นักวิเคราะห์รอยเตอร์ชี้มีโอกาสที่ทองจะพุ่งขึ้นหลังดอลลาร์อ่อนค่า

• หยวนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่การอ่อนค่าของดอลลาร์หลังการเปิดเผยข้อมูลที่พบว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. ได้หักล้างข้อมูลการให้สินเชื่อใหม่ของจีนที่ลดลงมากเกินคาดในเดือนก.ค.

• ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.1415 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ และสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้อยู่ 0.0078 หยวน

• หยวนในตลาดสปอตอยู่ที่ 7.1450 ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด และปรับตัวขึ้น 0.0047 หยวนจากระดับปิดครั้งก่อน และต่ำกว่าค่ากลางอยู่ 0.11%

• ดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญๆเมื่อคืนนี้ ขณะที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐตอกย้ำการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

• หยวนแข็งค่าขึ้น แม้การให้สินเชื่อของธนาคารจีนร่วงลงมากเกินคาดในเดือนก.ค.สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี เนื่องจากความต้องการสินเชื่อย่ำแย่ และปัจจัยด้านฤดูกาล และการคาดการณ์มากขึ้นว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม--จบ--

Eikon source text

โตเกียว--14 ส.ค.--รอยเตอร์

• ดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงกดดันในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากดอลลาร์เพิ่งร่วงลงเมื่อวานนี้ โดยเป็นผลจากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่อยู่ต่ำเกินคาด และรายงานดังกล่าวช่วยกระตุ้นการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ โดยในตอนนี้เทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสราว 53.5% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้ก่อนการรายงานดัชนี PPI ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) ในกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันอังคารว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สำหรับอุปสงค์ขั้นสุดท้ายของสหรัฐขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.2% สำหรับเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PPI แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากราคาสินค้าที่ดีดขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน แต่ได้รับแรงกดดันจากราคาในภาคบริการที่ปรับลดลง 0.2% ในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2023 หรือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง หลังจากที่ราคาในภาคบริการเพิ่งพุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน

• ดอลลาร์/เยนอ่อนค่าลง 0.27% สู่ 146.43 เยนในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนยูโรขยับลง 0.01% สู่ 1.0991 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.1009 ดอลลาร์ในวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.01% สู่ 102.60 ในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้ ปอนด์ทรงตัวที่ 1.2862 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้น 0.76% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.22% สู่ 0.6620 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 0.66395 ดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.00% สู่ 0.6016 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากเพิ่งพุ่งขึ้นแตะ 0.6084 ดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. หรือจุดสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์

• ดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลงอย่างรุนแรง หลังจากธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย cash rate ลง 0.25% สู่ 5.25% ในวันนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 และผลการประชุมในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจต่อนักลงทุนบางราย เพราะก่อนหน้านี้มีนักเศรษฐศาสตร์เพียงแค่ราวครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่คาดว่า RBNZ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันนี้

• รายงานดัชนี PPI ของสหรัฐที่อยู่ในระดับต่ำเกินคาดช่วยหนุนตลาดหุ้นให้พุ่งขึ้น และส่งผลบวกต่อสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย (CBA) คาดว่า ดอลลาร์สหรัฐจะยังคงทรงตัวต่อไป ก่อนที่สหรัฐจะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาในช่วงต่อไปในวันนี้ แต่นักวิเคราะห์กลุ่มนี้คาดว่า ดอลลาร์จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงหลังการรายงานดัชนี CPI โดยแคโรล คอง นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของ CBA ระบุว่า "เราคาดว่านักลงทุนจะปรับเพิ่มการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของเฟดในปีนี้ ถ้าหากดัชนี CPI พื้นฐานปรับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือนหรือน้อยกว่านั้น แต่เราคาดว่านักลงทุนจะไม่ได้ให้ความสำคัญต่อดัชนี CPI พื้นฐานมากนัก ถ้าหากดัชนี CPI พื้นฐานปรับขึ้น 0.2% หรือ 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน"

• เยนแทบไม่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อข่าวที่ว่า นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นจะไม่ลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในเดือนก.ย. โดยเขาจะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนก.ย. หลังจากดำรงตำแหน่งมาได้นาน 3 ปี และเขาจะเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่แก้ไขปัญหาเรื่องภาวะเงินเฟ้อ--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

• ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารจีนปล่อยสินเชื่อใหม่ 2.60 แสนล้านหยวน(3.628 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 15 ปี เนื่องจากความต้องการสินเชื่อย่ำแย่ และปัจจัยด้านฤดูกาล และการคาดการณ์มากขึ้นว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม

• การให้สินเชื่อใหม่ร่วงลงเกือบ 88% จากเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการให้สินเชื่อ 2.13 ล้านล้านหยวน และเทียบกับการให้สินเชื่อใหม่ 3.459 แสนล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.50 แสนล้านหยวน โดยเดือนก.ค.มักจะเป็นช่วงเวลาที่มีการขยายสินเชื่อชะลอตัว และสินเชื่อใหม่มีมูลค่ารวม 13.53 ล้านล้านหยวนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้

• ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ (M2) เพิ่มขึ้น 6.3% ในเดือนก.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 6.1% และเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.2% ในเดือนมิ.ย.

• หนี้ค้างชำระสกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้น 8.7% ในเดือนก.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 8.8% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.8% ส่วนยอดระดมทุนทางสังคมทั้งหมดลดลงสู่ระดับ 7.70 แสนล้านหยวน เทียบกับที่คาดไว้ที่ 1.1 ล้านล้านหยวน และเทียบกับ 3.3 ล้านล้านหยวนในเดือนมิ.ย.--จบ--

Eikon source text

• หยวนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน และเทรดเดอร์รอดูข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ และข้อมูลเศรษฐกิจของจีนในสัปดาห์นี้

• ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.1479 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้อยู่ 0.0281 หยวน

• หยวนในตลาดสปอตอยู่ที่ 7.1780 ต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด และปรับตัวลง 0.0050 หยวนจากระดับปิดครั้งก่อน และต่ำกว่าค่ากลางอยู่ 0.44%

• หยวนแข็งค่า 0.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แล้วในเดือนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเยนที่พุ่งขึ้น ขณะที่การระบายสถานะขายเพิ่มมากขึ้นหลังการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และความอ่อนแอของดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจของสหรัฐ แต่หยวนยังคงอ่อนค่า 1.1% ในปีนี้ โดยถูกกดดันมาตั้งแต่ต้นปี 2023 เนื่องจากปัญหาภายในประเทศเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์, การอุปโภคบริโภคที่ซบเซา และตลาดหุ้นที่ผันผวน

• นักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ข้อมูลเงินเฟ้อเพื่อประเมินแนวทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจมีผลต่อหยวน/ดอลลาร์--จบ--

Eikon source text

ซิดนีย์--13 ส.ค.--รอยเตอร์

• ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย และยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายตัวในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธ และยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี โดยนักลงทุนจะพิจารณาตัวเลขดังกล่าวเพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทางด้านดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้นราว 2.5% ในช่วงเช้าวันนี้ และปัจจัยดังกล่าวช่วยชะลอการระบาย carry trade ออกมา ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า ดัชนี PPI ทั่วไปและดัชนี PPI พื้นฐานของสหรัฐอาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยนักลงทุนจับตามองดัชนี PPI เพราะว่าข้อมูลในรายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในการคำนวณดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้

• ดอลลาร์/เยนแข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 147.38 เยนในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 1.0934 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับขึ้น 0.03% สู่ 103.11 ในช่วงเช้าวันนี้ ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.04% สู่ 1.2773 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.07% สู่ 0.6591 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับขึ้น 0.16% สู่ 0.6027 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้

• นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และคาดว่ามีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนคาดการณ์กันอีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 1.00% ในปีนี้ และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงกว่า 1.20% ในปีหน้า อย่างไรก็ดี ตัวเลขดัชนี PPI, CPI และยอดค้าปลีกอาจจะส่งผลให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ได้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคารเจพีมอร์แกนระบุว่า "ถ้าหากสหรัฐรายงานดัชนี CPI และยอดค้าปลีกที่ระดับสูง ตัวเลขดังกล่าวก็จะส่งผลให้ตลาดแกว่งตัวผันผวนมาก และนักลงทุนในตลาดพันธบัตรก็จะรีบปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานดัชนี CPI และยอดค้าปลีกที่ระดับต่ำ ตัวเลขดังกล่าวก็จะช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะ stagflation (ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันแต่อัตราเงินเฟ้อสูง) แต่จะส่งผลให้นักลงทุนกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเราก็อาจจะเห็นนักลงทุนในตลาดพันธบัตรรีบปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% หรือมากกว่านั้นในเดือนก.ย."

• ถ้าหากสหรัฐรายงานดัชนี CPI และยอดค้าปลีกที่ระดับสูง ตัวเลขดังกล่าวก็มีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งสูงขึ้น และปัจจัยนี้จะช่วยหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นด้วย แต่ถ้าหากสหรัฐรายงานดัชนี CPI และยอดค้าปลีกที่ระดับต่ำ ปัจจัยดังกล่าวก็อาจจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็มีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนเยนกับฟรังก์สวิสให้แข็งค่าขึ้นด้วย เพราะสกุลเงินทั้งสองถือเป็นสกุลเงินปลอดภัย ทั้งนี้ เฟดสาขาแอตแลนตาประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเติบโต 2.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์เรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย

• นักวิเคราะห์ของธนาคาร ANZ ระบุว่า "มีการคาดการณ์กันว่า ดัชนี CPI เดือนก.ค.ของสหรัฐอาจปรับขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี และดัชนี CPI พื้นฐานของสหรัฐอาจปรับขึ้น 3.2% ในเดือนก.ค." และนักวิเคราะห์ระบุเสริมว่า "ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าที่จะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.00% ในเดือนก.ย.-ธ.ค.ปีนี้ โดยเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก หรืออัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วมาก"--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

นิวยอร์ค--13 ส.ค.--รอยเตอร์

• เยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันจันทร์ ในขณะที่บรรยากาศการซื้อขายในตลาดอยู่ในภาวะสงบ และนักลงทุนพยายามประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากน้อยเพียงใดในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันอังคาร และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และคาดว่ามีโอกาส 50% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. โดยนักลงทุนคาดการณ์กันอีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 1.00% ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดัชนี PPI และ CPI อาจจะส่งผลให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ได้

• ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 103.08 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยอ่อนค่าลงจาก 103.15 ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์

  ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 147.19 เยนในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันศุกร์ที่ 146.61 เยน โดยก่อนหน้านี้ดอลลาร์เพิ่งรูดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือนที่ 141.675 เยนในวันที่ 5 ส.ค. และเทียบกับจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปีที่ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. โดยดอลลาร์/เยนยังคงแข็งค่าขึ้นมาแล้วราว 4% จากช่วงต้นปีนี้

  ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0931 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ โดยปรับขึ้นจาก 1.0916 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.1009 ดอลลาร์ในวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.

• นายโจเซฟ เทรวิซานี นักวิเคราะห์ของ FXStreet.com กล่าวว่า "เรามุ่งความสนใจไปยังประเด็นที่ว่า เฟดจะมุ่งความสนใจไปในทิศทางใด โดยในตอนนี้เฟดมุ่งความสนใจไปยังตลาดแรงงาน แต่สิ่งนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปถ้าหากสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนี CPI หรืออัตราเงินเฟ้อที่ผิดไปจากที่คาดไว้ โดยเฉพาะถ้าหากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น"

• ดอลลาร์/เยนดิ่งลงราว 20 เยนในช่วงระหว่างวันที่ 3 ก.ค.ถึงวันที่ 5 ส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงตลาดโดยทางการญี่ปุ่นเพื่อหนุนค่าเงินเยน, จากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. และจากการที่นักลงทุนระบายการทำ carry trade ออกมา โดย carry trade คือการกู้ยืมสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำอย่างเช่นเยนและฟรังก์สวิส เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า อย่างเช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, สกุลเงินคริปโต หรือสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานในวันศุกร์ว่า กองทุนปรับลดการถือครองสถานะขายสุทธิในเยนในสัปดาห์ล่าสุด จนสถานะขายสุทธิเยนดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2023

• เจน โฟลีย์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารราโบแบงก์กล่าวว่า "เยนได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของอดีตเจ้าหน้าที่บีโอเจในช่วงเช้าวันจันทร์ที่พูดสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้บีโอเจไม่มีแนวโน้มที่จะเร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เนื่องจากความผันผวนในตลาดมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยเป็นผลจากการเลือกตั้งในสหรัฐ และแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่มีแนวโน้มที่จะทุ่มเงินกลับมาทำ carry trade อีก"--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;