ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ผู้บริหารจากธนาคารสหรัฐยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และระบุถึงการถดถอยลงของภาคการอุปโภคบริโภคในการแถลงผลประกอบการที่ออกมาไร้ทิศทาง ขณะที่ธนาคารต่างๆจะต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อรักษาลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าไว้ พร้อมๆกับรับมือกับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนานขึ้นด้วย ขณะที่ผู้ขอกู้ลังเลที่จะขอสินเชื่อใหม่
นายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ขณะที่มูลค่าตลาดและเครดิต สเปรดดูเหมือนจะสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี แต่เราก็ยังคงเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น" และความเสี่ยงดังกล่าวได้แก่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งยังคงอันตรายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และเขาระบุว่า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภัยคุกคามต่างๆ อาทิ ยอดขาดดุลทางการคลังจำนวนมาก และการปรับโครงสร้างการค้า "เรายังไม่รู้ผลกระทบทั้งหมดจากการคุมเข้มเชิงปริมาณในขนาดนี้"
นายชาร์ลี ชาร์ฟ ซีอีโอจากเวลส์ ฟาร์โกกล่าวว่า "โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยถูกขับเคลื่อนจากตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และมีอุปสรรคจากเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นผู้จัดการสถานการณ์ทางการเงินที่ซับซ้อนขนาดใหญ่นี้"
เจน เฟรเซอร์ ซีอีโอจากซิติแบงก์กล่าวว่า "เมื่อดูสภาวะแวดล้อมระดับมหภาคขณะที่เรากำลังเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง สหรัฐก็ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทางโครงสร้างมากที่สุดในโลก หลังจากที่มีความคืบหน้า ดูเหมือนเงินเฟ้อก็กลับไปมีทิศทางที่ลดลง ส่วนการใช้จ่ายในภาคบริการยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้มีสัญญาณชัดเจนแสดงว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลง และมีการคุมเข้มงบประมาณของผู้บริโภคก็ตาม"
นายโรบิน วินซ์ ซีอีโอจากบีเอ็นวายกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวได้ค่อนข้างดี และอาจจะดีมากเกิดคาดอยู่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่บางคนคาดไว้ แต่ความท้าทายสำหรับเฟดก็คือการพยายามหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้สามารถรองรับภาวะอ่อนแอที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต"--จบ--
Eikon source text
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการตรวจสอบภาวะวิกฤติประจำปีพบว่า ธนาคารสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดมีเงินทุนเพียงพอที่จะต้านทานภาวะปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและตลาดที่ร้ายแรง แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนตามสมมติฐานมากขึ้นในปีนี้เนื่องจากพอร์ทการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
รายงานพบว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 31 แห่งจะต้านทานอัตราว่างงานที่พุ่งสูง, ภาวะผันผวนรุนแรงของตลาด และการดิ่งลงของตลาดสินเชื่อจำนองเพื่อที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ และยังคงมีเงินทุนเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อต่อไปได้ นอกจากนี้ เฟดยังพบว่า ระดับของเงินทุนที่มีคุณภาพสูงของธนาคารเหล่านี้จะลดลงสู่ระดับ 9.9% มาที่ระดับต่ำสุด ซึ่งยังคงสูงเกินเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่กว่าสองเท่า
แต่ธนาคารได้รับผลขาดทุนมากขึ้นในปีนี้ และเฟดระบุว่า ผลขาดทุนที่สูงขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงพอร์ทการลงทุนของธนาคารต่างๆ โดยธนาคารที่ถูกทดสอบจะมีผลขาดทุนรวมกัน 6.85 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้ฉากทัศน์ร้ายแรงตามสมมติฐาน และโดยเฉลี่ย ธนาคารมีสัดส่วนเงินทุนลดลง 2.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2018
เฟดระบุว่า บัตรเครดิตเป็นสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงของผลขาดทุนสำหรับธนาคาร โดยมีสัดส่วนมากกว่า 25% ของผลขาดทุนตามสมมติฐาน และเฟดตั้งข้อสังเกตว่า บัญชีบัตรเครดิตของธนาคารขนาดใหญ่พุ่งขึ้นกว่า 1.00 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และอัตราการค้างชำระหนี้พุ่งกว่า 40%--จบ--
Eikon source text
26 มิ.ย.--รอยเตอร์
นักวิเคราะห์ของธนาคารเจพีมอร์แกนประเมินว่า การที่พันธบัตรรัฐบาลอินเดียจะได้รับการบรรจุรวมไว้ในดัชนีพันธบัตรรัฐบาลตลาดเกิดใหม่ (GBI-EM) ของเจพีมอร์แกนในเร็ว ๆ นี้ จะส่งผลให้มีเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ไหลออกจากตลาดพันธบัตรของแอฟริกาใต้, โปแลนด์ และไทยรวมกัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่า จะมีเงินลงทุนไหลออกจากไทย 3.2 พันล้านดอลลาร์, ไหลออกจากแอฟริกาใต้ 4.7 พันล้านดอลลาร์, ไหลออกจากโปแลนด์ 3.3 พันล้านดอลลาร์, ไหลออกจากสาธารณรัฐเช็ก 2.9 พันล้านดอลลาร์ และไหลออกจากชิลี 2.5 พันล้านดอลลาร์ โดยเงินลงทุนเหล่านี้จะไหลเข้าสู่พันธบัตรอินเดีย ทั้งนี้ จะเริ่มมีการบรรจุพันธบัตรรัฐบาลอินเดียเข้าไว้ในดัชนี GBI-EM ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 มิ.ย. โดยจะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักครั้งละ 1% และจะใช้เวลาราว 10 เดือนในการปรับเพิ่มน้ำหนักของพันธบัตรอินเดียในดัชนีนี้จนชนระดับเพดานที่ 10% ในเดือนมี.ค. 2025
น้ำหนักของประเทศอื่น ๆ ในดัชนีนี้จะลดลง โดยน้ำหนักของไทยในดัชนีนี้จะลดลงจาก 9.19% ในปัจจุบัน สู่ 7.59% ในเดือนมี.ค. 2025, น้ำหนักของแอฟริกาใต้ในดัชนีนี้จะลดลงจาก 8.27% ในปัจจุบัน สู่ 6.83% ในเดือนมี.ค. 2025 และน้ำหนักของโปแลนด์ในดัชนีนี้จะลดลงจาก 8.08% ในปัจจุบัน สู่ 6.68% ในเดือนมี.ค. 2025 ทั้งนี้ ทีมนักยุทธศาสตร์การลงทุนของเจพีมอร์แกนที่นำโดยนายไมเคิล แฮร์ริสันกล่าวว่า "ในส่วนของนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่นั้น เรามองว่าการรวมอินเดียเข้าไว้ในดัชนีถือเป็นเกมที่มีผู้แพ้และผู้ชนะ และเราก็คาดว่าจะมีเงินลงทุนไหลออกจากตลาดพันธบัตรประเทศตลาดเกิดใหม่ประเทศอื่น ๆ เพื่อไหลเข้าสู่อินเดีย"
คาดกันว่าภูมิภาคยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) จะเป็นภูมิภาคที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดในส่วนของน้ำหนักในดัชนี โดยคาดกันว่าน้ำหนักของ EMEA ในดัชนีตลาดเกิดใหม่อาจดิ่งลงสู่ 26.2% ในเดือนมี.ค. 2025 โดยลดลงจากระดับราว 32% ในช่วงต้นเดือนนี้ และดิ่งลงจาก 40% ในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการปลดรัสเซียออกจากดัชนีนี้หลังจากเกิดสงครามยูเครนในช่วงต้นปี 2022 ทั้งนี้ ดัชนีพันธบัตรของเจพีมอร์แกนและของหน่วยงานอื่น ๆ ถือเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อตลาด เพราะว่ากองทุนต่าง ๆ มักจะใช้ดัชนีเหล่านี้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการทำงาน และใช้เป็นตัวกำหนดว่าทางกองทุนควรจะซื้อหรือขายพันธบัตรใด
หลังจากเจพีมอร์แกนประกาศในเดือนก.ย. 2023 เรื่องแผนการรวมพันธบัตรอินเดียไว้ในดัชนี นักลงทุนต่างชาติก็ได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอินเดียไปแล้วเป็นมูลค่ากว่า 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา และส่งผลให้การถือครองพันธบัตรอินเดียโดยนักลงทุนต่างชาติพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ นายแฮร์ริสันกล่าวว่า "มีการประเมินกันว่าจะมีเงินลงทุน 2.0-2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่อินเดียโดยเป็นผลจากดัชนีนี้ และตัวเลขเงินลงทุนไหลเข้าเพราะดัชนีในช่วงที่ผ่านมาก็บ่งชี้ว่า มีเงินลงทุนไหลเข้าอินเดียไปแล้วราว 32-40% ของปริมาณเงินไหลเข้าทั้งหมดที่คาดไว้"
คาดกันว่าจีน, อินโดนีเซีย และเม็กซิโกจะไม่ถูกปรับลดน้ำหนักในดัชนี GBI-EM ลงจากระดับเพดานที่ 10% โดยน้ำหนักของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียในดัชนีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่น้ำหนักของภูมิภาคลาตินอเมริกามีแนวโน้มที่จะปรับลดลงเล็กน้อย--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
แมรี่ เออร์โดส ซีอีโอฝ่ายบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งของเจพีมอร์แกน เชสกล่าวว่า บริษัทกำลังเห็นสัญญาณเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในจีน ซึ่งจะส่งเสริมธุรกิจของบริษัทในจีน หลังจากที่ซบเซามาระยะหนึ่ง
การใช้จ่ายของผู้บริโภคของจีนกำลังแสดงสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น และขณะที่จีนยังคงเผชิญกับปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่รัฐบาลก็กำลังหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเป็น "สัญญาณบวกทั้งคู่"
บริษัทสหรัฐกำลังประเมินแนวโน้มของพวกเขาในจีน ขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวอย่างไม่ต่อเนื่อง และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐย่ำแย่ลง สำหรับธนาคารต่างๆ ตลาดทุนที่ซบเซาถ่วงกิจกรรมในจีน และนักลงทุนกำลังจับตาผลของมาตรการหนุนของรัฐบาลต่อเศรษฐกิจ
เธอกล่าวว่า "สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจในจีนท้าทายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ความเชื่อมั่นเริ่มเปลี่ยนเป็นสดใสมากขึ้นในเดือนมี.ค." พร้อมทั้งระบุว่า "นักลงทุนระยะยาวรู้และเข้าใจว่า จีนเป็นตลาดที่สำคัญมาก และเราจะยังคงเติบโตและขยายธุรกิจของเราในจีนต่อไป"
เจพีมอร์แกนเป็นบริษัทต่างประเทศแห่งแรกที่ถือครองบริษัทหลักทรัพย์ในจีนในปี 2021 และฝ่ายบริหารสินทรัพย์ในจีนมีพนักงาน 400 คน และเจพีมอร์แกนเป็นหนึ่งในบริษัทที่ลดตำแหน่งงานในจีนในปีนี้--จบ--
Eikon source text
สิงคโปร์/ลอนดอน--28 พ.ค.--รอยเตอร์
ตลาดเงินนิวยอร์คปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันเมโมเรียล เดย์ของสหรัฐ ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินปรับลงในวันจันทร์ และมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ค.ในแดนลบ ซึ่งจะถือเป็นการปิดตลาดรายเดือนในแดนลบเป็นเดือนแรกของปีนี้ ทางด้านนักลงทุนรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ, ยูโรโซน และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค. เพื่อใช้ตัวเลขเหล่านี้ในการประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก นอกจากนี้ นักลงทุนก็จะรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในวันพุธนี้ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนจะใช้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีและยูโรโซนในการประเมินว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 6 มิ.ย.เหมือนที่เทรดเดอร์คาดการณ์กันไว้หรือไม่ ทางด้านนายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบีกล่าวในวันจันทร์ว่า จังหวะความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.56 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยอ่อนค่าลงจาก 104.74 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ และดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ค.ด้วยการดิ่งลง 1.5% จากเดือนเม.ย. ซึ่งจะถือเป็นการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2023
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 156.86 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยปรับลงจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 156.99 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0858 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 1.0845 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากปรับขึ้น 0.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ยูโรไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากผลสำรวจของสถาบัน Ifo ที่ออกมาในวันจันทร์ โดย Ifo รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีทรงตัวที่ 89.3 ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 90.4 โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าในปีนี้
นักลงทุนรอดูดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันศุกร์นี้ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของดัชนี PCE ในเดือนเม.ย.อาจอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนมี.ค. ทั้งนี้ นายคริส เวสตัน นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทเพพเพอร์สโตนกล่าวว่า "นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาสราว 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนก.ย. และนักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.57% ในปีนี้ ดังนั้นนักลงทุนจะปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ดังกล่าวก็ต่อเมื่อสหรัฐรายงานดัชนี PCE ที่แตกต่างไปจากที่คาดไว้เป็นอย่างมาก" และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากดัชนี PCE พื้นฐานของสหรัฐอยู่สูงกว่า 3% ตัวเลขดังกล่าวก็อาจจะส่งผลให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ได้ และสิ่งนี้จะส่งผลบวกต่อดอลลาร์ แต่ถ้าหากดัชนี PCE พื้นฐานอยู่ต่ำกว่า 2.7% นักลงทุนทั่วทั้งตลาดการเงินก็จะลดความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ"
นักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของกรุงโตเกียวที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ เพราะตัวเลขนี้อาจจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของทั้งประเทศญี่ปุ่น ส่วนเยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ค.ในแดนบวกได้สำเร็จ ซึ่งจะถือเป็นการปิดตลาดรายเดือนในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกของปีนี้ โดยเยนได้รับแรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ทางการญี่ปุ่นอาจเข้ามาแทรกแซงตลาดในช่วงปลายเดือนเม.ย.และต้นเดือนพ.ค. หลังจากดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 160.245 เยนในวันที่ 29 เม.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990 หรือจุดสูงสุดรอบ 34 ปี อย่างไรก็ดี เยนไม่ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ในช่วงนี้ เพราะว่าส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทน JGB กับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปียังคงอยู่ที่ระดับสูงเกือบถึง 3.50%--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ร่วมกับบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง และสำนักงานผู้ควบคุมเงินตราของสหรัฐกำลังเดินหน้าวางแผนใหม่ที่จะทำให้การเพิ่มทุนตามเกณฑ์เกือบ 20% สำหรับธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากความพยายามล็อบบี้ของซีอีโอในวงการ อาทิ นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส
การเพิ่มทุนตามข้อกำหนดสำหรับธนาคาร อาทิ เจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อรับประกันว่า ธนาคารจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะรองรับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นนั้น จะอยู่ที่ราวครึ่งหนึ่งจากแผนเดิมที่เสนอไป
เจ้าหน้าที่ระดับชั้นนำจาก 3 หน่วยงานดังกล่าวยังคงหารือเรื่องการแก้ไขเนื้อหาสาระ และทางเทคนิค และไม่มีการรับประกันว่า จะบรรลุข้อตกลง
ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว ทั้งสามหน่วยงานได้เปิดเผยข้อเสนอที่จะยกเครื่องวิธีที่ธนาคารที่มีสินทรัพย์เกิน 1.00 แสนล้านดอลลาร์คำนวณเงินสดที่พวกเขาต้องตั้งสำรองไว้เพื่อดูดซับผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น โดยข้อเสนอบาเซิลนี้มีจุดประสงค์เพื่อทำให้ธนาคารฟื้นตัวได้ไวขึ้นจากผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะลดความเสี่ยงที่จะเกิดการล้มละลายหรือการเข้าช่วยเหลือ แต่ธนาคารต่างๆระบุว่า พวกเขามีเงินทุนเป็นจำนวนมากแล้ว และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่จำเป็น
ธนาคารขนาดใหญ่ได้ทำการล็อบบี้คัดค้านข้อเสนอบาเซิล ซึ่งพวกเขาระบุว่าจะทำให้พวกเขาต้องยกเครื่องใหม่ หรือปิดผลิตภัณฑ์และธุรกิจต่างๆไป--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--25 เม.ย.--รอยเตอร์
ข้อมูลที่ออกมาในระยะนี้บ่งชี้ว่า ลูกหนี้รายได้ต่ำในสหรัฐกำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ และปัญหานี้ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบัตรเครดิต นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐจำนวนมากยิ่งขึ้นมีเงินออมร่อยหรอลงในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการส่งผลลบต่องบประมาณ และอัตราดอกเบี้ยก็ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สร้างความเสียหายต่อชาวสหรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 45,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ชาวสหรัฐที่มีรายได้สูงยังคงมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ทั้งนี้ นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเพิ่งกล่าวในวันศุกร์ที่ 19 เม.ย.ว่า การค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคถือเป็นหนึ่งในตัวเลขเศรษฐกิจที่น่ากังวลมากที่สุดในตอนนี้ และเขากล่าวเสริมว่า "ถ้าหากอัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคเริ่มปรับสูงขึ้น นั่นก็มักจะถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่วงหน้าว่า สถานการณ์กำลังจะย่ำแย่ลง"
นายอาริจิต รอย ผู้บริหารแผนกธุรกิจผู้บริโภคในธนาคารยู.เอส. แบงคอร์ปกล่าวว่า ลูกหนี้ครั้งแรกและลูกหนี้รายได้ต่ำมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าลูกหนี้ที่มีรายได้สูง ส่วนธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริการะบุในวันอังคารว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นสู่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ จาก 807 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2023 โดยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่จากหนี้บัตรเครดิต ทางด้านธนาคารเจพีมอร์แกน เชสระบุว่า ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า สู่ 2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก นอกจากนี้ ยอดการตัดบัญชีหนี้สูญก็ทะยานขึ้นด้วยเช่นกันในธนาคารซิตี้กรุ๊ปและธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทั้งนี้ นายแอลิสเตอร์ บอร์ธวิค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ลูกหนี้ที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือต่ำเริ่มมีฐานะการเงินเปราะบาง ในขณะที่รายจ่ายของลูกหนี้กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ลูกหนี้ส่วนใหญ่ของแบงก์ ออฟ อเมริกามีคะแนนเครดิตสูงและมีฐานะการเงินแข็งแกรง
ธนาคารบางแห่งในสหรัฐให้บริการแก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจำนวนมาก หรือลูกหนี้ที่มีคะแนนเครดิตราว 300-600 คะแนน โดยธนาคารในกลุ่มนี้รวมถึงธนาคารแคปิตัล วัน, ธนาคารโอลด์ เนชันนัล แบงก์ และธนาคารเฟิร์สท์ มอร์ทเกจ ไดเรคท์ อย่างไรก็ดี ธนาคารทั้ง 3 แห่งนี้ไม่ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ ทั้งนี้ ถึงแม้ธนาคารพาณิชย์มีรายได้จากดอกเบี้ย ธนาคารก็มักจะหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่ส่งผลให้ทางธนาคารต้องตัดบัญชีหนี้สูญ โดยนายทอม เดนท์ รองประธานสมาคมผู้บริหารกิจการสายบุคคลธนกิจกล่าวว่า "ธนาคารพาณิชย์มักจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าต่อลูกค้าเกี่ยวกับกำหนดการชำระเงิน, ให้คำปรึกษาด้านหนี้สินแก่ลูกค้า และให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อจะได้ชำระหนี้ได้ต่อไป"
ปัญหาของลูกหนี้ในสหรัฐส่งผลให้ภาคธนาคารใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยผลสำรวจของเฟดสาขาดัลลัสระบุว่า ปริมาณสินเชื่อของธนาคารในภูมิภาคดังกล่าวลดระดับลง และมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในเดือนมี.ค. ทั้งนี้ เฟดได้เปิดเผยผลสำรวจความเห็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อในสหรัฐรายไตรมาสในเดือนม.ค. โดยผลสำรวจดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่สินเชื่อได้คุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้ ซึ่งรวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อรถยนต์ และธนาคารหลายแห่งก็คาดการณ์ว่า จะมีการคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยกู้บัตรเครดิตให้เข้มงวดขึ้นไปอีกในอนาคตด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทมูดี้ส์ระบุในรายงานในเดือนนี้ว่า อัตราการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตและหนี้รถยนต์ดูเหมือนว่าได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่ยอดหนี้สินของภาคครัวเรือนสหรัฐได้พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดไปแล้ว และยอดหนี้สินบัตรเครดิตก็ทะยานขึ้นเหนือระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในปี 2023
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐ (BEA) ระบุว่า ชาวสหรัฐออมเงินเพียง 3.6% ของรายได้สุทธิในเดือนก.พ. โดยดิ่งลงจาก 4.7% ในเดือนก.พ.ปีก่อน ทางด้านบริษัทแวนเทจสกอร์ระบุว่า อัตราการค้างชำระหนี้ของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ 0.98% สำหรับสินเชื่อโดยรวม ซึ่งครอบคลุมทั้งบัตรเครดิต, สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อจำนอง แต่อัตราดังกล่าวปรับสูงขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยแวนเทจสกอร์ระบุอีกด้วยว่า ชาวสหรัฐที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะค้างชำระหนี้สูงกว่าชาวสหรัฐที่มีอายุสูงกว่า 40 ปี ทั้งนี้ นายเบรนดัน คอกลิน หัวหน้าฝ่ายบุคคลธนกิจในธนาคารซิติเซนส์ ไฟแนนเชียลระบุว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เกิดวิกฤติโรคระบาดเคยช่วยหนุนฐานะการเงินของชาวสหรัฐจำนวนมากที่ถือบัตรเครดิต แต่ชาวสหรัฐจำนวนมากได้ใช้เงินจากโครงการดังกล่าวไปหมดแล้ว และโครงการเลื่อนกำหนดชำระหนี้ต่าง ๆ ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นผู้บริโภคหลายรายจึงประสบภาวะกู้เงินมากเกินไปในปัจจุบัน และเขากล่าวเสริมว่า "คะแนนเครดิตเคยอยู่สูงเกินจริงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเป็นผลจากยอดเงินออมที่สูงขึ้น และยอดใช้จ่ายเงินที่ลดลง" ในช่วงที่เกิดวิกฤตโรคระบาด และเขากล่าวเสริมว่า ยอดการค้างชำระหนี้บัตรเครดิตถือเป็นตัวเลขสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงประชาชนที่ใช้จ่ายเงินเกินฐานะของตนเอง--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน