ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาด โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรูดลง 17,000 ราย สู่ 233,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบราว 11 เดือน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอาจอยู่ที่ 240,000 รายในสัปดาห์ล่าสุด โดยรายงานดังกล่าวช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ดอลลาร์/เยนแกว่งตัวผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และนักลงทุนระบาย carry trade ออกมาเป็นจำนวนมาก โดย carry trade คือการกู้ยืมสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำอย่างเช่นเยนและฟรังก์สวิส เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า อย่างเช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, สกุลเงินคริปโต หรือสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.28 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 103.11 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 102.15 ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.28 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 146.69 เยน และหลังจากเพิ่งทะยานขึ้น 1.6% ในวันพุธ โดยก่อนหน้านี้ดอลลาร์เพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันจันทร์ และเทียบกับจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0918 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยขยับลงจาก 1.0921 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.1009 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.
ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาดในสัปดาห์ล่าสุด และรายงานดังกล่าวช่วยลดความกังวลที่ว่า ตลาดแรงงานอาจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วจนเกินไป ทางด้านดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ทุกกลุ่มในสหรัฐปิดตลาดวันพฤหัสบดีในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มบริการการสื่อสารถือเป็นหุ้น 2 กลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนดัชนี Russell 2000 สำหรับหุ้นบริษัทขนาดเล็กของสหรัฐทะยานขึ้น 2.4% ทั้งนี้ หุ้นอีไล ลิลลีซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยาพุ่งขึ้น 9.5% หลังจากอีไล ลิลลีปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรประจำปี และรายงานว่า ยอดขายยาเซปบาวด์ ซึ่งเป็นยาลดความอ้วนพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสได้เป็นครั้งแรก ทางด้านหุ้นบริษัทอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดกีฬาทะยานขึ้น 19.2% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ทางบริษัทปรับลดสต็อกสินค้าคงคลังและโปรโมชัน Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 1.76% สู่ 39,446.49
ดัชนี S&P 500 ปิดทะยานขึ้น 2.30% สู่ 5,319.31
ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 2.87% สู่ 16,660.02
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพฤหัสบดีเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาดในสัปดาห์ล่าสุด เพราะตัวเลขนี้ช่วยลดความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ และราคาน้ำมันก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า อิหร่านจะดำเนินการตอบโต้อิสราเอล หลังจากผู้นำกลุ่มฮามาสถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนยืนยันว่า นายฟูอัด ชุคร์ ผู้บัญชาการทางทหารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกสังหารด้วยการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในย่านชานกรุงเบรุต ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ประบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะดีดขึ้นสู่ระดับ 80-85 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในเดือนส.ค., ความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคแอฟริกาเหนือและภูมิภาคตะวันออกกลาง, ฤดูพายุเฮอริเคนในสหรัฐ และการปรับสถานะการลงทุนของกองทุน Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนก.ย.ทะยานขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.28% มาปิดตลาดที่ 76.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.06% มาปิดตลาดที่ 79.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 45.22 ดอลลาร์ หรือ 1.90% สู่ 2,426.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานาน 5 วันติดต่อกัน โดยราคาทองได้รับแรงหนุนในวันพฤหัสบดีจากคำสั่งซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ทั้งนี้ บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเจ.พี.มอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาดในวันที่ 2 ส.ค. ทางด้านนักลงทุนคาดว่า มีโอกาสราว 56.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และมีโอกาส 43.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 1.04% ในปีนี้ Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การใช้ยาลดน้ำหนักตัวใหม่อย่างแพร่หลายในสหรัฐอาจหนุนจีดีพีเพิ่มขึ้น 1% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่ภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับโรคอ้วนที่ลดลงอาจจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า ตลาดยาลดน้ำหนักอาจมีมูลค่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปลายทศวรรษนี้ โดยโนโว นอร์ดิสค์ ผู้ผลิตยา Ozempic และเอลี ลิลลี่ ผู้ผลิต Mounjaro เป็นผู้นำตลาด และหลายบริษัทกำลังพยายามคิดค้นประเภทของยาดังกล่าว หรือที่เรียกว่ายาในกลุ่ม GLP-1 และมีบริษัทมากขึ้นที่สามารถเข้าสู่ตลาดได้โดยอาศัยการทดลองทางคลินิก
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า การใช้ยา GLP-1 อาจจะทำให้มีผู้บริโภคยาเพิ่มขึ้น 10-70 ล้านคนภายในปี 2028 และนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนกล่าวว่า "การใช้ยา GLP-1 จะเพิ่มจำนวนดังกล่าวขึ้นในที่สุด และนั่นจะส่งผลให้อัตราโรคอ้วนลดลง เรามองเห็นขอบเขตสำหรับผลที่มีนัยสำคัญที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในวงกว้าง"
โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ยาลดน้ำหนักอาจจะหนุนจีดีพีสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในฉากทัศน์ที่มีผู้ใช้ยา 30 ล้านคน และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1% ถ้ามีผู้ใช้ 60 ล้านคน
นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพที่ออกมาเป็นระลอกในปัจจุบัน อาทิ การคิดค้นยาโดยใช้เอไอควบคู่กับยา GLP-1 อาจเพิ่มระดับของจีดีพีขึ้น 1.3% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเทียบเท่ากับ 3.60 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน โดยมีโอกาสที่เพิ่มขึ้นในกรอบ 0.6-3.2% "ผลที่เกิดขึ้นในสหรัฐอาจจะมากกว่าในประเทศอื่นๆ ขณะที่ผลลัพธ์ทางสุขภาพในประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆก็จะดีขึ้นโดยรวม"--จบ--
Eikon source text
กรุงเทพฯ--26 ม.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 3.3% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 4.9% ในไตรมาสสาม โดยอัตราการเติบโตนี้อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2% สำหรับไตรมาสสี่ ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค, จากยอดส่งออก, จากรายจ่ายของรัฐบาล และจากการลงทุนทางธุรกิจในไตรมาสสี่ โดยรายงานตัวเลขนี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า มีโอกาสราว 51% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 80% ที่เคยคาดไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 94% ที่เฟดจะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในต้นเดือนพ.ค. Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.50 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 103.29 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมาแล้วราว 2% จากช่วงต้นปีนี้
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 147.50 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0846 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0883 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากปรับลงแตะ 1.0820 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งเท่ากับจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ทำไว้ในวันอังคารที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐเติบโต 3.3% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากเติบโต 4.9% ในไตรมาสสาม โดยอัตราการเติบโตนี้อยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2% สำหรับไตรมาสสี่ โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดนี้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ดี หุ้นเทสลาซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าดิ่งลง 12% และลงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2023 หลังจากนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาประกาศเตือนว่า ยอดขายของเทสลาจะชะลอการเติบโตลงในปีนี้ ถึงแม้เทสลาปรับลดราคารถยนต์ลงจนสร้างความเสียหายต่ออัตราผลกำไรของบริษัท โดยการดิ่งลงของหุ้นเทสลาในวันนี้ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทเทสลาในตลาดหุ้นดิ่งลง 7.0 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับราว 5.80 แสนล้านดอลลาร์ และส่งผลให้เทสลามีมูลค่าต่ำกว่าบริษัทอีไล ลิลลี ซึ่งมีมูลค่า 5.9 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การดิ่งลงของหุ้นเทสลาก็ส่งผลให้หุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอื่น ๆ รูดลงตามไปด้วย ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทริเวียน ออโตโมทีฟที่ดิ่งลง 2.2% และหุ้นบริษัทลูซิด กรุ๊ปที่รูดลง 6.7% ทั้งนี้ ในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาแล้วนั้น บริษัท 82% เปิดเผยผลกำไรที่ดีเกินคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 67% โดยบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการออกมาในช่วงนี้รวมถึงบริษัท IBM ที่มีราคาหุ้นพุ่งขึ้น 9.5% ในวันพฤหัสบดี หลังจาก IBM คาดการณ์ว่ารายได้ตลอดทั้งปีจะเติบโตสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาด, บริษัทคอมแคสท์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสื่อที่มีราคาหุ้นทะยานขึ้น 3.4% หลังจากคอมแคสท์เปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่สูงเกินคาด และสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ที่มีราคาหุ้นพุ่งขึ้น 10.3% หลังจากทางสายการบินคาดการณ์แนวโน้มผลกำไรที่สดใส Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 0.64% สู่ 38,049.13
ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.53% สู่ 4,894.16 ซึ่งถือเป็นการทำสถิติระดับปิดสูงสุดใหม่ได้เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.18% สู่ 15,510.50
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี หลังจากสหรัฐรายงานว่าเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสสี่ และราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งในทะเลแดงด้วย โดยบริษัทเมอส์กของเดนมาร์กประกาศว่า เหตุระเบิดส่งผลให้เรือสองลำที่ดำเนินการโดยบริษัทในเครือของเมอส์กที่กำลังขนส่งยุทธภัณฑ์ของสหรัฐต้องเปลี่ยนทิศทางการเดินเรือ ในขณะที่เรือสองลำนี้กำลังแล่นผ่านช่องแคบบาบุลมันดับนอกชายฝั่งเยเมน ทางด้านผู้นำของกลุ่มฮูตีในเยเมนประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ทางกลุ่มจะยังคงโจมตีเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอลต่อไป จนกว่าจะมีการส่งความช่วยเหลือไปถึงชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลกับอุปทานน้ำมันในช่วงนี้ด้วย หลังจากมีข่าวว่ายูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันแแห่งหนึ่งในภาคใต้ของรัสเซีย Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนมี.ค.ทะยานขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.02% มาปิดตลาดที่ 77.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 77.51 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ หรือ 2.99% มาปิดตลาดที่ 82.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 82.57 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 7.16 ดอลลาร์ สู่ 2,019.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีปรับลงจาก 4.178% ในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 4.132% ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี และการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ก็ส่งผลบวกต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ดอกเบี้ย ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ได้รับแรงกดดันในวันพฤหัสบดี หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสสี่ และรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงสู่ 1.9% ในไตรมาสสี่ จาก 2.9% ในไตรมาสสาม Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--22 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลงในวันศุกร์ หลังจากการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับขึ้นเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐจากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์หยุดชะงักลงชั่วคราว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ในทางบวกที่ว่า อาจจะมีการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทั้งนี้ นายแกร์เรท เกรฟส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการเจรจาต่อรองได้เดินออกจากการเจรจาในวันศุกร์ และเขากล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า "จนกว่าพวกเขาจะเต็มใจที่จะหารือกันอย่างยากลำบากเรื่องวิธีการเดินหน้าและทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราก็จะไม่มานั่งเจรจากัน" อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวระบุว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับลง 0.33% สู่ 33,426.63, ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.14% สู่ 4,191.98 หลังจากดัชนีเพิ่งพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพุธและวันพฤหัสบดี และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลง 0.24% สู่ 12,657.90 ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ก็ปิดตลาดสัปดาห์นี้บวกขึ้น 0.38%, ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 1.65% และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.04% โดยทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็พุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ในอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.
นักลงทุนยังคงไม่แน่ใจในแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ในขณะที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงจุดยืนแบบสายพิราบปานกลาง โดยเขากล่าวในวันศุกร์ว่า ภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวมากยิ่งขึ้นส่งผลให้ "เฟดอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่มากเท่ากับในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายของเรา" และเขากล่าวย้ำว่า ในตอนนี้เฟดจะตัดสินใจกำหนดนโยบายในการประชุมแต่ละครั้งไป และเขากล่าวเสริมว่า หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดก็สามารถประเมินอย่างระมัดระวังได้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากข่าวของ CNN ที่ระบุว่า เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐได้กล่าวต่อซีอีโอของธนาคารต่าง ๆ ในวันพฤหัสบดีว่า อาจจะมีความจำเป็นที่ธนาคารจะต้องควบรวมกิจการกันมากยิ่งขึ้น หลังจากธนาคารหลายแห่งล้มลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนี KBW สำหรับหุ้นธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐดิ่งลง 2.17% ในวันศุกร์ แต่ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 6.2% จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบมานาน 3 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยดัชนี KBW ได้รับแรงหนุนในสัปดาห์นี้จากการที่นักลงทุนมองว่า ปัญหาในภาคธนาคารระดับภูมิภาคอยู่ภายใต้การควบคุมเป็นส่วนใหญ่ ทางด้านหุ้นธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ดิ่งลง 2.66% ในวันศุกร์ หลังจากนายเจมส์ กอร์แมน ซีอีโอของมอร์แกน สแตนเลย์ประกาศว่า เขาจะลงจากตำแหน่งในเวลา 12 เดือนข้างหน้า
หุ้นฟูต ล็อกเกอร์ ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรองเท้าดิ่งลง 27.24% ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. 2022 หลังจากฟูต ล็อกเกอร์ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายประจำปี โดยประกาศเตือนของฟูต ล็อกเกอร์มีส่วนกดดันหุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ให้รูดลง 4.20% และกดดันหุ้นไนกี้ให้ดิ่งลง 3.46% ด้วย โดยไนกี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีดาวโจนส์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--15 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันจันทร์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดิ่งลง และนักลงทุนปรับตัวรับความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีต่อแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูปัจจัยใหม่ ๆ ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดด้วย หลังจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ตลาดหุ้นแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน และร่วงลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงท้ายตลาด ในขณะที่นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันอังคาร และรอดูตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่จะออกมาในวันพุธ นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยและผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และรอฟังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในสัปดาห์นี้ด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.63% สู่ 33,536.7, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.89% สู่ 3,957.25 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.12% สู่ 11,196.22 ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง 2.7% ในวันจันทร์ ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยรูดลง 1.7% และหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลง 1.5%
นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงนี้ โดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในผู้ว่าการเฟดกล่าวในวันอาทิตย์ว่า เฟดอาจจะพิจารณาเรื่องการชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป แต่นักลงทุนไม่ควรจะมองว่าการทำเช่นนั้นถือเป็นการลดละความพยายามในการทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง โดยถ้อยแถลงดังกล่าวของนายวอลเลอร์ส่งผลลบต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นได้รับแรงหนุนเข้ามาบ้าง หลังจากนางลาเอล เบรนาร์ด รองประธานกรรมการเฟดส่งสัญญาณในวันจันทร์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ นายเอริค คูบี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทนอร์ธ สตาร์ อินเวสท์เมนท์ แมเนจเมนท์ คอร์ปกล่าวว่า "ตลาดยังคงมีความอ่อนไหวต่อถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และเจ้าหน้าที่เฟดคนหนึ่งก็ส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยว ในขณะที่อีกคนส่งสัญญาณแบบสายพิราบ"
นายหยุง-หยู หม่า หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทบีเอ็มโอ เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า "เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่ตลาดจะชะลอตัวลงในช่วงนี้ ในขณะที่นักลงทุนพยายามจะประเมินแนวโน้มนโยบายของเฟด และประเมินว่าปัจจัยสำคัญอันถัดไปที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดจะเป็นปัจจัยใด"
หุ้นบริษัทอะเมซอนรูดลง 2.3% ในขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์รายงานในวันจันทร์ว่า อะเมซอนวางแผนจะปลดพนักงานออกราว 10,000 คน ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยานั้น หุ้นบริษัทไบโอเจนพุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นอีไล ลิลลีทะยานขึ้น 1.3% หลังจากยารักษาโรคอัลไซเมอร์ของบริษัทโรชของสวิตเซอร์แลนด์ประสบความล้มเหลวในการทดสอบ--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--9 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวเกินคาดเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเทรดเดอร์ส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ถึงแม้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่ทำเช่นนั้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรในสหรัฐพุ่งขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 391,000 ตำแหน่ง และรายงานตัวเลขนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐหดตัวลงในไตรมาสแรก ทางด้านอัตราการว่างงานในสหรัฐทรงตัวที่ 3.6% ในเดือนเม.ย. ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงของคนงานสหรัฐปรับขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +0.4%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.3% สู่ 32,899.37, ดัชนี S&P 500 ปิดปรับลง 0.57% สู่ 4,123.34 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 1.4% สู่ 12,144.66 ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 โดยดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2012 ทางด้านดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนลบติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2011 ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบ แต่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.9% เนื่องจากราคาน้ำมันทะยานขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมัน
หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเติบโตดิ่งลงเป็นส่วนใหญ่ในวันศุกร์ แต่หุ้นแอปเปิลปิดบวกขึ้น 0.5% ทางด้านหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ร่วงลงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคที่ปรับลง 0.5%
นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธที่ 11 พ.ค. ในขณะที่นักลงทุนรอดูว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐใกล้จะแตะจุดสูงสุดแล้วหรือไม่
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชุดกีฬาดิ่งลง 23.8% หลังจากทางบริษัทคาดการณ์ผลกำไรที่อ่อนแอสำหรับปีงบดุลบัญชี 2023 ส่วนหุ้นไนกี้ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งปิดรูดลง 3.49% ทั้งนี้ หุ้นคอยน์เบส โกลบัล ซึ่งเป็นบริษัทตลาดสกุลเงินคริปโตดิ่งลง 9% ในวันศุกร์ จนมาปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่หุ้นตัวนี้เริ่มเปิดซื้อขายในตลาดในปี 2021 เป็นต้นมา--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--14 ก.พ.--รอยเตอร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างรุนแรงในวันศุกร์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากสหรัฐระบุว่า รัสเซียได้เพิ่มกำลังทหารในบริเวณใกล้พรมแดนยูเครนในระดับที่มากพอที่จะเริ่มดำเนินการโจมตีครั้งใหญ่ได้ โดยนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าวในงานแถลงข่าวว่า รัสเซียอาจจะเริ่มการโจมตีในวันใดก็ได้ และมีแนวโน้มที่จะเริ่มด้วยการโจมตีทางอากาศ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นก็ได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ได้รับแรงกดดันเป็นอย่างมากจากการดิ่งลงของหุ้น 4 ตัว ซึ่งได้แก่หุ้นบริษัทเอ็นวิเดีย คอร์ปที่รูดลง 7.3%, หุ้นอะเมซอนดอทคอมที่ดิ่งลง 3.6%, หุ้นแอปเปิลที่รูดลง 2.02% และหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลง 2.43% ทางด้านดัชนีฟิลาเดลเฟียสำหรับหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐรูดลง 4.83% ในวันศุกร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 1.43% สู่ 34,738.06, ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 1.90% สู่ 4,418.64 และดัชนี Nasdaq ปิดดิ่งลง 2.78% สู่ 13,791.15 ในวันศุกร์ โดยดัชนี S&P 500 ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 1.8% จากสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการรูดลง 2.2% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ หุ้น 9 กลุ่มจาก 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันศุกร์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรูดลง 3.0% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดิ่งลง 2.8% อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.8% ในวันศุกร์ ในขณะที่ราคาสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 5% สู่ 94.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014
นายโธมัส เฮย์ส จากบริษัทเกรท ฮิลล์ แคปิตัลกล่าวว่า "ถ้าหากผู้นำประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถคลี่คลายวิกฤติยูเครนได้ สิ่งนี้ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดเป็นอย่างมาก" ทางด้านนายเจย์ แฮทฟิลด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอินฟราสตรัคเจอร์ แคปิตัล แมเนจเมนท์กล่าวว่า "ถ้าหากยูเครนถูกโจมตี สิ่งนี้ก็จะสนับสนุนการคาดการณ์ของเราที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ เพราะว่าสงครามยูเครนจะส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น" ทั้งนี้ เทรดเดอร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสสูงมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. และเฟดอาจจะปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยสู่ 1.75-2.00% ก่อนสิ้นปีนี้
มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานในวันศุกร์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐดิ่งลงจาก 67.2 ในเดือนม.ค. สู่ 61.7 ในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2011 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 67.5 ในขณะที่ผู้บริโภคคาดการณ์กันว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะยังคงพุ่งขึ้นต่อไปในระยะใกล้ ทั้งนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลของตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 14.43% สู่ 27.36 ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ 30.99 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.
หุ้นบริษัทซิลโลว์ กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์พุ่งขึ้น 12.7% ในวันศุกร์ หลังจากซิลโลว์รายงานว่ายอดขายรายไตรมาสอยู่ในระดับที่สูงเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ในภาคบ้านที่พุ่งขึ้น 11 เท่า อย่างไรก็ดี หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทชุดกีฬาดิ่งลง 12.5% หลังจากทางบริษัทประกาศเตือนว่า อัตราผลกำไรจะได้รับแรงกดดันในไตรมาสปัจจุบัน--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน