ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
นิวยอร์ค--11 ต.ค.--รอยเตอร์
ดอลลาร์/เยนร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งรวมถึงตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงานสหรัฐ และราคาผู้บริโภคที่ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี CPI ทั่วไปแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.4% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021 หรือต่ำที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง หลังจากปรับขึ้น 2.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปอาจขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังรายงานอีกด้วยว่า ดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 3.3% ในเดือนก.ย. หลังจากปรับขึ้น 3.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายปี
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 102.89 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 102.88 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 103.17 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 148.56 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 149.29 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 149.58 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0935 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยขยับลงจาก 1.0939 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0898 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐพุ่งขึ้น 33,000 ราย สู่ 258,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 230,000 ราย โดยตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานได้รับแรงหนุนบางส่วนมาจากพายุเฮอริเคนเฮลีนและการพักงานในบริษัทโบอิ้ง ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 85.4% ที่เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. และมีโอกาส 14.6% ที่เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 6-7 พ.ย. โดยนักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันราว 0.46% ในช่วงต่อไปในปีนี้
ดอลลาร์/เยนร่วงลงในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นายเรียวโซ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวสนับสนุนให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ถ้าหากเศรษฐกิจญี่ปุ่นปรับตัวไปตามที่บีโอเจคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิสร่วงลง 0.45% สู่ 0.856 ฟรังก์สวิสในวันพฤหัสบดี
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลในวันพฤหัสบดีว่า เขายอมรับได้อย่างเต็มที่กับการที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนพ.ย. และเขากล่าวเสริมว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานที่แกว่งตัวผันผวนในระยะนี้อาจจะสนับสนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนพ.ย.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--10 ต.ค.--รอยเตอร์
ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในญี่ปุ่นและการที่นักลงทุนลดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ถือเป็นสองปัจจัยที่มีแนวโน้มว่าจะช่วยสนับสนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 18-19 ธ.ค.ปีนี้ หรือไม่ก็ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 23-24 ม.ค. 2025 ถึงแม้ว่ารัฐบาลชุดใหม่ของญี่ปุ่นอาจจะส่งผลให้บีโอเจเผชิญกับความยุ่งยากทางการเมืองในการปรับนโยบายการเงินก็ตาม ทั้งนี้ แหล่งข่าวและนักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจในช่วงนี้สนับสนุนให้บีโอเจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไป และสนับสนุนให้บีโอเจส่งสัญญาณแบบสายเหยี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วย ถึงแม้ว่านายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการบีโอเจเพิ่งหันมาส่งสัญญาณแบบสายพิราบเป็นอย่างมากในช่วงก่อนหน้านี้ และถึงแม้ว่านายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นเพิ่งแสดงความเห็นคัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปก็ตาม
บีโอเจจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งถัดไปในวันที่ 30-31 ต.ค. ในขณะที่แหล่งข่าว 3 รายระบุว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งนี้ และบีโอเจจะยังคงคาดการณ์ตามเดิมว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะทรงตัวอยู่ที่ระดับราว 2% ซึ่งตรงกับระดับเป้าหมายของบีโอเจ จนถึงสิ้นเดือนมี.ค. 2027 ทั้งนี้ นายโนบุยาสุ อาตาโกะ อดีตเจ้าหน้าที่บีโอเจกล่าวว่า บีโอเจไม่มีแนวโน้มที่จะรอจนถึงเดือนมี.ค. 2025 ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และเขากล่าวเสริมว่า "ความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจสหรัฐระยะนี้ ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่ลดน้อยลงที่เศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำลงอย่างรุนแรง ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และถ้าหากมองจากมุมดังกล่าวแล้ว ก็มีโอกาสมากยิ่งขึ้นที่บีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้" นอกจากนี้ เขายังระบุอีกด้วยว่า "ผมไม่คิดว่ารัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอิชิบะจะคัดค้านความพยายามของบีโอเจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"
นายคาสุโอะ อุเอดะกล่าวว่า เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อในส่วนของต้นทุนการนำเข้าปรับลดลง ดังนั้นบีโอเจจึงสามารถใช้เวลาในการสำรวจปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงตลาดที่ไม่มีเสถียรภาพ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในสหรัฐ และนำปัจจัยเหล่านี้มาใช้ในการพิจารณาว่า บีโอเจควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปเมื่อใด อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวกล่าวว่า สิ่งนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องบ่งชี้ว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมต่อไปเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เงื่อนไขต่าง ๆ เอื้ออำนวยให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ แหล่งข่าวรายหนึ่งยังกล่าวอีกด้วยว่า ถ้อยแถลงของนายอุเอดะสะท้อนให้เห็นว่า "บีโอเจพยายามที่จะให้อิสระแก่ตนเองมากยิ่งขึ้นในเรื่องกำหนดเวลาในการปรับนโยบายการเงิน" ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายหลายคนของบีโอเจคาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นปานกลาง ในขณะที่ค่าแรงปรับสูงขึ้น และปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนการบริโภค พร้อมทั้งช่วยหนุนให้ราคาปรับขึ้นในวงกว้างต่อไป โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อไป
แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าวว่า "เป็นเรื่องจริงที่ว่าบีโอเจไม่มีความรีบร้อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" เพราะแทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นจะพุ่งสูงขึ้น "แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า บีโอเจจะเลื่อนเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปโดยไม่จำเป็น" ทั้งนี้ บีโอเจได้ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่เคยใช้มานาน 8 ปีในเดือนมี.ค.ปีนี้ และบีโอเจได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ 0.25% ในเดือนก.ค. โดยบีโอเจมีเหตุผลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในอนาคตด้วย หากพิจารณาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งรวมถึงจากตัวเลขเงินเดือนพื้นฐานของญี่ปุ่นที่เพิ่งพุ่งขึ้น 3.0% ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 32 ปี โดยเงินเดือนพื้นฐานได้รับแรงหนุนจากการเจรจาต่อรองค่าแรงระหว่างฝ่ายแรงงานกับฝ่ายผู้บริหารในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ นอกจากนี้ รายงานของบีโอเจก็ระบุว่า มีแนวโน้มสูงยิ่งขึ้นที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรงอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นให้บริษัทในภาคบริการจำนวนมากยิ่งขึ้นตัดสินใจปรับขึ้นค่าบริการ และสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในวงกว้าง
บีโอเจจะเปิดเผยรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสหลังการประชุมวันที่ 30-31 ต.ค. และรายงานดังกล่าวจะสะท้อนให้เห็นว่า บีโอเจยังคงมีความกังวลมากเพียงใดต่อตลาดการเงินและต่อปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศ นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีความสำคัญต่อกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบีโอเจ ก็คือผลการเลือกตั้งทั่วไปในญี่ปุ่นในวันที่ 27 ต.ค. โดยนักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ถ้าหากนายกรัฐมนตรีอิชิบะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ด้วยคะแนนเสียงที่แข็งแกร่ง เขาก็จะมีอำนาจควบคุมพรรคการเมืองของเขาเองมากยิ่งขึ้น และปัจจัยดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสให้บีโอเจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีนี้หรือในเดือนม.ค.ปี 2025 ทั้งนี้ ความผันผวนในตลาดการเงินดูเหมือนจะปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยดังกล่าวอาจจะช่วยเพิ่มโอกาสให้บีโอเจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน โดยดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยดิ่งลงแตะ 31,156.12 ในวันที่ 5 ส.ค. แต่ดัชนีได้พุ่งขึ้น 26.40% จากระดับดังกล่าว สู่ 39,380.89 ในวันนี้ ทางด้านดอลลาร์/เยนเคลื่อนตัวอย่างมีเสถียรภาพอยู่ใกล้ 149 เยนในช่วงนี้ หลังจากดอลลาร์/เยนเคยพุ่งขึ้นแตะ 161.96 เยนในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบเกือบ 38 ปี ก่อนจะดิ่งลงแตะ 139.58 เยนในวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
หยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่การดำเนินการล่าสุดของธนาคารกลางจีนเพื่อพยุงตลาดหุ้นนั้น หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน และช่วยหักล้างการแข็งค่าของดอลลาร์
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จะเริ่มรับใบสมัครจากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อเข้าร่วมโครงการเงินทุนที่ก่อตั้งใหม่ ซึ่งจะมีมูลค่า 5.00 แสนล้านหยวนในเบื้องต้น เพื่อช่วยหนุนตลาดหุ้น และการประกาศดังกล่าวออกมาก่อนการแถลงข่าวของกระทรวงการคลังในวันเสาร์นี้เพื่อแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนมาตรการกระตุ้นทางการคลัง
ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.0742 ต่อดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่รอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 7.0734 ต่อดอลลาร์อยู่ 0.0008 หยวน
หยวนในตลาดสปอตปิดเที่ยงวันเพิ่มขึ้น 0.22% มาที่ 7.0642 ต่อดอลลาร์
นายฉาง เหว่ย เหลียง นักกลยุทธ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนและสินเชื่อจากดีบีเอสกล่าวว่า "เราคาดว่า การแข็งค่าของหยวนจากมาตรการกระตุ้นเชิงนโยบายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อดูจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง และความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับการค้าต่างประเทศ และภาษีนำเข้า" และเขายังตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมาระหว่างความคาดหวังและความผิดหวังต่อมาตรการหนุนทางการคลังของจีน--จบ--
Eikon source text
หยวนแข็งค่ามาที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 16 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันนี้จากการคาดการณ์ว่า จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% แต่หยวนถูกสกัดการแข็งค่าจากคำสั่งซื้อดอลลาร์ของธนาคารของรัฐบาลจีน
ธนาคารกลางจีนมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงในวันนี้ ซึ่งสวนทางกับที่คาดไว้ แต่ผู้สังเกตการณ์ตลาดเชื่อว่า จะมีการออกมาตรการหนุนเพิ่มเติมในไม่ช้านี้เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ขณะที่การลดดอกเบี้ยของเฟดก็ทำให้จีนมีช่องว่างที่จะผ่อนคลายนโยบายลงโดยที่ไม่กระทบค่าเงินหยวน
ก่อนตลาดเปิดทำการ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางหยวนที่ 7.0644 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 16 เดือน
หยวนในตลาดสปอตแข็งค่าสูงสุดที่ 7.0420 ต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.ปีที่แล้ว และจะแข็งค่า 6 วันติดต่อกัน
หยวนแข็งค่าราว 3% แล้วนับตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. ซึ่งลดช่วงติดลบที่ทำไว้ในช่วงครึ่งปีแรกจนหมด ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงจากการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด--จบ--
Eikon source text
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นเร่งตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนส.ค. และสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่า จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสด เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปีในเดือนส.ค. ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดไว้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค.
ส่วนดัชนี CPI ที่ไม่รวมทั้งหมวดอาหารสดและพลังงาน และบีโอเจจับตาเพราะเป็นมาตรการวัดเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ได้ดีกว่า เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายปีในเดือนส.ค. เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนก.ค.
นายมาร์เซล ธีเลียนท์ หัวหน้าประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคจากแคปิตอล อีโคโนมิคส์กล่าวว่า "ขณะที่เยนแข็งค่ามากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็คิดว่า จะใช้เวลาครึ่งปีเป็นอย่างต่ำที่ต้นทุนการผลิตที่ลดลงจะส่งผลไปยังราคาผู้บริโภค ดังนั้น เงินเฟ้อพื้นฐานก็น่าจะยังคงอยู่ที่ราว 2% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าต่อไป ซึ่งจะกระตุ้นให้บีโอเจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในเดือนหน้า"--จบ--
Eikon source text
นิวยอร์ค--20 ก.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลงในวันพฤหัสบดี หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ในขณะที่นักลงทุนปรับตัวรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และปรับตัวรับการที่เฟดหันมาใช้จุดยืนในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. โดยให้เหตุผลว่าเฟดมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในช่วงปลายปีนี้, จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1% ในปี 2025 สู่ 3.25-3.50% ในช่วงปลายปี 2025 และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในปี 2026 สู่ 2.75-3.00% ในช่วงปลายปี 2026 ซึ่งจะถือเป็นจุดต่ำสุดของวัฏจักร
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 100.67 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 101.02 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 100.21 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 142.62 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 142.27 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.1161 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยปรับขึ้นจาก 1.1118 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ
ดอลลาร์/เยนแข็งค่าขึ้นในวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันศุกร์ ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้น 0.18% สู่ 0.8477 ฟรังก์สวิสในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี แต่ดอลลาร์สหรัฐปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ โดยดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.75% สู่ 0.6815 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากทะยานขึ้นแตะ 0.6839 ดอลลาร์สหรัฐในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2023 ในขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ระบุว่า ยอดการจ้างงานสุทธิในออสเตรเลียพุ่งขึ้น 47,500 ตำแหน่งในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ +25,000 ตำแหน่ง และถือเป็นการพุ่งขึ้นสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.55% สู่ 0.6242 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากนิวซีแลนด์รายงานในวันพฤหัสบดีว่า เศรษฐกิจหดตัวลง 0.2% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากขยายตัว 0.1% ในไตรมาสแรก แต่ตัวเลขนี้อยู่ในระดับที่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เพราะนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจนิวซีแลนด์อาจหดตัวลง 0.4% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบรายไตรมาส
นายโจเซฟ เทรวิซานี นักวิเคราะห์ของบริษัทเอฟเอ็กซ์สตรีทกล่าวว่า "ผมคิดว่าสิ่งที่เฟดทำในวันพุธคือการเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางแห่งอื่น ๆ ทั่วโลกดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป" ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 56.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. และคาดว่ามีโอกาส 43.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 6-7 พ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 0.72% ในช่วงต่อไปในปี 2024 และอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกัน 1.92% นับตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนก.ย. 2025
ปอนด์ปรับขึ้นจาก 1.3214 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงท้ายวันพุธ สู่ 1.3286 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.3314 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00% ตามเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายในวันพฤหัสบดีด้วยคะแนนโหวต 8 ต่อ 1--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
19 ก.ย.--รอยเตอร์
รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ 10 ราย และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันนี้ โดยผลสำรวจระบุว่า นักลงทุนปรับเพิ่มการถือครองสถานะซื้อสุทธิในบาท/ดอลลาร์สหรัฐขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ย. จนสถานะซื้อบาททะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 20 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในไทย และจากการเมืองในไทยที่เข้าสู่เสถียรภาพ ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อแนวโน้มของสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ ยกเว้นสกุลเงินรูปีของอินเดีย ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไปในอนาคต และปัจจัยดังกล่าวส่งผลลบต่อดอลลาร์สหรัฐ และช่วยให้สินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ได้ปรับลดการคาดการณ์ในทางบวกต่อหยวนของจีน, วอนของเกาหลีใต้, ดอลลาร์สิงคโปร์, ดอลลาร์ไต้หวัน และริงกิตของมาเลเซียลงมาบ้างในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด
บาทถือเป็นสกุลเงินเอเชียที่นักลงทุนถือครองสถานะซื้อสุทธิมากที่สุดในช่วงนี้ ส่วนริงกิตของมาเลเซียครองอันดับสอง โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ตอบแบบสำรวจนี้ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 4.75-5.00% ในการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 ก.ย. และก่อนที่ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) จะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 6.00% ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2021 หรือครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ทั้งนี้ การคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ และส่งผลให้ตลาดเกิดใหม่มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น โดยสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่เพิ่งฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า "เราไม่ตัดโอกาสในการที่ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงไปอีกในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า และเราคาดว่าดอลลาร์สหรัฐ/สกุลเงินเอเชียจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันในทางลบต่อไป" นอกจากนี้ นักวิเคราะห์กลุ่มนี้ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า สกุลเงินเอเชียจะยังคงแข็งค่าขึ้นต่อไปในไตรมาส 4 แต่สกุลเงินเอเชียจะอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2025
นายเรียวตะ อาเบะ นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทสุมิโตโม่ มิตซุย แบงกิง คอร์ประบุว่า นักลงทุนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงสิ้นปีนี้ในระดับที่ต่ำเกินไป และปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลให้สกุลเงินเอเชียปรับฐานในอนาคต ทั้งนี้ สถานะซื้อสุทธิในเปโซของฟิลิปปินส์พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 4 ปีในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด
นักลงทุนถือครองสถานะซื้อสุทธิในรูเปียห์ของอินโดนีเซียในโพลล์ 4 ครั้งล่าสุดติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2023 ในขณะที่รูเปียห์แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของอินโดนีเซีย และจากเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ ทั้งนี้ รูเปียห์พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 6% นับตั้งแต่เดือนก.ค. และมีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นต่อไป หลังจากธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อวานนี้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นักลงทุนยังคงถือครองสถานะขายสุทธิในรูปีของอินเดีย แต่ปรับลดสถานะขายสุทธิในรูปีลงมาแล้วราว 50% นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ในขณะที่รูปีฟื้นตัวขึ้นในช่วงนี้ หลังจากรูปีเคยเผชิญกับแรงเทขายในช่วงที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการที่นักลงทุนระบายการทำ carry trade โดยใช้เงินเยน
ผลสำรวจของรอยเตอร์ฉบับนี้มุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นสถานะการลงทุนในปัจจุบันในสกุลเงิน 9 สกุลในบรรดาประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดยสกุลเงิน 9 สกุลนี้ประกอบด้วยสกุลเงินบาทของไทย, หยวนของจีน, วอนของเกาหลีใต้, ดอลลาร์สิงคโปร์, รูเปียห์, ดอลลาร์ไต้หวัน, รูปี, เปโซ และริงกิตของมาเลเซีย
ผลสำรวจดังกล่าวประเมินสถานะซื้อ (long position) หรือสถานะขาย
(short position) สุทธิในสกุลเงินในช่วงระดับ -3 ถึง +3 โดยคะแนน +3 บ่งชี้ว่า ตลาดมีสถานะซื้อดอลลาร์สหรัฐอย่างมาก
ข้อมูลในผลสำรวจนี้รวมสถานะสัญญาล่วงหน้าที่ไม่มีการส่งมอบ (NDF) ด้วย
ผลการสำรวจ (สถานะในรูปสกุลดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินแต่ละสกุล)
มีรายละเอียดดังนี้:-
หยวน วอน *SGD รูเปียห์ **TWD รูปี ริงกิต เปโซ บาท
DATE | CNY | KRW | SGD | IDR | TWD | INR | MYR | PHP | THB |
19-Sep-24 | -0.67 | -0.9 | -1.12 | -1.18 | -0.66 | 0.33 | -1.3 | -1.1 | -1.33 |
05-Sep-24 | -0.85 | -1.09 | -1.26 | -1.05 | -0.77 | 0.21 | -1.46 | -1.00 | -1.22 |
22-Aug-24 | -0.62 | -0.93 | -1.08 | -1.26 | -0.70 | 0.21 | -1.57 | -1.03 | -1.16 |
08-Aug-24 | -0.02 | 0.05 | -0.61 | -0.02 | 0.59 | 0.60 | -0.78 | -0.29 | -0.57 |
25-Jul-24 | 1.07 | 0.79 | -0.33 | 0.35 | 0.86 | 0.12 | 0.39 | 0.43 | 0.02 |
11-Jul-24 | 1.05 | 0.87 | 0.06 | 0.73 | 0.68 | 0.22 | 1.03 | 0.86 | 0.51 |
27-Jun-24 | 1.34 | 1.28 | 0.80 | 1.49 | 0.88 | 0.46 | 1.00 | 1.37 | 0.91 |
13-Jun-24 | 0.95 | 0.87 | 0.62 | 1.22 | 0.64 | 0.37 | 1.00 | 1.23 | 0.92 |
30-May-24 | 1.05 | 0.72 | 0.33 | 0.94 | 0.53 | 0 | 0.81 | 1.19 | 1.00 |
16-May-24 | 1.05 | 0.96 | 0.35 | 0.96 | 1.02 | 0.39 | 1.23 | 1.29 | 1.00 |
*SGD = ดอลลาร์สิงคโปร์
**TWD = ดอลลาร์ไต้หวัน
--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน