ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ผลสำรวจจากซิติกรุ๊ปพบว่า ครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่งกำลังแสวงหาสินทรัพย์เสี่ยง และลดการถือครองเงินสดลง ขณะที่พวกเขามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุน โดยสำนักงานครอบครัวราว 97% จาก 338 แห่งที่ซิติสำรวจความเห็นนั้น คาดว่าผลตอบแทนการลงทุนจะเป็นบวกในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 95% ในปีที่แล้ว
นายอันเนส ฮอฟแมน ผู้อำนวยการกลุ่มสำนักงานครอบครัวของซิติกล่าวว่า "นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกมาก และเราเห็นสิ่งนี้แม้แต่ในประเภทความเสี่ยงที่พวกเขากำลังถือก็ตาม" โดยเขาได้ระบุถึงการลงทุนโดยตรงของครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่งในบริษัทต่างๆในรอบการระดมทุนเบื้องต้น ซึ่งมักจะมีความเสี่ยงมากกว่ารอบต่อมา
แนวทางอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกสูงสุดสำหรับผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง โดยแทนที่เงินเฟ้อเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2021 และมากกว่า 75% ของผลตอบแบบสำรวจทำเงินได้ในปีที่แล้ว เทียบกับ 12% ที่ขาดทุน และ 10% ที่พอร์ทการลงทุนทรงตัว ขณะที่ครอบครัวต่างๆค่อยลดสัดส่วนการถือครองเงินสดลง และเพิ่มสินทรัพย์เสี่ยง
ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 49% เพิ่มสัดส่วนการลงทุน ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสำรวจ 43% ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และ 42% เพิ่มหุ้นนอกตลาด
นอกจากนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจมีการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่สามารถสร้างสรรค์ แต่มีไม่ถึง 15% ที่ใช้เอไอในการดำเนินการของตนเอง--จบ--
Eikon source text
โกลด์แมน แซคส์ และซิติกรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปีของจีนลงสู่ระดับ 4.7% ในปีนี้ หลังจากที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนส.ค.
ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.9% ขณะที่ซิติกรุ๊ปคาดการณ์ไว้ที่ 4.8%
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า "เราเชื่อว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จีนจะพลาดเป้าหมายจีดีพีราว 5% ในปีนี้ และความเร่งด่วนที่ต้องออกมาตรการผ่อนคลายด้านอุปสงค์มากขึ้นนั้นก็กำลังมีมากขึ้นเช่นกัน" แต่โกลด์แมน แซคส์คงคาดการณ์จีดีพีในปีหน้าที่ 4.3%
แต่ซิติกรุ๊ปปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีหน้าลงสู่ระดับ 4.2% จาก 4.5% ที่คาดไว้ก่อนหน้า เนื่องจากการขาดปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับอุปสงค์ในประเทศ "เราเชื่อว่า นโยบายการคลังจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเพื่อทำลายกับดักการรัดเข็มขัด และใช้มาตรการหนุนเศรษฐกิจในเวลาที่เหมาะสม"--จบ--
Eikon source text
ผู้บริหารจากธนาคารสหรัฐยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และระบุถึงการถดถอยลงของภาคการอุปโภคบริโภคในการแถลงผลประกอบการที่ออกมาไร้ทิศทาง ขณะที่ธนาคารต่างๆจะต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อรักษาลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าไว้ พร้อมๆกับรับมือกับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนานขึ้นด้วย ขณะที่ผู้ขอกู้ลังเลที่จะขอสินเชื่อใหม่
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ขณะที่มูลค่าตลาดและเครดิต สเปรดดูเหมือนจะสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี แต่เราก็ยังคงเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น" และความเสี่ยงดังกล่าวได้แก่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งยังคงอันตรายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และเขาระบุว่า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภัยคุกคามต่างๆ อาทิ ยอดขาดดุลทางการคลังจำนวนมาก และการปรับโครงสร้างการค้า "เรายังไม่รู้ผลกระทบทั้งหมดจากการคุมเข้มเชิงปริมาณในขนาดนี้"
นายชาร์ลี ชาร์ฟ ซีอีโอจากเวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า "โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยถูกขับเคลื่อนจากตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และมีอุปสรรคจากเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นผู้จัดการสถานการณ์ทางการเงินที่ซับซ้อนขนาดใหญ่นี้"
เจน เฟรเซอร์ ซีอีโอจากซิติแบงก์กล่าวว่า "เมื่อดูสภาวะแวดล้อมระดับมหภาคขณะที่เรากำลังเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง สหรัฐก็ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทางโครงสร้างมากที่สุดในโลก หลังจากที่มีความคืบหน้า ดูเหมือนเงินเฟ้อก็กลับไปมีทิศทางที่ลดลง ส่วนการใช้จ่ายในภาคบริการยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้มีสัญญาณชัดเจนแสดงว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลง และมีการคุมเข้มงบประมาณของผู้บริโภคก็ตาม"
นายโรบิน วินซ์ ซีอีโอจากบีเอ็นวายกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวได้ค่อนข้างดี และอาจจะดีมากเกิดคาดอยู่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่บางคนคาดไว้ แต่ความท้าทายสำหรับเฟดก็คือการพยายามหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สามารถรองรับภาวะอ่อนแอที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต"--จบ--
Eikon source text
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการตรวจสอบภาวะวิกฤติประจำปีพบว่า ธนาคารสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดมีเงินทุนเพียงพอที่จะต้านทานภาวะปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและตลาดที่ร้ายแรง แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนตามสมมติฐานมากขึ้นในปีนี้เนื่องจากพอร์ทการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
รายงานพบว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 31 แห่งจะต้านทานอัตราว่างงานที่พุ่งสูง, ภาวะผันผวนรุนแรงของตลาด และการดิ่งลงของตลาดสินเชื่อจำนองเพื่อที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ และยังคงมีเงินทุนเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อต่อไปได้ นอกจากนี้ เฟดยังพบว่า ระดับของเงินทุนที่มีคุณภาพสูงของธนาคารเหล่านี้จะลดลงสู่ระดับ 9.9% มาที่ระดับต่ำสุด ซึ่งยังคงสูงเกินเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่กว่าสองเท่า
แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนมากขึ้นในปีนี้ และเฟดระบุว่า ผลขาดทุนที่สูงขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงพอร์ทการลงทุนของธนาคารต่างๆ โดยธนาคารที่ถูกทดสอบจะมีผลขาดทุนรวมกัน 6.85 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้ฉากทัศน์ร้ายแรงตามสมมติฐาน และโดยเฉลี่ย ธนาคารมีสัดส่วนเงินทุนลดลง 2.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2018
เฟดระบุว่า บัตรเครดิตเป็นสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงของผลขาดทุนสำหรับธนาคาร โดยมีสัดส่วนมากกว่า 25% ของผลขาดทุนตามสมมติฐาน และเฟดตั้งข้อสังเกตว่า บัญชีบัตรเครดิตของธนาคารขนาดใหญ่พุ่งขึ้นกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และอัตราการค้างชำระหนี้พุ่งกว่า 40%--จบ--
Eikon source text
22 เม.ย.--รอยเตอร์
ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่แล้ว โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 85 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 82 ดอลลาร์ในปี 2025 โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 80 ดอลลาร์ นอกจากนี้ โกลด์แมนยังระบุอีกด้วยว่า "เรายังคงมองว่าการถือครองสถานะซื้อน้ำมันเป็นสิ่งที่มีค่า เพราะว่าการทำประกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนเพื่อรับมือกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก และกำไรจากการเปลี่ยนไปถือสัญญาใหม่ (roll yield) ก็อยู่ในระดับที่น่าดึงดูดที่ 10% เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized)"
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.21% มาปิดตลาดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. ก่อนจะดิ่งลงราว 1.5% สู่ 85.95 ดอลลาร์ในวันนี้ โดยทั้งราคาน้ำมันดิบสหรัฐและเบรนท์ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ในช่วงแรกของวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับการโจมตีอิหร่าน ก่อนจะลดช่วงบวกลงในเวลาต่อมา
ธนาคารคอมเมอร์ซแบงก์คาดการณ์ในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปลายไตรมาสสอง และจะอยู่ที่ 90-95 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 โดยปรับขึ้น 5 ดอลลาร์จากตัวเลขคาดการณ์เดิม โดยตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้ได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ, จากแนวโน้มที่อุปสงค์น้ำมันจะปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันจนถึงช่วงกลางปีนี้ ทั้งนี้ คอมเมอร์ซแบงก์ระบุว่า "สำหรับช่วงครึ่งหลังของปีนี้นั้น มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสอาจจะค่อย ๆ ปรับลดการใช้มาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ"
กลุ่มโอเปกพลัสได้ตกลงกันในเดือนมี.ค.ว่า ทางกลุ่มจะใช้มาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในอัตรา 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.ปีนี้ เพื่อจะได้ช่วยหนุนราคาน้ำมัน และทางกลุ่มจะจัดการประชุมในเดือนมิ.ย.เพื่อจะได้ตัดสินใจว่า ทางกลุ่มจะยังคงใช้มาตรการดังกล่าวต่อไปหรือไม่ หรือว่าจะปรับเพิ่มอุปทานน้ำมันในตลาด
ซิตี้กรุ๊ประบุในวันพฤหัสบดีที่ 18 เม.ย.ว่า การต่อสู้กันระหว่างแรงหนุนที่ราคาน้ำมันได้รับจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ กับแรงกดดันที่ราคาน้ำมันได้รับจากปัจจัยพื้นฐานที่ผ่อนคลายลง มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงเคลื่อนตัวระหว่างระดับ 85-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลต่อไป นอกจากว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันครั้งใหญ่ในความขัดแย้งทางการเมือง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินทรงตัวในวันอังคาร ในขณะที่นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการลงทุน ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อออกมาในวันพุธ โดยนักลงทุนคาดการณ์กันว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปของสหรัฐอาจปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. แต่ดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีอาจปรับขึ้น 3.4% ในเดือนมี.ค. โดยเร่งตัวขึ้นจาก 3.2% ในเดือนก.พ. ทางด้านดัชนี CPI พื้นฐานอาจปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดสัญญาล่วงหน้าคาดการณ์ในวันอังคารว่า มีโอกาส 58% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. โดยปรับเพิ่มขึ้นจากโอกาส 52% ที่เคยคาดไว้ในช่วงเย็นวันจันทร์ และนักลงทุนคาดการณ์กันว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.74% ในปี 2024 หรือเท่ากับว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปีนี้ Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.09 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 104.11 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 151.77 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 151.79 เยน และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 34 ปีที่ 151.97 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 27 มี.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0855 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 1.0858 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐขยับลง แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดบวกขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร โดยดัชนี Nasdaq ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มชิปของสหรัฐ ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐปิดบวกขึ้น 0.94% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่ฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทสหรัฐจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. เมื่อธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โคเปิดเผยผลประกอบการออกมา โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วงนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 5.0% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบรายปี โดยปรับลดลงจากระดับ +7.2% ที่เคยคาดการณ์กันไว้ในช่วงต้นไตรมาสแรก นอกจากนี้ นักลงทุนก็รอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธด้วย ทั้งนี้ ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐนั้น หุ้น 9 กลุ่มปิดตลาดวันอังคารในแดนบวก โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินถือเป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุด ทางด้านหุ้นกลุ่มสกุลเงินคริปโตรูดลงในวันอังคารด้วยเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของบิทคอยน์ โดยหุ้นบริษัทคอยน์เบส โกลบัลที่เป็นผู้ประกอบการตลาดดิ่งลง 5.5% และหุ้นบริษัทไมโครสเตรเทจีรูดลง 4.8% Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับลง 0.02% สู่ 38,883.67
ดัชนี S&P 500 ปิดบวกขึ้น 0.14% สู่ 5,209.91
ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.32% สู่ 16,306.64
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันอังคาร ในขณะที่การเจรจาเรื่องการหยุดยิงในเขตกาซายังคงดำเนินต่อไป แต่ราคาน้ำมันร่วงลงไม่มากนัก ในขณะที่ผู้ไกล่เกลี่ยของอียิปต์และกาตาร์เผชิญกับอุปสรรคในการหาทางยุติสงคราม และกลุ่มฮามาสระบุว่า ข้อเสนอของอิสราเอลไม่สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของกลุ่มฮามาส อย่างไรก็ดี กลุ่มฮามาสจะศึกษาข้อเสนอต่อไป และจะยื่นส่งคำตอบให้กับผู้ไกล่เกลี่ย ทางด้านผู้บัญชาการกองทัพเรือของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่านระบุว่า อิหร่านอาจจะปิดช่องแคบฮอร์มุซถ้าหากมีความจำเป็น ในขณะที่ปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซในแต่ละวันครองสัดส่วนราว 20% ของปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลก นอกจากนี้ ตุรกีก็ประกาศว่า ตุรกีจะจำกัดการส่งออกสินค้าหลายอย่างให้แก่อิสราเอล ซึ่งรวมถึงน้ำมันอากาศยาน จนกว่าจะมีการหยุดยิง ส่วนอิสราเอลประกาศว่าจะตอบโต้ตุรกีด้วยมาตรการของตนเอง ทั้งนี้ หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานของเอกชน ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐพุ่งขึ้น 3.034 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐปรับลง 609,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมัน distillate ในคลังสหรัฐปรับขึ้น 120,000 บาร์เรล Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนพ.ค.ดิ่งลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 1.4% มาปิดตลาดที่ 85.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนรูดลง 96 เซนต์ หรือ 1.1% มาปิดตลาดที่ 89.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 13.69 ดอลลาร์ สู่ 2,352.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในระหว่างวันที่ 2,365.09 ดอลลาร์ โดยราคาทองได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจากความเสี่ยงจากความข้ดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ในขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 19-20 มี.ค. และรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ ทั้งนี้ นายฟิลลิป สเตรเบิล หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนตลาดของบริษัทบลู ไลน์ ฟิวเจอร์สกล่าวว่า "จะยังคงมีคำสั่งซื้อตามปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาในตลาดทองต่อไป นอกจากว่าสหรัฐจะรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาดเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะช่วยหนุนราคาทองให้พุ่งขึ้นสู่ 2,400 ดอลลาร์" Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com ; โทร 08-7689-6043;
สิงคโปร์--14 มี.ค.--รอยเตอร์
นายโชว หม่าน หยิว หัวหน้าแผนกธนบดีธนกิจของธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ แบงก์ (ยูโอบี) ของสิงคโปร์ระบุว่า ยูโอบีกำลังวางแผนที่จะปรับเพิ่มสินทรัพย์ความมั่งคั่งส่วนบุคคลภายใต้การบริหารของยูโอบีขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ยูโอบีคาดว่าจะมีเงินลงทุนจำนวนมากยิ่งขึ้นหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในสิงคโปร์และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ยูโอบีถือเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากเป็นอันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหาร (AUM) ของยูโอบีพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดที่ 1.76 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.3204 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงสิ้นเดือนธ.ค. 2023 ในขณะที่สินทรัพย์จากลูกค้าแผนกความมั่งคั่งส่วนบุคคลครองสัดส่วนสูงกว่าครึ่งหนึ่งของ AUM โดยลูกค้าแผนกนี้คือเศรษฐีที่ครอบครองสินทรัพย์มูลค่าอย่างน้อย 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
นายโชวกล่าวต่อรอยเตอร์ว่า "เราเชื่อว่าธุรกิจบริหารความมั่งคั่งจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง ในขณะที่มีโอกาสที่จะมีเงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่ธุรกิจนี้มากยิ่งขึ้นในภูมิภาคอาเซียน และธุรกิจนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งตามปกติภายในสิงคโปร์" ทั้งนี้ ผู้บริหารความมั่งคั่งในสิงคโปร์พบว่า มีเงินลงทุนหลั่งไหลเข้ามามากยิ่งขึ้นจากจีน, ฮ่องกง และประเทศอื่น ๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศอื่น ๆ และเป็นผลจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีการจัดตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัวและทรัสต์ในสิงคโปร์
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นภูมิภาคสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งด้วยเช่นกัน โดยรายงานของบริษัทไนท์ แฟรงค์ระบุว่า จำนวนประชากรที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่พิเศษในมาเลเซีย, เวียดนาม และอินโดนีเซียมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 34.6%, 34.1% และ 30% ตามลำดับภายในปี 2028 เมื่อเทียบกับปี 2023 ในขณะที่จำนวนนักลงทุนรายใหญ่พิเศษทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพียง 28.1% ภายในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ ไนท์ แฟรงค์ระบุว่า สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการดึงดูดลูกค้าความมั่งคั่งจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ในช่วงนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายด้านการลดหย่อนภาษี ซึ่งช่วยจูงใจให้เศรษฐีในภูมิภาคนี้หันมาจัดตั้งสำนักงานธุรกิจครอบครัวในสิงคโปร์
นายโชวกล่าวว่า สินทรัพย์ความมั่งคั่งส่วนบุคคลของยูโอบีพุ่งขึ้น 14% ในปีที่แล้ว และเขากล่าวเสริมว่า กว่าครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ทั้งหมดของยูโอบีมาจากสิงคโปร์ ส่วนสินทรัพย์ที่เหลือนั้นส่วนใหญ่แล้วมาจากมาเลเซีย, ประเทศไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และภูมิภาคเอเชียเหนือ โดยภูมิภาคเอเชียเหนือนี้ครอบคลุมฮ่องกง, ไต้หวัน, จีน และญี่ปุ่น ทั้งนี้ ยูโอบีเพิ่งเข้าซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาจากซิตี้กรุ๊ปในช่วงต้นปี 2022 ในวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน