ตลาดเงิน Emerging Asia:ตลาดเงินเอเชียจับตาผลประกอบการเอ็นวิเดีย,สถานการณ์ยูเครน

• ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นในวันอังคาร หลังจากการปรับตัวขึ้นในช่วงแรกต่อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ดอลลาร์, ฟรังก์สวิส และเยนที่เกิดขึ้นจากการประกาศของรัสเซียที่ว่า รัสเซียจะปรับลดเกณฑ์สำหรับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์นั้น แผ่วลงหลังการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐ โดยรัสเซียเปิดเผยว่า ยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐเพื่อโจมตีดินแดนของรัสเซียเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการโจมตีที่ถูกรัสเซียมองว่าเป็นการเพิ่มความขัดแย้งครั้งใหญ่ในขณะที่สงครามดำเนินมาเป็นวันที่ 1,000 แล้ว และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงหลักการการใช้นิวเคลียร์ของรัสเซียเพียงไม่กี่วัน หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐ 2 รายและแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับการตัดสินใจดังกล่าวกล่าวว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐเพื่อโจมตีลึกเข้ามาในรัสเซีย Eikon source text

• ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.10 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ปรับตัวลงจากระดับ 106.22 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 106.63 ในช่วงแรก

  ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 154.65 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยเยนแข็งค่าถึง 0.91% ในช่วงแรก และเยนยังแข็งค่ามาที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 161.50 เมื่อเทียบกับยูโรด้วย

  ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0595 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร ลดลงจากระดับ 1.0599 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์

• ดัชนี Nasdaq พุ่งกว่า 1% และดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้นเช่นกันในวันอังคาร นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนรอดูผลประกอบการจากบริษัทเอ็นวิเดีย ส่วนหุ้นวอลมาร์ทพุ่งขึ้นหลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ทั้งปี แต่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง โดยดัชนีหุ้นทั้งสามตัวปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด และดัชนีหลักปรับตัวลงถึง 0.6% หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียได้ลดเกณฑ์สำหรับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การโจมตีแบบดั้งเดิมในช่วงแรก และรัสเซียระบุว่า ยูเครนได้โจมตีลึกเข้ามาในรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยสหรัฐ แต่หุ้นก็ฟื้นตัวขึ้นเมื่อนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ Eikon source text

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 0.28% สู่ 43,268.94

ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.40% มาที่ 5,916.98

ดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 1.04% มาที่ 18,987.47

• ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดไม่เปลี่ยนแปลงในวันอังคาร ขณะที่สัญญาณความรุนแรงขึ้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้นักลงทุนระมัดระวังต่อปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับอุปทาน แต่การเริ่มการผลิตบางส่วนอีกครั้งของบ่อน้ำมันสเวอร์ดรุปของนอร์เวย์ช่วยสกัดแรงบวก Eikon source text

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 0.23 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ที่ 69.39

ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดบวก 1 เซนต์ ที่ 73.31

ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

• ราคาทองปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันอังคาร โดยพุ่งสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนได้กระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และนักลงทุนรอสัญญาณที่สำคัญเกี่ยวกับแผนการด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐบวก 0.6% ที่ 2,628.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. Eikon source text

--จบ--

• สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียได้รับแรงหนุนบ้างในวันนี้ หลังจากเคลื่อนตัวผันผวนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยดอลลาร์สิงคโปร์ และบาทแข็งค่าขึ้น ส่วนริงกิตทรงตัว แม้เศรษฐกิจมาเลเซียชะลอตัวในไตรมาส 3 ก็ตาม

• นักวิเคราะห์จากพีบีเอสกล่าวว่า "ความหวังที่เกิดขึ้นในช่วงแรกจากการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของสหรัฐราวกลางปีนี้นั้นจางหายไปส่วนใหญ่แล้ว และเมื่อดูจากภูมิหลังที่ท้าทายดังกล่าว ขอบเขตที่ธนาคารกลางในเอเชียจะลดดอกเบี้ยนั้นจึงถูกจำกัดมากขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับตราสารหนี้/อัตราดอกเบี้ยสกุลเงินท้องถิ่นลดลงมากขึ้นด้วย"

• ริงกิต และบาทอ่อนค่า 3% และ 3.8% ตามลำดับนับตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจของมาเลเซียและไทยที่พึ่งพาการค้า โดยเฉพาะกับจีน ทำให้ประเทศเหล่านี้มีความเปราะบางต่ออุปสรรคที่เกี่ยวกับภาษีนำเข้า

• บาทแข็งค่า 0.4% ในวันนี้ หลังจากผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีในไตรมาส 3

  อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 12.00 น.ตามเวลาไทย

Eikon source text

• สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าลงต่อเนื่องในวันนี้ โดยริงกิตร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีจากโมเมนตัมที่เกิดขึ้นจากการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์

• ริงกิต, บาท และรูเปียห์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยริงกิตร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

• นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์สกล่าวว่า "อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนานขึ้น และการแข็งค่าของดอลลาร์ดูเหมือนว่ายากที่จะรับมือ แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการลำดับนโยบายต่างๆของนายทรัมป์บ่งชี้ว่า แนวทางดังกล่าวจะไม่เป็นเส้นตรง"

• ความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนและสินค้าเอเชียที่ส่งออกไปยังสหรัฐกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่น่าวิตกอีกเรื่องสำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเหล่านี้ ขณะที่มีเงินทุนไหลออกจากมาเลเซียและไทยมากขึ้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีความเปราะบางต่อความเสี่ยงภาษีนำเข้า โดยริงกิตและบาทร่วงลงราว 4% แล้วนับตั้งแต่ผลการเลือกตั้งสหรัฐ

• นักวิเคราะห์จากดีบีเอสกล่าวว่า "อินโดนีเซียและอินเดียมีขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศมากกว่า นักลงทุนจึงมองว่าสามารถฟื้นตัวรับอันตรายจากภาษีนำเข้าได้มากกว่าประเทศอื่นในเอเชีย"

  อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 11.36 น.ตามเวลาไทย

Eikon source text

• ดอลลาร์พุ่งขึ้นมาที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆในวันพุธจากการซื้อขายแบบ Trump trades และหลังจากข้อมูล เงินเฟ้อของสหรัฐออกมาตามที่คาดไว้ในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพ.ย.2023 จากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการเก็บภาษีนำเข้า และมาตรการอื่นๆจากการบริหารของเขา Eikon source text

  ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.46 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ เพิ่มขึ้นจาก 105.95 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 106.53

  ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.45 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ เพิ่มขึ้นจากระดับ 154.60 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยเยนอ่อนค่าทะลุระดับ 155 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.

  ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0563 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ ร่วงลงจากระดับ 1.0623 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร หลังจากที่ร่วงต่ำสุดที่ 1.055575 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนพ.ย.2023 โดยยูโรยังคงร่วงลงท่ามกลางการคาดการณ์ว่านายทรัมป์อาจเก็บภาษีนำเข้า และความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนีถ่วงยูโรด้วยหลังการล่มสลายของพรรคร่วมรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโอลา โชลซ์ในสัปดาห์ที่แล้ว และการเลือกตั้งกำหนดไว้ในวันที่ 23 ก.พ.

• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง หลังจากข้อมูลพบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นตามคาด ซึ่งจะสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดยดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือนในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ Eikon source text

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.11% สู่ 43,958.19

ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.02% สู่ 5,985.38

ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 0.26% สู่ 19,230.74

• ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพุธจากคำสั่งซื้อคืน หลังจากที่ราคาร่วงลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันก่อนเนื่องจากโอเปกคาดว่าอุปสงค์จะลดลง แต่ราคาถูกสกัดช่วงบวกเนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน Eikon source text

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 0.31 ดอลลาร์ ที่ 68.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดบวก 0.39 ดอลลาร์ ที่ 72.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

• ราคาทองปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในวันพุธ โดยถูกกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจากข้อมูลที่พบว่า ดัชนี CPI ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับที่คาดไว้ในเดือนต.ค. โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐลดลง 0.7% ที่ 2,580.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือนในช่วงแรก Eikon source text

--จบ--

• สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอ่อนค่าในวันนี้ หลังจากมาตรการหนุนทางการคลังจากจีนสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อของจีนบ่งชี้ว่า ยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอยู่

• จีนได้ประกาศมาตรการหนี้มูลค่า 10 ล้านล้านหยวนเพื่อลดภาวะตึงเครียดในการหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่น และสร้างเสถียรภาพให้แก่การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นโดยตรง

• อัตราเงินเฟ้อของจีนเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวที่สุดในรอบ 4 เดือนในเดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิตลดลงมากขึ้น แม้จีนพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้วก็ตาม

• นายเคน เฉิง หัวหน้านักกลยุทธ์เอเชียจากมิซูโฮ แบงก์กล่าวว่า หยวนเผชิญกับแรงกดดันในช่วงขาลงเนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และแผนแลกเปลี่ยนหนี้ที่น่าผิดหวังของจีน

  "สกุลเงินอื่นๆที่มีการลงทุนในจีนมากขึ้นก็จะปรับตัวย่ำแย่ด้วย การขึ้นภาษีนำเข้าโดยรวมจะกระทบแนวโน้มการส่งออกในปีหน้า ด้วยการแข็งค่าของดอลลาร์ และดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้น สกุลเงินตลาดเกิดใหม่ในเอเชียจะยังคงถูกกดดันต่อไป"

• นักลงทุนจะรอดูข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อประเมินความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

  อัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลา 10.36 น.ตามเวลาไทย

Eikon source text

• ดอลลาร์แข็งค่าในวันศุกร์ และปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบรายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ข้อเสนอนโยบายของนายทรัมป์ ซึ่งได้แก่การเก็บภาษีนำเข้ามากขึ้น, การจัดการเด็ดขาดกับการอพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย, การลดภาษี และการลดกฎระเบียบด้านธุรกิจ จะทำให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ในระยะใกล้ ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มากมายว่าจะมีการนำเสนอนโยบายใดออกมาจริงๆ Eikon source text

  ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.95 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 104.38 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี และปรับตัวขึ้นรวม 0.68% ในสัปดาห์ที่แล้ว

  ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 152.63 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ อ่อนค่าลงจากระดับ 152.93 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี

  ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0718 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ ร่วงลงจากระดับ 1.0804 ดอลลาร์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี และร่วงลง 1.12% ในสัปดาห์ที่แล้ว

• ดัชนี S&P 500 พุ่งทะลุระดับ 6,000 ในช่วงสั้นๆ และปิดพุ่งขึ้นเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์รายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 1 ปี ขณะที่การชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสนั้นทำให้มีการคาดการณ์ว่า จะมีนโยบายธุรกิจที่เอื้อหนุน และหุ้นยังได้ปัจจัยหนุนในสัปดาห์นี้การลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย โดยดัชนี S&P 500 และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์เมื่อเทียบรายสัปดาห์มากที่สุดตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.2023 ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นเมื่อเทียบรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 2 เดือน และเป็นสัปดาห์ที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับสองของปีนี้ Eikon source text

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.59% สู่ 43,988.99 และพุ่งขึ้นรวม 4.61%

ในสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.38% สู่ 5,995.54 และพุ่งขึ้นรวม 5.74% ในสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.09% สู่ 19,286.78 และพุ่งขึ้นรวม 4.66% ในสัปดาห์ที่แล้ว

• ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันศุกร์ ขณะที่เทรดเดอร์กังวลน้อยลงกับปัญหาขัดข้องด้านการผลิตเป็นเวลานานจากพายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีนไม่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่เทรดเดอร์น้ำมันบางรายได้ Eikon source text

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดร่วงลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ที่ 70.35

ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปิดร่วงลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ

2.3% ที่ 73.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

• ราคาทองลดลงในวันศุกร์ และปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ขณะที่เทรดเดอร์ประเมินผลกระทบจากการเป็นประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐ โดยราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐลดลง 0.8% ที่ 2,685.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และร่วงเกือบ 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว Eikon source text

--จบ--