทางบวกต่อพันธบัตรระยะยาวได้นั้น เราจำเป็นจะต้องได้เห็นส่วนเพิ่มของอัตราผลตอบแทนตามอายุของสินทรัพย์ทางการเงิน (term premium) พุ่งสูงกว่านี้เป็นอย่างมาก หรือเราจำเป็นจะต้องมองว่า ตลาดกำลังคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตในระดับที่สูงเกินไป แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้นในตอนนี้"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน