ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
มาตรการทางการคลังที่จีนวางแผนไว้นั้นมีเป้าหมายไปที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความเสียหาย และงบดุลของรัฐบาลท้องถิ่นที่ถ่วงเศรษฐกิจ และทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินฝืด จึงทำหน้าที่เป็นตัวสร้างเสถียรภาพมากกว่าที่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในทันทีตามที่ตลาดหวังไว้
รอยเตอร์รายงานว่า ในสัปดาห์หน้าจีนจะพิจารณาการอนุมัติการออกพันธบัตรพิเศษวงเงินกว่า 10 ล้านล้านหยวน(1.4 ล้านล้านดอลลาร์) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเม็ดเงินราว 6 ล้านล้านหยวนจะนำไปใช้ลดหนี้นอกบัญชีของรัฐบาลท้องถิ่น ส่วนงบ 4 ล้านล้านหยวนจะนำไปสนับสนุนการซื้อคืนที่ดินเปล่าจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดสภาพคล่อง และช่วยลดสต็อกห้องชุดที่ขายไม่ออกที่มีเป็นจำนวนมาก
นายคริสโตเฟอร์ เบดเดอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจีนจากเกฟคาล ดรากอนโนมิคส์กล่าวว่า "เป้าหมายหลักของมาตรการกระตุ้นนี้เกี่ยวกับการพยุงงบดุล มากกว่าที่จะทำให้จีดีพีระยะใกล้เพิ่มขึ้น มาตรการนี้น่าจะลดภาวะตึงตัวได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างงบรายจ่ายที่สูงขึ้นในทันทีเสมอไป"
จีนหวังว่าจะระบายช่องทางที่จะทำให้มีเม็ดเงินไหลไปยังภาคธุรกิจและผู้บริโภคด้วยการเปลี่ยนหนี้สินไปที่งบดุลที่มีสถานะแข็งแกร่งกว่าของรัฐบาลกลาง ซึ่งมีสัดส่วนหนี้ 24% ของจีดีพี
โกลด์แมน แซคส์คาดว่า สต็อกอสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่ออก ซึ่งถ้าหากถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ จะมีมูลค่าเท่ากับ 93 ล้านล้านหยวน และการจัดการกับสต็อกส่วนเกินดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับว่า มาตรการนี้จะสามารถเริ่มวงจรการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ทำให้จีนสามารถจำกัด แทนที่จะแค่ถ่ายโอนหนี้สินได้หรือไม่--จบ--
Eikon source text
โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ภายในเดือนธ.ค.ปีหน้า โดยยังคงมุมมองเชิงบวกไว้ เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับทองจากเจ้าหน้าที่ทางการคลังและการเงิน, นักลงทุน และนักเก็งกำไร
ก่อนหน้านี้ โกลด์แมนคาดว่าราคาทองจะอยู่ที่ 3,080 ดอลลาร์ภายในสิ้นปีหน้า โดยคาดว่า มีความต้องการของธนาคารกลางเนื่องจากความวิตกต่อมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของสหรัฐ และผลกระทบต่อหนี้ของสหรัฐที่จะดันราคาทองพุ่งขึ้น 9%
การคาดการณ์ที่ยังคงเป็นเชิงบวกของโกลด์แมน แซคส์ยังรวมถึงบทบาทของนักเก็งกำไรที่เข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.นี้
แม้ยอมรับความเสี่ยงด้านราคาที่อาจปรับตัวลงเนื่องจากการลดลงของสถานะเก็งกำไรหลังการเลือกตั้ง แต่โกลด์แมน แซคส์ก็ตอกย้ำมูลค่าในการประกันความเสี่ยงที่สำคัญในสถานะซื้อทองท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้า และความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น
โกลด์แมนได้ปรับลดคาดการณ์ราคาเฉลี่ยในปีนี้ลงสู่ระดับ 2,906 ดอลลาร์ จาก 2,973 ดอลลาร์--จบ--
Eikon source text
กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ และปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาในช่วงนี้ช่วยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนก็รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานออกมาในวันที่ 1 พ.ย. โดยนักลงทุนมองว่ารายงานการจ้างงานดังกล่าวอาจจะได้รับผลกระทบจากการผละงานประท้วงในบริษัทโบอิ้ง และจากพายุเฮอริเคน 2 ลูกที่พัดเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนยกเว้นอาวุธและเครื่องบิน หรือยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดแผนการลงทุนทางธุรกิจ พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.1% สำหรับเดือนก.ย. ทางด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นจาก 70.1 ในเดือนก.ย. สู่ 70.5 ในเดือนต.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 69.0 ในขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อช่วงหนึ่งปีข้างหน้าอยู่ที่ 2.7% ซึ่งเท่ากับระดับที่เคยคาดไว้ในเดือนก.ย. Eikon source text
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 104.32 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 104.05 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้น 0.82% จากสัปดาห์ที่แล้ว และถือเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 152.30 เยนในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ โดยปรับขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 151.82 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0793 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0827 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี
ดัชนี Nasdaq ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทขนาดยักษ์ ในขณะที่นักลงทุนรอดูผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทขนาดยักษ์บางแห่งในสัปดาห์หน้า ซึ่งรวมถึงบริษัทแอลฟาเบทที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมาในวันที่ 29 ต.ค., บริษัทไมโครซอฟท์กับบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ที่จะเปิดเผยผลประกอบการในวันที่ 30 ต.ค. และบริษัทแอปเปิลกับบริษัทอะเมซอนที่จะเปิดเผยผลประกอบการในวันที่ 31 ต.ค. โดยบริษัท 5 แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Magnificent Seven หรือกลุ่มบริษัทขนาดยักษ์ 7 แห่งของสหรัฐ ทางด้านหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 3.36% ในวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้น 22% ในวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา นอกจากนี้ หุ้นบริษัทขนาดยักษ์แห่งอื่น ๆ ก็ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยหุ้นอะเมซอนปิดบวกขึ้น 0.78% ในวันศุกร์, หุ้นแอปเปิลปิดปรับขึ้น 0.36% ในวันศุกร์, หุ้นไมโครซอฟท์ปิดบวกขึ้น 0.81% ในวันศุกร์ และหุ้นเอ็นวิเดียปิดปรับขึ้น 0.80% ในวันศุกร์ โดยเอ็นวิเดียสามารถทะยานขึ้นมาครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกแทนที่บริษัทแอปเปิลได้เป็นเวลาสั้น ๆ ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันศุกร์ด้วย ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงในวันศุกร์ตามหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งรวมถึงหุ้นธนาคารโกลด์แมน แซคส์ที่ดิ่งลง 2.27% ส่วนหุ้นบริษัทแมคโดนัลด์รูดลง 2.97% โดยได้รับแรงกดดันจากการระบาดของเชื้ออีโคไลที่มีความเกี่ยวข้องกับแฮมเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์ ทางด้านดัชนีหุ้น 11 กลุ่มใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดวันศุกร์ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่รูดลงมากที่สุดในวันศุกร์ Eikon source text
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 0.61% สู่ 42,114.40 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 2.68% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี S&P 500 ปิดขยับลง 0.03% สู่ 5,808.12 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการร่วงลง 0.96% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี Nasdaq ปิดบวกขึ้น 0.56% สู่ 18,518.61 ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการปรับขึ้น 0.16% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอนรายงานว่า การโจมตีของอิสราเอลในภาคใต้ของเลบานอนในวันศุกร์ส่งผลให้มีผู้สื่อข่าวเสียชีวิต 3 คน ส่วนสำนักงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศเตือนว่า การที่อิสราเอลดำเนินการโจมตีทางอากาศตรงจุดข้ามพรมแดนที่ติดกับซีเรียถือเป็นอุปสรรคขัดขวางผู้ลี้ภัยที่พยายามหนีภัยสงคราม ทั้งนี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะอยู่ที่ระดับ 70-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2025 ซึ่งเท่ากับตัวเลขคาดการณ์เดิม และโกลด์แมน แซคส์คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอาจจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผลกระทบจากอุปทานน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทางด้านธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2025 Eikon source text
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ทะยานขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 2.27% มาปิดตลาดที่ 71.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 3.7% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.25% มาปิดตลาดที่ 76.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 4% จากสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 11.99 ดอลลาร์ สู่ 2,747.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดที่ 2,758.37 ดอลลาร์ในวันพุธที่ 23 ต.ค. โดยราคาทองฟื้นตัวขึ้นในวันศุกร์หลังจากเผชิญกับแรงเทขายทำกำไรในช่วงที่ผ่านมา และราคาทองได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.ด้วย ทั้งนี้ ราคาทองพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 32% จากช่วงต้นปีนี้ ในขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และราคาทองได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในปีนี้จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.ด้วย Eikon source text
--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ชได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ขึ้นเป็น 0.75% หลังจากที่เฟดเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ยเมื่อวานนี้ด้วยการลดดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งมากกว่าปกติ ซึ่งนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดระบุว่ามีจุดประสงค์เพื่อแสดงพันธะสัญญาของผู้กำหนดนโยบายที่จะรักษาอัตราว่างงานที่ระดับต่ำไว้ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงแล้วในตอนนี้
บริษัทคาดว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในไตรมาส 4 เทียบกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย. และอีก 0.25% ในเดือนธ.ค.
บริษัทคาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 1.25% ในปีหน้าเพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยปลายทางลดลงสู่ระดับ 2.75-3.00% จากอัตราเป้าหมายปัจจุบันที่ 4.75-5.00%
ด้านโกลด์แมน แซคส์ยังคงคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย. และอีก 0.25% ในเดือนธ.ค. แต่ก็คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ติดต่อกันตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีนี้จนถึงเดือนมิ.ย.ปีหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยปลายทางลดลงสู่ระดับ 3.25-3.50% ภายในกลางปีหน้า
นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า "ความเร่งด่วนมากขึ้นที่เห็นจากการลดดอกเบี้ย 0.50% และการเร่งอัตราการลดดอกเบี้ยที่ผู้มีส่วนร่วมส่วนใหญ่คาดไว้สำหรับปีหน้าทำให้การลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นเวลานานขึ้นเป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดตามความเห็นของเรา"--จบ--
Eikon source text
โกลด์แมน แซคส์ และซิติกรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปีของจีนลงสู่ระดับ 4.7% ในปีนี้ หลังจากที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนส.ค.
ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 4.9% ขณะที่ซิติกรุ๊ปคาดการณ์ไว้ที่ 4.8%
โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า "เราเชื่อว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จีนจะพลาดเป้าหมายจีดีพีราว 5% ในปีนี้ และความเร่งด่วนที่ต้องออกมาตรการผ่อนคลายด้านอุปสงค์มากขึ้นนั้นก็กำลังมีมากขึ้นเช่นกัน" แต่โกลด์แมน แซคส์คงคาดการณ์จีดีพีในปีหน้าที่ 4.3%
แต่ซิติกรุ๊ปปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปีหน้าลงสู่ระดับ 4.2% จาก 4.5% ที่คาดไว้ก่อนหน้า เนื่องจากการขาดปัจจัยกระตุ้นสำคัญสำหรับอุปสงค์ในประเทศ "เราเชื่อว่า นโยบายการคลังจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเพื่อทำลายกับดักการรัดเข็มขัด และใช้มาตรการหนุนเศรษฐกิจในเวลาที่เหมาะสม"--จบ--
Eikon source text
กลุ่มผู้เข้าร่วมการประชุมปิโตรเลียมเอเชียแปซิฟิค (APPEC) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของจีนไปสู่การใช้เชื้อเพลิงที่มีคาร์บอนลดลง และเศรษฐกิจที่ซบเซาจะถ่วงความต้องการใช้น้ำมันในจีน
นายดาอัน สตูเวน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยน้ำมันของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันต่อปีของจีนชะลอตัวลงจากราว 500,000-600,000 บาร์เรลต่อวันในระยะ 5 ปีก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 สู่ระดับ 200,000 บาร์เรลต่อวันในขณะนี้ และสาเหตุหลักก็คือการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการใช้รถบรรทุกที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แทนน้ำมันดีเซล "จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนถ่ายพลังงานด้วยการผลักดันด้านอุปทาน ซึ่งกำลังจะทำให้พลังงานทางเลือกมีราคาถูกกว่า"
ในไตรมาส 2 ความต้องการใช้น้ำมันของจีนชะลอตัวอย่างมาก โดยถูกกดดันจากกำลังการผลิตของโรงกลั่นที่ลดลง และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
นายหง-ปิง เฉิน รองประธานบริษัทในสิงคโปร์ในเครือหรงเซิง ปิโตรเคมิกัลของจีนกล่าวว่า ขณะที่การบริโภคน้ำมันของจีนถูกกดดันจากความต้องการดีเซลที่ย่ำแย่ แต่การขยายตัวของอุปสงค์ในอนาคต 75-80% จะถูกขับเคลื่อนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ "ในฉากทัศน์ที่เป็นกลาง เราคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของจีนจะเพิ่มขึ้น 2.5-3% ในปีหน้า โดยมีการเจาะตลาดของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น"
แต่เทรดเดร์บางคนยังคงมองว่าภาวะตกต่ำของอุปสงค์น้ำมันโดยรวมของจีนเป็นเรื่องตามวัฏจักร โดยนายซาอัด ราฮิม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากทราฟิกูรา กล่าวว่า "เราคิดว่าอุปสงค์ที่ชะลอตัวในจีนเป็นเรื่องทางวัฏจักรมากกว่าโครงสร้าง แต่ก็ยังคงอยู่ในภาวะตกต่ำตามวัฏจักรในขณะนี้ เราจึงต้องเห็นภาวะตกต่ำนี้ฟื้นตัวและกลับมา"--จบ--
Eikon source text
บลูมเบิร์ก นิวส์รายงานว่า นายเดวิด โซโลมอน ซีอีโอโกลด์แมนกล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยแบบฉุกเฉิน แม้ข้อมูลการจ้างงานออกมาอ่อนแอก็ตาม
เขาระบุว่า การลดอัตราดอกเบี้ย 1 หรือ 2 ครั้งในฤดูใบไม้ร่วงนี้มีความเป็นไปได้
เขาคาดว่า จะมีความผันผวนมากขึ้นในระยะสั้น--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน