ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเพิ่งรายงานในวันพุธว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐร่วงลงจาก 52.6 ในเดือนก.พ. สู่ 51.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 52.7 สำหรับเดือนมี.ค. ทางด้านดัชนีราคาจ่ายสำหรับปัจจัยการผลิตในภาคบริการรูดลงจาก 58.6 ในเดือนก.พ. สู่ 53.4 ในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 หรือจุดต่ำสุดรอบ 4 ปี และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลง Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.22 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ซึ่งเท่ากับระดับในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 103.91 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 151.33 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 151.68 เยน และเทียบกับระดับ 151.975 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 1990 หรือจุดสูงสุดรอบ 34 ปี
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0835 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี ซึ่งเท่ากับระดับในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.0876 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. หรือจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์
ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นอย่างระมัดระวังต่อแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยนายนีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิสกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ในการประชุมเฟดในวันที่ 19-20 มี.ค.นั้น เขาเคยคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ แต่ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวลงไปอีก เฟดก็อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทางด้านนายโธมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงต้นปีนี้ "อยู่ในระดับที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจ" และส่งผลให้มีการตั้งคำถามกันว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างแท้จริง หรือว่าเศรษฐกิจเพียงแค่เผชิญกับอุปสรรคเพียงครั้งคราว" และเขากล่าวเสริมว่า เฟดสามารถรอคอยต่อไปเพื่อให้สถานการณ์ด้านเงินเฟ้อมีความชัดเจน ก่อนที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 1.7% ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นกลุ่มที่รูดลงมากที่สุดในวันพฤหัสบดี อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มอาวุธพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทล็อคฮีด มาร์ตินที่ทะยานขึ้น 1.37% ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้โทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล และปธน.ไบเดนเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในทันทีในสงครามกาซา ทางด้านดัชนีความผันผวน Cboe หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นมาปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2023 Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.35% สู่ 38,596.98
ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.23% สู่ 5,147.21 โดยการดิ่งลงในวันพฤหัสบดีถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.
ดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.4% สู่ 16,049.08
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และความเสี่ยงที่มีต่ออุปทานน้ำมัน ในขณะที่มีข่าวว่าสถานทูตอิสราเอลทั่วโลกเพิ่มการเฝ้าระวัง เนื่องจากมีการขู่ว่าอิหร่านจะโจมตีนักการทูตอิสราเอล หลังจากอิหร่านประกาศว่าจะตอบโต้อิสราเอลสำหรับเหตุการณ์โจมตีสถานทูตอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรียในวันจันทร์ที่ 1 เม.ย. ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการทหารของอิหร่านเสียชีวิตหลายคน อย่างไรก็ดี อิสราเอลไม่ได้อ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีสถานทูตอิหร่านในครั้งนี้ ทางด้านรัฐบาลสหรัฐได้ประณามอิสราเอลในวันพฤหัสบดี โดยสหรัฐประกาศเตือนว่า นโยบายของสหรัฐทีมีต่อเขตกาซาจะขึ้นอยู่กับประเด็นที่ว่า อิสราเอลได้ดำเนินมาตรการปรับปรุงความปลอดภัยของพลเรือนปาเลสไตน์และเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์หรือไม่ นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐก็ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อบริษัทโอเชียนลิงค์ มาริไทม์ ดีเอ็มซีซีและเรือของบริษัทนี้ด้วย โดยให้เหตุผลว่าบริษัทนี้มีบทบาทในการขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ให้กับกองทัพอิหร่าน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ยูเครนจะได้เข้ามาเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในอนาคต ในขณะที่สมาชิกนาโตยังคงให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งแกร่ง Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.4% มาปิดตลาดที่ 86.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.5% มาปิดตลาดที่ 90.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 9.74 ดอลลาร์ สู่ 2,289.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 2,305.04 ดอลลาร์ โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงต่อไปในปีนี้ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนในวันอังคาร แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.ย. โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ยอดค้าปลีกปรับขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.3% สำหรับเดือนก.ย. ในขณะที่ภาคครัวเรือนปรับเพิ่มการซื้อยานยนต์และใช้จ่ายเงินมากยิ่งขึ้นในร้านอาหารและบาร์ โดยยอดขายในบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ส่วนยอดขายที่ร้านอาหารและบาร์ปรับขึ้น 0.9% ในเดือนก.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในวันพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. ก่อนที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเข้าสู่ช่วงของการงดแสดงความเห็นต่อสาธารณชนตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. และเฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. โดยนายโธมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในวันอังคารว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานกำลังสร้างแรงกดดันในทางลบต่ออุปสงค์ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าปัจจัยนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อการกำหนดนโยบายของเฟดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.22 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยขยับลงจาก 106.26 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ และเทียบกับระดับ 107.34 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2022
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 149.80 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 149.50 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0575 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยปรับขึ้นจาก 1.0558 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ และเทียบกับระดับ 1.0448 ดอลลาร์ที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2022
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร ส่วนดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดเกือบทรงตัว และดัชนี Nasdaq ปรับลงในวันอังคาร โดยตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีทะยานขึ้นจาก 4.71% ในช่วงท้ายวันจันทร์ สู่ 4.847% ในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ยอดค้าปลีกปรับขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.3% สำหรับเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปด้วย หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศว่า ทางรัฐบาลวางแผนจะระงับการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูงไปยังจีน โดยข่าวนี้ส่งผลให้ดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐร่วงลง 0.8% และส่งผลให้หุ้นบริษัทเอ็นวิเดีย ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกดิ่งลง 4.7% ถึงแม้เอ็นวิเดียคาดว่ามาตรการจำกัดการส่งออกนี้จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อผลประกอบการของเอ็นวิเดียในระยะอันใกล้นี้ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้างจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่บริษัทสหรัฐหลายแห่งรายงานออกมา ซึ่งรวมถึงธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาที่มีราคาหุ้นพุ่งขึ้น 2.3% หลังจากเปิดเผยผลประกอบการ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินของสหรัฐปรับขึ้น 0.6% ในวันอังคาร Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 0.04% สู่ 33,997.65
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.01% สู่ 4,373.2
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.25% สู่ 13,533.75
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ทรงตัวในวันอังคาร แต่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น ในขณะที่นักลงทุนรอดูว่าความพยายามทางการทูตของสหรัฐและการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐจะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันพุธจะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางลุกลามออกไปได้หรือไม่ โดยราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันในช่วงแรก หลังจากนายโธมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวในวันอังคารว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานกำลังสร้างแรงกดดันในทางลบต่ออุปสงค์ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าปัจจัยนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อการกำหนดนโยบายของเฟดในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนเข้ามาในวันอังคารด้วยเช่นกัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาด ทั้งนี้ นายอามิน นัสเซอร์ ซีอีโอของบริษัทซาอุดิ อารามโค ซึ่งถือเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ทางบริษัทสามารถปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ถ้าหากมีความจำเป็น โดยทางบริษัทมีกำลังการผลิตส่วนเกิน 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเขากล่าวว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มว่าอาจจะปรับขึ้นสู่ 103 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทางด้านการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐดิ่งลงราว 4.4 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐรูดลงราว 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate ในคลังสหรัฐลดลงราว 610,000 บาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ย.ทรงตัวที่ 86.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 25 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 89.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 3.63 ดอลลาร์ สู่ 1,923.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร และพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 4% จากช่วงต้นเดือนต.ค. ในขณะที่เทรดเดอร์จับตาดูความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส และเทรดเดอร์รอฟังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดในวันพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. ก่อนที่เจ้าหน้าที่เฟดจะเข้าสู่ช่วงของการงดแสดงความเห็นต่อสาธารณชนตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. และเฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. ทั้งนี้ ธนาคารคอมเมอร์ซแบงก์ยังคงคาดการณ์ตามเดิมว่า ราคาทองจะอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้ และ 2,100 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี 2024 โดยคอมเมอร์ซแบงก์ระบุว่า ถ้าหากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางไม่ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ราคาทองก็มีแนวโน้มว่าอาจปรับขึ้นเพียงในวงจำกัด ในขณะที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเวลาที่ช้าเกินคาด ทางด้านนายเอเวอเรทท์ มิลแมน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทเกนส์วิลล์ คอยน์กล่าวว่า ถ้าหากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงดำเนินต่อไป ราคาทองก็จะยังคงเคลื่อนตัวอยู่เหนือ 1,900 ดอลลาร์ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--19 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งในกลุ่มเทคโนโลยี และปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยบดบังการดิ่งลงของหุ้นบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในกลุ่มการแพทย์ และการดิ่งลงของหุ้นธนาคารโกลด์แมน แซคส์ หลังจากบริษัททั้งสองแห่งนี้เปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่น่าผิดหวังในฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก อย่างไรก็ดี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐบวกขึ้น 0.4% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเอ็นวิเดีย คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปกราฟิกที่พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากธนาคาร HSBC ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเอ็นวิเดียสู่ "buy" จาก "reduce"
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.03% สู่ 33,976.63, ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.09% สู่ 4,154.87 และเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดรอบ 2 เดือน ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.04% สู่ 12,153.41 ทั้งนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐ ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2022 ในระหว่างวัน
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ดิ่งลง 2.8% หลังจากทางบริษัทประกาศเตือนนักลงทุนเรื่องผลกระทบจากต้นทุนของบริษัทในปีนี้ โดยการดิ่งลงของหุ้น J&J มีส่วนกดดันให้ดัชนีหุ้นกลุ่มการแพทย์ของสหรัฐร่วงลง 0.7% ในวันอังคาร ทางด้านหุ้นโกลด์แมน แซคส์รูดลง 1.7% หลังจากโกลด์แมนรายงานว่า ผลกำไรของโกลด์แมนดิ่งลง 19% ในไตรมาสแรก ในขณะที่ช่วงไตรมาสแรกถือเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 10 ปีสำหรับแผนกการทำข้อตกลงทางธุรกิจ และแผนกค้าตราสารหนี้ก็ได้รับแรงกดดันด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจดิ่งลง 4.8% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี และนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของธนาคารระดับภูมิภาคในช่วงนี้ หลังจากเกิดวิกฤติภาคธนาคารในเดือนมี.ค.
หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอาวุธพุ่งขึ้น 2.4% หลังจากทางบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ถึงแม้ทางบริษัทประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ หลังจากตลาดปิดทำการในวันอังคาร บริษัทเน็ตฟลิกซ์ก็รายงานว่า รายได้และผลกำไรของเน็ตฟลิกซ์ในไตรมาสแรกอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.88 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 8.162 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ยอดสมาชิกในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเพียง 1.75 ล้านราย ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.06 ล้านราย
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดควรที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป และเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้างดูเหมือนว่าจะยังคงเติบโตต่อไป ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นการเติบโตอย่างเชื่องช้า ทางด้านนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--19 ต.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันอังคาร ในขณะที่ธนาคารโกลด์แมน แซคส์และบริษัทล็อคฮีด มาร์ตินซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และปัจจัยดังกล่าวช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสสาม ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ปพุ่งขึ้น 2.33% หลังจากโกลด์แมนรายงานว่าผลกำไรรายไตรมาสลดลงไม่มากเท่าที่คาด โดยผลกำไรของโกลด์แมนได้รับแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งช่วยชดเชยการชะลอตัวในแผนกวาณิชธนกิจ นอกจากนี้ บริษัทการเงินขนาดใหญ่แห่งอื่น ๆ ของสหรัฐก็เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งออกมาด้วยเช่นกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถึงแม้ธนาคารบางแห่งปรับเพิ่มการกันสำรองหนี้สูญเพื่อรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.12% สู่ 30,523.8, ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 1.14% สู่ 3,719.98 และดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.9% สู่ 10,772.40 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันอังคารในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับแรงหนุนจากหุ้นล็อคฮีด มาร์ตินที่ทะยานขึ้น 8.69% หลังจากล็อคฮีดรายงานตัวเลขรายได้รายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด และคงคาดการณ์รายได้ปี 2022 ไว้ตามเดิม
นักวิเคราะห์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้นเพียง 2.8% ในไตรมาสสามเมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจากระดับ +11.1% ที่เคยคาดไว้ในช่วงต้นเดือนก.ค. ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากหุ้นเซลส์ฟอร์ซ ซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์วิสาหกิจที่พุ่งขึ้น 4.31% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทสตาร์บอร์ด แวลู แอลพี ซึ่งเป็นนักลงทุนนักเคลื่อนไหวได้เข้าถือหุ้นในเซลส์ฟอร์ซ ทางด้านหุ้นแอปเปิลปิดบวกขึ้น 0.94% ถึงแม้มีข่าวว่าแอปเปิลปรับลดการผลิตโทรศัพท์ไอโฟน 14 พลัส
CNN รายงานว่า ฟิทช์ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐสำหรับปีนี้และปีหน้า และฟิทช์มีแนวโน้มที่จะประกาศเตือนว่า ภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบในทศวรรษ 1990 อย่างไรก็ดี เฟดรายงานในวันอังคารว่า ผลผลิตภาคโรงงานสหรัฐปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. และเทียบกับโพลล์รอยเตอร์ที่คาดว่าผลผลิตภาคโรงงานอาจปรับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.ย. ทางด้านผลผลิตภาคโรงงานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 4.7% จากเดือนก.ย.ปีก่อน โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า ภาคโรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในสถานะที่ดี ถึงแม้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจส่งผลลบอย่างรุนแรงต่อตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ โดยดัชนี NAHB/Wells Fargo สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐดิ่งลง 8 จุด สู่ 38 ในเดือนต.ค.
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปิดตลาดดิ่งลง 1.73% ในวันอังคาร และรูดลงมาแล้วเกือบ 60% จากช่วงต้นปีนี้ แต่หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันอังคาร หุ้นเน็ตฟลิกซ์ก็พุ่งขึ้น 14.49% หลังจากเน็ตฟลิกซ์รายงานว่า ทางบริษัทได้ลูกค้าใหม่ทั่วโลกราว 2.4 ล้านรายในไตรมาสสาม ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ในย่านวอลล์สตรีท และเน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ว่า ทางบริษัทจะได้ลูกค้าใหม่ 4.5 ล้านรายในไตรมาสสี่--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--3 ส.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนไต้หวัน โดยนางเพโลซีถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐที่เดินทางเยือนไต้หวันในรอบ 25 ปี ทั้งนี้ นางเพโลซีกล่าวว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีกันระหว่างสหรัฐกับไต้หวัน แต่จีนประณามการเดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.23% สู่ 32,396.30, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วงลง 0.67% สู่ 4,091.19 และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.16% สู่ 12,348.76 ทั้งนี้ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันอังคาร โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง 1.3% และถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินรูดลง 1.1% ทางด้านหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ร่วงลง 1.1% ส่วนหุ้นบริษัทวีซ่าดิ่งลง 2.4% และส่งผลลบต่อดัชนี S&P 500
หุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปที่มีธุรกิจในจีนปรับตัวอย่างไร้ทิศทางในวันอังคาร โดยหุ้นบริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) พุ่งขึ้น 2.6% ในวันอังคาร ก่อนที่ AMD จะรายงานผลประกอบการรายไตรมาสหลังจากตลาดปิดทำการ ส่วนหุ้นแคเทอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมดิ่งลง 5.8% หลังจากแคเทอร์พิลลาร์ประกาศเตือนว่า อุปสงค์ในรถขุดของแคเทอร์พิลลาร์ในจีนอาจจะดิ่งลงอย่างรุนแรง ในขณะที่แคเทอร์พิลลาร์ประสบปัญหาอยู่แล้วจากการขาดตอนในห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มอาวุธของสหรัฐพุ่งขึ้น โดยหุ้นบริษัทเรย์ธีออน เทคโนโลยีส์, ล็อคฮีด มาร์ติน, นอร์ธรอป กรัมแมน และแอลธรีแฮร์ริส เทคโนโลยีส์ปิดบวกขึ้น 0.5-2.3% เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้ขายอาวุธรายใหญ่ให้แก่ไต้หวัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานผลสำรวจตำแหน่งงานว่างและการเข้า-ออกงาน (JOLTS) ในวันอังคาร โดยระบุว่ายอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐดิ่งลงในเดือนมิ.ย.ในระดับที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ในขณะที่ความต้องการคนงานชะลอตัวลงในภาคค้าปลีกและภาคค้าส่ง แต่ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ทั้งนี้ ยอดการเปิดรับสมัครงานในสหรัฐดิ่งลง 605,000 ตำแหน่ง สู่ 10.7 ล้านตำแหน่งในวันสุดท้ายของเดือนมิ.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2021 และการดิ่งลงในเดือนมิ.ย.นี้ถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 อย่างไรก็ดี มีคนงานอย่างน้อย 4.2 ล้านคนที่สมัครใจลาออกจากงานในเดือนมิ.ย.
ผลประกอบการภาคเอกชนที่สดใสช่วยหนุนตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P 500 ดีดขึ้นมาแล้วราว 12% จากจุดต่ำสุดของช่วงกลางเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรียกรถพุ่งขึ้น 18.9% หลังจากอูเบอร์รายงานว่า ทางบริษัทมีกระแสเงินสดรายไตรมาสเป็นบวกเป็นครั้งแรก และอูเบอร์คาดการณ์ในทางบวกต่อผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสสาม ทางด้านหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับขึ้นราคาเป้าหมายของหุ้นเทสลา โดยหุ้นเทสลามีมูลค่าการซื้อขาย 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันอังคาร และครองตำแหน่งหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุดในดัชนี S&P 500 ในวันอังคาร--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน