ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
โตเกียว--11 ต.ค.--รอยเตอร์
รอยเตอร์ได้ให้บริษัทนิกเกอิ รีเสิร์ชสำรวจข้อมูลจากบริษัทญี่ปุ่น 241 แห่งในวันที่ 25 ก.ย.ถึง 4 ต.ค. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาเมื่อวานนี้ โดยผลสำรวจระบุว่า บริษัทญี่ปุ่น 70% ในโพลล์คาดว่า ดอลลาร์/เยนจะอยู่ที่ระดับระหว่าง 140-150 เยนในช่วงสิ้นปีงบดุลบัญชีปัจจุบันในวันที่ 31 มี.ค. 2025 ในขณะที่บริษัทญี่ปุ่น 21% ในโพลล์คาดว่า ดอลลาร์จะอยู่ที่ 130-140 เยนในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.ปีหน้า ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนเพิ่งแกว่งตัวผันผวนในช่วงที่ผ่านมา โดยดอลลาร์/เยนเคยพุ่งขึ้นแตะ 161.96 เยนในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปี ก่อนจะดิ่งลงแตะ 139.58 เยนในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี และดอลลาร์อยู่ที่ 148.74 เยนในวันนี้ โดยดอลลาร์/เยนได้รับแรงหนุนในช่วงนี้ หลังจากนายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นกล่าวในช่วงต้นเดือนต.ค.ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่พร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
เมื่อได้รับคำถามว่า ญี่ปุนควรทำเช่นใดในการรับมือกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่แกว่งตัวผันผวนมากเกินไป บริษัทญี่ปุ่น 45% ในโพลล์ก็ตอบว่า ญี่ปุ่นควรผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรือไม่ก็คุมเข้มนโยบายการเงิน ในขณะที่บริษัท 33% ในโพลล์ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นควรจะเข้ามาแทรกแซงตลาด ทั้งนี้ ผู้จัดการบริษัทเคมีภัณฑ์แห่งหนึ่งระบุว่า "ความอ่อนแอของเยนเกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศต่าง ๆ และเกิดจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นด้วย ดังนั้นญี่ปุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินนโยบายที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ"
ผลสำรวจพบว่า บริษัทญี่ปุ่น 36% ในโพลล์คาดว่า ทางบริษัทอาจมีผลกำไรอยู่ต่ำเกินคาดสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชี หรือสำหรับช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. 2024 โดยเป็นผลจากต้นทุนที่สูงขึ้นและยอดขายที่เฉื่อยชา ในขณะที่บริษัท 18% ในโพลล์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชีอาจอยู่สูงเกินกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ และบริษัทอีก 45% ที่เหลือของโพลล์คาดว่า ผลกำไรในช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชีอาจตรงตามเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งจะรายงานผลประกอบการสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีงบดุลบัญชีในช่วงปลายเดือนนี้
ในกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั้น บริษัท 50% ในกลุ่มนี้ประเมินว่า ผลกำไรช่วงครึ่งปีแรกอาจอยู่ต่ำเกินคาด แต่บริษัท 14% ในกลุ่มนี้คาดว่าผลกำไรอาจอยู่สูงเกินคาด ทั้งนี้ ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทนิสสัน มอเตอร์ได้ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีลง 17% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขายปลีกรถยนต์ลงราว 50,000 คัน สู่ 3.65 ล้านคัน โดยให้เหตุผลว่ายอดขายในสหรัฐและจีนอยู่ในระดับอ่อนแอเกินคาด
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปีงบดุลบัญชีที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2024 นั้น บริษัท 58% ในโพลล์คาดว่า ผลกำไรของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ตรงตามความคาดหมาย แต่มีบริษัท 34% ในโพลล์ที่คาดว่าผลกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ต่ำเกินคาด ทั้งนี้ สำหรับคำถามเรื่องมาตรการรับมือกับบริษัทต่างชาติที่ตั้งเป้าหมายในการเข้าซื้อบริษัทญี่ปุ่นนั้น บริษัทญี่ปุ่น 44% ในโพลล์ตอบว่า ทางบริษัทจะพยายามปรับเพิ่มมูลค่าของบริษัท แต่มีบริษัท 21% ในโพลล์ที่ตอบว่า ทางบริษัทจะไม่ดำเนินมาตรการที่เฉพาะเจาะจงใด ๆ และมีบริษัท 32% ที่มองว่า บริษัทของตนเองไม่ได้เป็นเป้าหมายในการควบรวมกิจการ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--7 ส.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์/เยนพุ่งขึ้น 2.00% สู่ 147.19 เยนในวันนี้ หลังจากเพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันจันทร์ และหลังจากเพิ่งปิดตลาดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันในวันที่ 30 ก.ค.-5 ส.ค. โดยดอลลาร์/เยนยังคงดิ่งลงมาแล้วราว 9% จากจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ทางด้านนักวิเคราะห์ระบุว่า การพุ่งขึ้นของเยนในช่วงนี้มีส่วนกดดันให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงอย่างรุนแรงมากในวันจันทร์ หลังจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนไม่แน่ใจว่า ความผันผวนของเยนในช่วงนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อแนวโน้มผลกำไรของบริษัทญี่ปุ่น ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงราว 20% ในช่วงวันที่ 1-5 ส.ค. โดยดัชนีนิกเกอิรูดลง 12.4% ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการทำสถิติดิ่งลงครั้งใหญ่อันดับสอง ส่วนสถิติการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในเหตุการณ์ Black Monday ในเดือนต.ค. 1987 อย่างไรก็ดี ดัชนีนิกเกอิดีดกลับขึ้นมาได้บ้างในเวลาต่อมา โดยดัชนีพุ่งขึ้น 10.23% ในวันอังคาร และทะยานขึ้นราว 1.19% สู่ 35,089.62 ในวันนี้ แต่ดัชนียังคงดิ่งลงมาแล้วราว 17.3% จากสถิติสูงสุดที่ 42,426.77 ที่เคยทำไว้ในวันที่ 11 ก.ค.
แรงเทขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงนี้มีสาเหตุบางส่วนมาจากการแข็งค่าของเยน หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศผลการประชุมกำหนดนโยบายออกมาในวันที่ 31 ก.ค. โดยระบุว่าบีโอเจปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจาก 0-0.1% สู่ 0.25% ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 โดยดอลลาร์/เยนได้ดิ่งลงจาก 152.76 เยนในช่วงท้ายวันที่ 30 ก.ค. จนลงไปแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันจันทร์ ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเยนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเคยช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพราะว่าการอ่อนค่าของเยนส่งผลดีต่อบริษัทส่งออกขนาดยักษ์หลายแห่งของญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี เนื่องจากเยนแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นจะต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ว่า บริษัทญี่ปุ่นจะมีสถานะเป็นอย่างใดถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากการอ่อนค่าของเยน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยพุ่งขึ้นเกือบ 30% ในปีที่แล้ว และเพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนก.ค.ปีนี้ อย่างไรก็ดี นายอามีร์ อันวาร์ซาเดห์ จากบริษัทอะซิมเมทริก แอดไวเซอร์สกล่าวว่า "แรงหนุนทั้งหมดที่ดัชนีนิกเกอิ 225, หุ้นกลุ่มผู้ส่งออก และหุ้นบริษัทข้ามชาติเคยได้รับจากอัตราแลกเปลี่ยนได้หายไปหมดแล้ว" ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเยนส่งผลให้ต้นทุนของธุรกิจขนาดเล็กและค่าใช้จ่ายของภาคครัวเรือนญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้น แต่การอ่อนค่าของเยนส่งผลดีต่อบริษัทส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ เพราะว่าการอ่อนค่าของเยนส่งผลให้สินค้าญี่ปุ่นมีราคาถูกลงในตลาดต่างประเทศ และการอ่อนค่าของเยนส่งผลให้ผลกำไรของบริษัทข้ามชาติเพิ่มสูงขึ้น เมื่อบริษัทเหล่านี้โอนย้ายผลกำไรจากต่างประเทศกลับเข้ามาในญี่ปุ่น ทางด้านโตโยต้า ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/เยนที่เปลี่ยนแปลงไปทุก 1 เยน ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของโตโยต้าราว 5.0 หมื่นล้านเยน (350 ล้านดอลลาร์) นอกจากนี้ โตโยต้ายังรายงานในสัปดาห์ที่แล้วอีกด้วยว่า ค่าเงินเยนส่งผลบวกราว 3.70 แสนล้านเยนต่อผลกำไรจากการดำเนินงานของโตโยต้าในไตรมาสล่าสุด
นักวิเคราะห์ระบุว่า ถึงแม้ภาคเอกชนของญี่ปุ่นยังคงมีพื้นฐานส่วนใหญ่ที่แข็งแกร่ง แรงเทขายหุ้นญี่ปุ่นในช่วงนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ตลาดไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเสมอไป นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มผู้ส่งออกของญี่ปุ่นก็ได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐด้วย เพราะว่าสหรัฐนำเข้าสินค้าจำนวนมากจากญี่ปุ่น และสหรัฐถือเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่น โดยนายทากาโตชิ อิโตชิมะ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทพิคเทท แอสเซท แมเนจเมนท์ เจแปนระบุว่า ถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง ยอดขายรถญี่ปุ่นก็จะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ บริษัทซูบารุระบุในวันจันทร์ว่า ซูบารุยังคงคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/เยนจะอยู่ที่ 142 เยนสำหรับช่วงตลอดทั้งปีนี้ และซูบารุระบุอีกด้วยว่า รายได้เกือบ 80% ของซูบารุในไตรมาสแรกมาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยนายคัทสึยุกิ มิสุมะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของซูบารุระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์/เยนที่เปลี่ยนแปลงไปทุก 1 เยนส่งผลกระทบต่อผลกำไรจากการดำเนินงานของซูบารุราว 1.0 หมื่นล้านเยน
การแข็งค่าของเยนในช่วงนี้อาจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในวงกว้างของญี่ปุ่น หลังจากที่การดิ่งลงอย่างรุนแรงของเยนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้น และทำให้นักลงทุนกังวลกับแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยของญี่ปุ่น ทั้งนี้ การดิ่งลงของเยนในช่วงที่ผ่านมา เคยส่งผลให้ผู้ก่อตั้งบริษัทฟาสต์ รีเทลลิง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของยูนิโคลประกาศเตือนว่า การอ่อนค่าของเยนไม่มีข้อดี เพราะว่าญี่ปุ่นนำเข้าวัตถุดิบจากหลายประเทศทั่วโลกเพื่อนำมาใช้ในการผลิตสินค้าก่อนจะส่งออกไปต่างประเทศ--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--11 ส.ค.--รอยเตอร์
นักลงทุนกำลังมองหาหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลสหรัฐปรับเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาด 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันอังคารด้วยคะแนนโหวต 69-30 เสียง และร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขั้นตอนต่อไป โดยร่างกฎหมายนี้จะส่งผลให้สหรัฐลงทุนเป็นเงินจำนวนมากที่สุดในรอบหลายสิบปีในโครงการด้านถนน, สะพาน, ท่าอากาศยาน และการขนส่งทางน้ำ ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยนี้ก็มีส่วนช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มวัสดุกับหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 18% จากช่วงต้นปีนี้ ซึ่งใกล้เคียงกับการทะยานขึ้นของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนบางรายพยายามมองหาหุ้นตัวอื่น ๆ ที่มีมูลค่าต่ำเกินไป และมุ่งความสนใจไปยังทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) บางแห่งด้วย
นักลงทุนกำลังกระจายพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดัชนี S&P 500 เพิ่งพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ถึงแม้ตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการด้วยกันในช่วงนี้ โดยปัจจัยลบเหล่านี้รวมถึงมูลค่าหุ้นที่ระดับสูง, การพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมาแล้วราว 2 เท่าจากจุดต่ำสุดของเดือนมี.ค. 2020 โดยพุ่งขึ้นจากระดับ 2,191.86 ในเดือนมี.ค.2020 สู่สถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,445.21 ในวันอังคาร ในขณะที่ค่าพีอีเรโชของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 21.3 เท่าของคาดการณ์ผลกำไรช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.4 เท่าเป็นอย่างมาก
นายสก็อตต์ เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตามแนวโน้มในบริษัทโพรแชร์สกล่าวว่า บริษัทของเขาได้เพิ่มการลงทุนใน REIT ที่เป็นเจ้าของท่าเรือและหอส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อย่างเช่น บริษัทคราวน์ คาสเซิล อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป เพราะเขาเชื่อว่าบริษัทกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน โดยหุ้นคราวน์ คาสเซิลพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 20% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่ดัชนี S&P U.S. Real Estate REIT ทะยานขึ้นมาแล้วราว 25% จากช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ นายเฮฟสไตน์ได้ซื้อหุ้นในบริษัทก๊าซธรรมชาติด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทวิลเลียมส์ คอมปานีส์ อิงค์
นายจอห์น โมว์รีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทเอ็นเอฟเจ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มการถือหุ้นในบริษัทนอร์โฟล์ค เซาเธิร์น คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางรถไฟ เนื่องจากเขาคาดว่ารายได้ของนอร์โฟล์คจะได้รับแรงหนุนเป็นอย่างมาก เมื่อมีการขนส่งวัสดุก่อสร้างทั่วสหรัฐในอนาคต โดยหุ้นนอร์โฟล์คปรับขึ้นราว 9% จากช่วงต้นปีนี้ ส่วนค่าพีอีเรโชของหุ้นนอร์โฟล์คเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ นอกจากนี้ นายโมว์รีย์ก็ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทอเมริกัน วอเตอร์ เวิร์คส์ คอมปานี อิงค์ในกลุ่มสาธารณูปโภคด้วย เนื่องจากเขาคาดว่าบริษัทนี้จะได้รับประโยชน์จากร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ เขากล่าวว่า "บริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปรับปรุงระบบของตนเองให้ดีขึ้นโดยใช้เงินจากภาครัฐบาล แทนที่จะต้องใช้เงินจากภายในบริษัทเอง"
นักลงทุนได้เข้าซื้อกองทุน ETF ที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วย โดยกองทุน iShares U.S. Infrastructure Exchange Traded Fund มีเงินลงทุนไหลเข้าเป็นจำนวน 5 สัปดาห์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีเงินไหลเข้าสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 51 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ทั้งนี้ นายแบร์รี เจมส์ ผู้จัดการกองทุนเจมส์ แอดเวนเทจ ฟันด์ระบุว่า เขาได้ปรับเพิ่มสถานะการลงทุนในบริษัทเฟดเอ็กซ์ คอร์ป และในบริษัทกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นอะเมซอนดอทคอม เนื่องจากเขาคาดว่าร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยลดเวลาในการขนส่งสินค้าทางถนนลงได้--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน