ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
โตเกียว--29 พ.ย.--รอยเตอร์
เยนพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของกรุงโตเกียว ซึ่งเป็นดัชนีที่ไม่รวมราคาอาหารสด พุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในตลาดที่ +2.1% และเร่งตัวขึ้นจาก +1.8% ในเดือนต.ค. โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของกรุงโตเกียวอยู่สูงกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตั้งไว้ที่ 2% และบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อขยายวงกว้างยิ่งขึ้น โดยปัจจัยนี้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่า บีโอเจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 40% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 60% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน
ดอลลาร์/เยนดิ่งลง 0.81% สู่ 150.31 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 149.83 เยนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. หรือจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์ ส่วนยูโร/ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ 1.0567 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0333 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2022 หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอ่อนค่าลง 0.16% สู่ 105.92 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลงแตะ 105.84 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และออกห่างจากจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่เคยทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 1.2707 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 1.2712 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.21% สู่ 0.6513 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับขึ้น 0.21% สู่ 0.5901 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ยูโรปรับขึ้นในวันนี้ หลังจากอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากปัญหาขัดแย้งด้านงบประมาณในฝรั่งเศส และจากถ้อยแถลงแบบสายพิราบของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยนายฟรองซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาโย ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า อีซีบีควรจะเปิดทางเลือกสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในเดือนธ.ค. และเขากล่าวเสริมว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะร่วงลงสู่ระดับที่สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรัฐบาลผสมของฝรั่งเศสที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และกำลังประสบปัญหาในการผ่านงบประมาณในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์ของฝรั่งเศสอาจจะล่มลงในสัปดาห์หน้า ถ้าหากนักการเมืองฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายผลักดันญัตติไม่ไว้วางใจ
ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 2% จากเดือนต.ค. หลังจากดัชนีดอลลาร์เพิ่งทะยานขึ้นกว่า 3% ในเดือนต.ค. โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ที่ว่า นโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนโยบายการใช้จ่ายขนาดใหญ่, นโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า และนโยบายคุมเข้มพรมแดน อย่างไรก็ดี ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลงราว 1.5% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรูดลงในช่วงนี้
เยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นราว 3% จากสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เยนได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเรื่องมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของนายทรัมป์ และเยนก็ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของบีโอเจด้วย อย่างไรก็ดี นายโชกิ โอโมริ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบล.มิสุโฮคาดว่า บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในเดือนธ.ค. โดยเขากล่าวว่า "การบริโภคที่แท้จริงในภาคบริการ ซึ่งครองน้ำหนักมากในดัชนีราคาผู้บริโภคที่กรุงโตเกียว กำลังปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผมมองว่าปัจจัยนี้ยังไม่มากพอที่จะส่งผลให้บีโอเจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าไม่คงทนปรับลดลง" และเขากล่าวเสริมว่า "เราสามารถสรุปได้ว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นมุ่งความสนใจไปยัง 'การเอาชนะภาวะเงินฝืด' และเตรียมที่จะจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.จึงยังคงเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ต่ำ" นอกจากนี้ นายโอโมริยังกล่าวอีกด้วยว่า หากมองจากปัจจัยทางเทคนิคแล้ว ดอลลาร์/เยนก็อยู่ในระดับที่มี "คำสั่งขายเข้ามามากเกินไป" และดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะดีดขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 152 เยนได้ก่อนสิ้นปีนี้--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
29 พ.ย.--รอยเตอร์
ตลาดเงินนิวยอร์คปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ในขณะที่ยูโร/ดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงการซื้อขายที่ตลาดอื่น ๆ ในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ยูโรเพิ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่เทรดเดอร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ทั้งนี้ สำนักงานสถิติของรัฐบาลกลางเยอรมนีรายงานในวันพฤหัสบดีว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีทรงตัวที่ 2.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเท่ากับระดับ 2.4% ในเดือนต.ค. และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 2.6% ในขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่จะได้รับการรายงานออกมาในวันศุกร์ โดยในตอนนี้นักลงทุนในตลาดเงินคาดว่า มีโอกาส 100% เต็มที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค. และมีโอกาสเพียง 13% ที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับราว 50% ในวันศุกร์ที่แล้ว
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.09 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 106.07 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 105.85 ในวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่ทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 151.54 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 151.10 เยน และเทียบกับระดับ 150.44 เยนที่ทำไว้ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบราว 5 สัปดาห์
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0553 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยอ่อนค่าลงจาก 1.0564 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยยูโรมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
นายคาร์สเตน เบรสกี จากบริษัท ING กล่าวว่า "ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคในยูโรโซนที่ได้รับการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดี น่าจะช่วยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่สายเหยี่ยวในอีซีบีคัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในเดือนธ.ค." ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรัฐบาลผสมของฝรั่งเศสที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และกำลังประสบปัญหาในการผ่านงบประมาณในช่วงนี้ด้วย ในขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์เนียร์ของฝรั่งเศสอาจจะล่มลงในสัปดาห์หน้า ถ้าหากนักการเมืองฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายผลักดันญัตติไม่ไว้วางใจ
เยนพุ่งขึ้นมาแล้ว 2.1% ในสัปดาห์นี้ และอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 เดือน ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 40% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 60% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ นายไมเคิล บราวน์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทเพพเพอร์สโตนกล่าวว่า "ผมคาดว่าดัชนีดอลลาร์จะดีดขึ้นในช่วงต่อไปในเดือนธ.ค." และเขากล่าวเสริมว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ ในขณะที่ยูโรโซนประสบปัญหามากมายหลายอย่าง และก็มีความกังวลเรื่องงบประมาณฝรั่งเศสในช่วงนี้ด้วย" นอกจากนี้ เขายังระบุอีกด้วยว่า การที่ดัชนีดอลลาร์ร่วงผ่านระดับ 106 ลงไปในวันพุธดูเหมือนว่าเป็น "สิ่งที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน"
รูเบิลของรัสเซียพุ่งขึ้น 4.55% สู่ 108.00 รูเบิลต่อดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี จาก 113.15 รูเบิลต่อดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากรูเบิลเคยดิ่งลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นมา โดยรูเบิลดิ่งลงราว 33% จากระดับ 86.15 รูเบิลต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนก.ค. สู่ 114.50 รูเบิลต่อดอลลาร์ในวันที่ 27 พ.ย. ทั้งนี้ รูเบิลได้รับแรงหนุนในช่วงนี้ หลังจากธนาคารกลางรัสเซียประกาศว่า ทางธนาคารกลางจะยุติการซื้อสกุลเงินต่างชาติจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อหนุนค่าเงินรูเบิล--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
สิงคโปร์--28 พ.ย.--รอยเตอร์
ยูโรขยับลงในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากพุ่งขึ้น 0.74% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากอิซาเบล ชนาเบล สมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความเห็นแบบสายเหยี่ยวเมื่อวานนี้ โดยเธอกล่าวต่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า อีซีบีควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับที่เป็นกลาง แทนที่จะปรับลดลงสู่ระดับที่ผ่อนคลาย โดยถ้อยแถลงของเธอส่งผลให้นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบี ทั้งนี้ ยูโรเผชิญกับแนวต้านที่ระดับราว 1.06 ดอลลาร์ในช่วงนี้ และยูโรอาจจะพุ่งขึ้นทดสอบระดับดังกล่าว ถ้าหากเยอรมนีรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดในช่วงต่อไปในวันนี้
ดอลลาร์/เยนแข็งค่าขึ้น 0.26% สู่ 151.49 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 150.44 เยนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบราว 5 สัปดาห์ ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับลง 0.09% สู่ 1.0554 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับขึ้น 0.10% สู่ 106.18 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 105.85 ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. และเทียบกับจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ที่ทำไว้ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับลง 0.07% สู่ 1.2667 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 0.89% ในวันพุธ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลง 0.04% สู่ 0.6495 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากแข็งค่าขึ้น 0.36% ในวันพุธ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.05% สู่ 0.5892 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้น 1.04% ในวันพุธ
เยนมีแนวโน้มว่าอาจจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้นรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยเยนได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 44% ที่บีโอเจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. และมีโอกาส 56% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับขึ้นจากระดับราว 50% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนเพิ่งดิ่งลงผ่านค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ 151.99 เยนในวันพุธ และรูดลง 1.31% ในวันพุธ ส่วนยูโร/เยนแข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 159.91 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากร่วงลง 0.58% เมื่อวานนี้ โดยยูโรได้ดิ่งลงแตะ 159.09 เยนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.เป็นต้นมา
เจน โฟลีย์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารราโบแบงก์ระบุว่า "ดอลลาร์/เยนได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเกินคาดในญี่ปุ่น และจากความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในเดือนธ.ค." นอกจากนี้ ดอลลาร์ก็ร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลด้วย ในขณะที่ภาคเอกชนลดความต้องการซื้อดอลลาร์ลง หลังจากภาคเอกชนได้เข้าซื้อดอลลาร์สำหรับใช้ในช่วงสิ้นเดือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ในสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดิ่งลงจาก 4.302% ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 4.242% ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ (BEA) ในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี PCE แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยธนาคารกลางสหรัฐมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ
เรียลของบราซิลดิ่งลงกว่า 2% สู่สถิติต่ำสุดใหม่ที่ 5.9389 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลบราซิลประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 0.385% โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า มาตรการปรับลดภาษีเงินได้ของบราซิลจะส่งผลกระทบต่องบประมาณของบราซิล--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--27 พ.ย.--รอยเตอร์
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน โดยเขาอ้างว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาผิดกฎหมายและการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย และเขายังระบุอีกด้วยว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มแข็งมากพอในการสกัดกั้นยาผิดกฎหมายที่เข้าสู่สหรัฐโดยผ่านทางเม็กซิโก โดยนายทรัมป์ระบุว่า "จนกว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดลง เราก็จะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากจีน โดยไม่รวมกับภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอื่น ๆ โดยจะเก็บจากสินค้าหลายอย่างของจีนที่เข้าสู่สหรัฐอเมริกา" ทั้งนี้ ประกาศของนายทรัมป์ส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดา, เปโซเม็กซิโก และหยวนของจีนร่วงลง แต่ประกาศดังกล่าวช่วยหนุนเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย โดยดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโกพุ่งขึ้น 1.71% สู่ 20.626 เปโซในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นกว่า 2.5% ในระหว่างวัน จนแตะระดับ 20.835 เปโซได้ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2022 หรือจุดสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยสามารถทำลายจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 20.8038 เปโซในวันที่ 6 พ.ย. ทางด้านคลอเดีย ไชน์บอม ประธานาธิบดีเม็กซิโกประกาศเตือนในวันอังคารเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เม็กซิโกและสหรัฐจะได้รับจากภาษีนำเข้า และเธอส่งสัญญาณว่าเม็กซิโกอาจจะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.90 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยขยับขึ้นจาก 106.86 ในช่วงท้ายตลาดวันจันทร์ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 2 ปีที่ 108.09 ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย.
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 153.10 เยนในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร โดยดิ่งลงจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ที่ 154.21 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0486 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร โดยขยับลงจาก 1.0494 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันจันทร์ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0333 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2022
ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้น 0.49% สู่ 1.4055 ดอลลาร์แคนาดาในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1.5% จนแตะระดับ 1.4178 ดอลลาร์แคนาดาในระหว่างช่วงการซื้อขายวันอังคาร ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 หรือจุดสูงสุดรอบ 4 ปีครึ่ง ทางด้านดอลลาร์สหรัฐ/หยวนแข็งค่าขึ้น 0.16% สู่ 7.2563 หยวนในช่วงท้ายวันอังคาร หลังจากทะยานขึ้นแตะ 7.2726 หยวนในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. ทั้งนี้ เจน โฟลีย์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารราโบแบงก์กล่าวว่า "ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้คือตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นว่า ตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนมากยิ่งขึ้นในยุคของทรัมป์ เพราะว่านายทรัมป์สามารถแสดงความคิดเห็นแบบนี้ได้นอกเวลาทำการของตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่จะสร้างความประหลาดใจต่อคนหลายคน และส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากพยายายามปรับตัวรับความเห็นดังกล่าว"
นายฮวน เปเรซ ผู้อำนวยการฝ่ายเทรดดิงของบริษัทโมเน็กซ์ ยูเอสเอระบุว่า ข่าวเรื่องภาษีศุลกากรของนายทรัมป์ช่วยหนุนเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเขากล่าวเสริมว่า "ภาวะปั่นป่วนวุ่นวายใด ๆ ก็ตามในจีนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลดีต่อญี่ปุ่นเสมอไป แต่ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นสามารถก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งผู้นำของเอเชียได้อีกครั้ง" ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูผลการประเมินครั้งที่สองสำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสสามของสหรัฐ ซึ่งจะได้รับการรายงานออกมาในวันพุธนี้ และรอดูดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนต.ค.ที่รัฐบาลสหรัฐจะรายงานออกมาในวันพุธนี้ด้วย โดยธนาคารกลางสหรัฐมักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ และนักลงทุนก็คาดว่าดัชนี PCE อาจปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และอาจปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี โดยรายงานตัวเลขดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อการประชุมกำหนดนโยบายของเฟดในวันที่ 17-18 ธ.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 6-7 พ.ย.ในวันอังคาร โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ 4.50%-4.75% ในการประชุมครั้งนั้น โดยรายงานการประชุมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า สิ่งที่เหมาะสมคือการปรับลดความเข้มงวดทางนโยบายลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ รายงานการประชุมระบุว่า "ผู้เข้าร่วมการประชุมตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินไม่ได้มีการกำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้า และการตัดสินใจดังกล่าวขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และผลกระทบที่จะมีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ...ผู้เข้าร่วมการประชุมย้ำว่า สิ่งที่สำคัญสำหรับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ก็คือการสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ เมื่อ FOMC ปรับจุดยืนของนโยบาย"--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--22 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 13 เดือนในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาตัวเลขการจ้างงานและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อใช้ในการประเมินแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐร่วงลง 6,000 ราย สู่ 213,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หรือจุดต่ำสุดรอบ 7 เดือน และอยู่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 220,000 ราย โดยรายงานนี้บ่งชี้ว่า การจ้างงานดีดขึ้นหลังจากที่เคยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนและจากการผละงานประท้วงในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดี รายงานฉบับนี้บ่งชี้ว่า ผู้ว่างงานอาจจะใช้เวลานานยิ่งขึ้นในการหางานทำใหม่ เพราะว่าตัวเลขคนว่างงานทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี และปัจจัยนี้อาจจะช่วยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. โดยกระทรวงแรงงานระบุว่า ยอดผู้ได้รับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องพุ่งขึ้น 36,000 ราย สู่ 1.908 ล้านรายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 พ.ย.
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 107.06 ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 107.15 ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2023 หรือจุดสูงสุดรอบ 13 เดือน
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 154.51 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยดิ่งลงจากระดับปิดตลาดวันพุธที่ 155.43 เยน
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0473 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี โดยร่วงลงจาก 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0461 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 13 เดือน
บิทคอยน์พุ่งขึ้น 3.83% สู่ 98,081 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพฤหัสบดี หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 99,057 ดอลลาร์ในระหว่างวัน โดยบิทคอยน์ทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 40% นับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า นายทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับสกุลเงินคริปโต นอกจากนี้ ยังมีข่าว่า นายแกรี เจนส์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยท้าทายอุตสาหกรรมสกุลเงินคริปโต จะลงจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้าด้วย
นายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปกล่าวว่า ผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ถ้าหากการค้าโลกมีการแบ่งขั้วกันมากยิ่งขึ้น โดยการแบ่งขั้วดังกล่าวจะส่งผลกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในทันที และผลกระทบดังกล่าวจะจางหายไปก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้วหลายปี ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ในตอนนี้ว่า มีโอกาส 57.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยโอกาสดังกล่าวปรับลดลงจากระดับ 72.2% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 42.4% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนก็คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.70% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์คกล่าวว่า เขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง และอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงต่อไป ส่วนนายทอม บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า สหรัฐมีความอ่อนไหวต่อเหตุร้ายแรงด้านเงินเฟ้อมากกว่าในอดีต ทางด้านนายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวย้ำว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป และเขาเปิดโอกาสสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเชื่องช้ากว่าเดิม--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
โตเกียว--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.7% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ รอยเตอร์ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในวันที่ 12-20 พ.ย. และได้เปิดเผยผลสำรวจออกมาในวันพุธ โดยผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 94 จาก 106 ราย หรือนักเศรษฐศาสตร์ 89% ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25%-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ที่เหลืออีก 12 รายคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 หากวัดจากค่ากลางของโพลล์ ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น
ดอลลาร์/เยนร่วงลง 0.30% สู่ 154.96 เยนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. และเทียบกับระดับ 161.96 เยนที่เคยทำไว้ในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หรือจุดสูงสุดในรอบ 38 ปี ส่วนยูโร/ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.06% สู่ 1.0549 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 1.0496 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2023 หรือจุดต่ำสุดรอบ 1 ปี ทางด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินขยับลง 0.06% สู่ 106.55 ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 1 ปีที่ 107.07 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. ทั้งนี้ ปอนด์ขยับขึ้น 0.07% สู่ 1.2656 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.14% สู่ 0.6515 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.03% สู่ 0.5879 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเช้าวันนี้
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 2% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการด้านภาษีศุลกากรของนายทรัมป์จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจจีนด้วย ทั้งนี้ นายแมทท์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดของบริษัทซิตี้ อินเด็กซ์ระบุว่า "เป็นเรื่องยากที่จะขายดอลลาร์สหรัฐในตอนนี้" ในขณะที่นักลงทุนพิจารณาความเป็นไปได้ที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า และเขากล่าวเสริมว่า "ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยนี้ก็ส่งผลลบต่อยูโร ในขณะที่ยูโรได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากแนวโน้มที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้า"
มีข่าวว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปในรัสเซียในวันอังคาร และยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "บริติช สตอร์ม ชาโดว์" เข้าไปในรัสเซียในวันพุธด้วย ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ดอลลาร์/เยนเพิ่งพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ในสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ทางการญี่ปุ่นอาจจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนค่าเงินเยนในอนาคต โดยนักลงทุนกำลังรอฟังถ้อยแถลงของนายคาสุโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ในงานประชุมทางการเงินที่กรุงปารีสในช่วงต่อไปในวันนี้ หลังจากที่ถ้อยแถลงของเขาในช่วงต้นสัปดาห์นี้เปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกด้วยว่า มีโอกาส 52% ที่บีโอเจอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. และมีโอกาส 48% ที่บีโอเจอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.50% ในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 95,050.28 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่เพิ่งทะยานขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--21 พ.ย.--รอยเตอร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.8% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเมื่อเทียบกับที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.13 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร
ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.43 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.65 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.
ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยร่วงลงจาก 1.0595 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร
เยน, ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสามสกุลเงินปลอดภัย ได้รับแรงหนุนเป็นเวลาสั้น ๆ ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพุธ หลังจากรัฐบาลรัสเซียประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี คำสั่งซื้อสกุลเงินปลอดภัยจางหายไปในเวลาต่อมา หลังจากนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นมาแล้วราว 3% นับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะชะลอความเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะว่านโยบายของนายทรัมป์จะกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
มิเชลล์ โบว์แมน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด และลิซา คุก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเองในวันพุธในเรื่องแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐ โดยโบว์แมนแสดงความกังวลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% และเธอเรียกร้องให้เฟดใช้ความระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป ทางด้านลิซา คุก กล่าวในวันพุธว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงชะลอตัวลงต่อไป, ค่าแรงชะลอตัวลง และตลาดแรงงานชะลอตัวลง ส่วนการเพิ่มขึ้นของราคาในระดับที่มากเกินไปส่วนใหญ่แล้วจำกัดวงอยู่แค่ภายในภาคที่อยู่อาศัย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ในภาวะที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป
ปอนด์อ่อนค่าลงจาก 1.2682 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร สู่ 1.2647 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ ถึงแม้อังกฤษรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในเดือนต.ค. ทางด้านเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 82.8% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ บิทคอยน์พุ่งขึ้น 2.41% สู่ 94,461 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ หลังจากทะยานขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ที่ 94,982.37 ดอลลาร์ได้ในระหว่างวัน โดยบิทคอยน์ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสกุลเงินคริปโต และได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทด้านสื่อสังคมของนายทรัมป์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อบริษัท Bakkt ที่ทำธุรกิจซื้อขายสกุลเงินคริปโต--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน