ตลาด
ข่าวสาร
การวิเคราะห์
ผู้ใช้
24x7
ปฏิทินเศรษฐกิจ
แหล่งเรียนรู้
ข้อมูล
- ชื่อ
- ค่าล่าสุด
- ครั้งก่อน
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
ค:--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
--
ค: --
ค: --
ไม่มีข้อมูลที่ตรงกัน
ทัศนคติล่าสุด
ทัศนคติล่าสุด
หัวข้อยอดนิยม
เพื่อเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็วและติดตามตลาดโฟกัสใน 15 นาที
ในโลกของมนุษยชาติ จะไม่มีคำกล่าวใด ๆ ที่ไม่มีจุดยืนใด ๆ หรือคำพูดใด ๆ ที่ไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ
อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลาง ทัศนคติและคำพูดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังมีอิทธิพลต่อการกระทำของเทรดเดอร์ในตลาดอีกด้วย
เงินทำให้โลกหมุนไป และสกุลเงินเป็นสินค้าถาวร ตลาดฟอเร็กซ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง
คอลัมนิสต์ยอดนิยม
เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น ที่นี่ที่ FastBull
ข่าวด่วนล่าสุดและเหตุการณ์ทางการเงินทั่วโลก
ฉันมีประสบการณ์ 5 ปีในการวิเคราะห์ทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนามหภาคและการตัดสินแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว ความสนใจของฉันอยู่ที่การพัฒนาของตะวันออกกลาง ตลาดเกิดใหม่ ถ่านหิน ข้าวสาลี และสินค้าเกษตรอื่นๆ
7 ปีของตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โลหะมีค่า และประสบการณ์การซื้อขายและการวิเคราะห์อื่น ๆ โดยอาศัยปัจจัยพื้นฐาน การสนับสนุนทางเทคนิค มีอคติต่อตรรกะธุรกรรมจากบนลงล่าง โดยเน้นที่วัฏจักรมหภาคและการควบคุมความเสี่ยง การคาดการณ์เชิงทฤษฎีอุปสงค์และอุปทานอเนกประสงค์ การเปลี่ยนแปลงของราคา สร้างสมดุลระหว่างผลกระทบของธุรกรรม การกระจายชิปและอารมณ์ตลาด และคงที่
อัปเดตล่าสุด
สร้างทัศนคติการลงทุนที่ดี
วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ปรัชญาการลงทุนของเขาประกอบด้วยการสร้างกรอบความคิดระยะยาว ขจัดญาณรบกวนของตลาด ไม่เก็งกำไร และเน้นย้ำว่าการลงทุนต้องมีมีจิตใจที่มั่นคงและเป้าหมายที่ชัดเจน
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้ว่าระบบกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลในฮ่องกงจะค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายพิเศษหลายประการ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง HKD และ USD นักลงทุนต่างชาติอาจเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความผันผวนของนโยบายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย
โครงสร้างต้นทุนและภาษีเมื่อลงทุนในหุ้นฮ่องกง
ต้นทุนการซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหุ้น ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการชำระบัญชี ฯลฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติอาจมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเพิ่มเติมเป็นดอลลาร์ฮ่องกงและภาษีอื่น ๆ ตามข้อบังคับท้องถิ่น
การวิเคราะห์อุตสาหกรรมฮ่องกง:อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็น
อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่จำเป็นของฮ่องกง ได้แก่ รถยนต์ การศึกษา การท่องเที่ยว การจัดเลี้ยง เครื่องแต่งกาย และภาคส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จากบริษัทจดทะเบียน 643 แห่งนั้น 35% เป็นบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่และคิดเป็น 65% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด ดังนั้นอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากเศรษฐกิจจีน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ดูผลการค้นหาทั้งหมด
ไม่มีข้อมูล
ไม่ได้ล็อกอิน
เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
สมาชิก FastBull
ยังไม่ได้เปิด
สมัคร
เข้าสู่ระบบ
ลงทะเบียน
ฮ่องกง,ประเทศจีน
นครโฮจิมินห์, เวียดนาม
ดูไบ, UAE
ลากอส, ไนจีเรีย
ไคโร, อียิปต์
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
โครงการพันธมิตร
ลอนดอน--5 พ.ย.--รอยเตอร์
ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อยู่ที่ 26.33 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. โดยพุ่งขึ้น 195,000 บาร์เรลต่อวันจากเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในลิเบีย หลังจากลิเบียคลี่คลายวิกฤติการเมืองได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพุ่งขึ้นไม่มากนักในเดือนต.ค. เพราะว่าอิรักปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเพื่อพยายามทำตามโควต้าของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส)
ลิเบียปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันหลังจากมีการคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องอำนาจควบคุมธนาคารกลางลิเบีย โดยลิเบียผลิตน้ำมัน 1.05 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลต่อวันจาก 650,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. โดยปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนี้มีส่วนในการกดดันราคาน้ำมันให้ร่วงลง ในขณะที่ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้ เวเนซูเอลาปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันด้วยเช่นกัน โดยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซูเอลาปรับเพิ่มขึ้น 40,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 820,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. สู่ 860,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นอย่างน้อย โดยทั้งลิเบียและเวเนซูเอลาต่างก็ได้รับการยกเว้นจากมาตรการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส
อิรักและอิหร่านถือเป็นสองประเทศในกลุ่มโอเปกที่ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงมากที่สุดในเดือนต.ค. โดยอิรักปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 120,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 4.10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. สู่ 3.98 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. และปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนต.ค.นี้อยู่ต่ำกว่าโควต้าที่กลุ่มโอเปกพลัสกำหนดไว้ที่ระดับ 4,009,000 บาร์เรลต่อวันด้วย โดยอิรักปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเพราะว่ายอดส่งออกน้ำมันและปริมาณการใช้น้ำมันในอิรักปรับลดลง และเพราะว่าภาคเหนือของอิรักปรับลดการผลิตน้ำมันลงด้วย ทั้งนี้ อิหร่านปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน โดยปรับลดลงจาก 3.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. สู่ 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ในขณะที่อิหร่านปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันลงในเดือนต.ค.
โอเปกผลิตน้ำมันสูงเกินโควต้าราว 46,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค.สำหรับสมาชิก 9 ประเทศในกลุ่มโอเปกที่อยู่ภายใต้โควต้าการผลิต โดยกาบองถือเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันสูงเกินโควต้ามากที่สุดในเดือนต.ค. เพราะว่ากาบองผลิตน้ำมัน 220,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าโควต้าการผลิตของกาบองที่ถูกกำหนดไว้ที่ระดับ 169,000 บาร์เรลต่อวัน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ลอนดอน/มอสโคว์--31 ต.ค.--รอยเตอร์
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส)อาจจะเลื่อนแผนการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค.ออกไปอีกหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น โดยเป็นผลจากความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันที่ระดับต่ำ และอุปทานน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า โอเปกอาจจะตัดสินใจเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มโอเปกพลัสเคยวางแผนจะเริ่มปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันขึ้น 180,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนต.ค.ปีนี้ แต่หลังจากนั้นทางกลุ่มก็ได้เลื่อนแผนการดังกล่าวออกไปสู่เดือนธ.ค.แทน โดยเป็นผลจากการร่วงลงของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา
กลุ่มโอเปกพลัสได้เริ่มดำเนินมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมาเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมัน โดยมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดังกล่าวมีขนาดรวมกันราว 5.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือราว 5.7% ของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก และมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตนี้ครอบคลุมมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในขนาด 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันสำหรับ 8 ประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปกพลัส อย่างไรก็ดี กลุ่มโอเปกพลัสตกลงกันในช่วงที่ผ่านมาว่า ทางกลุ่มจะเริ่มทยอยยกเลิกมาตรการปรับลดการผลิตแบบสมัครใจดังกล่าวตั้งแต่เดือนธ.ค. 2024 เป็นต้นไป โดยการทยอยยกเลิกนี้จะเริ่มต้นด้วยการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในอัตรา 180,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนธ.ค. ส่วนมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันสำหรับกลุ่มโอเปกพลัสทั้งกลุ่มที่มีขนาด 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้นจะยังคงมีผลต่อไปจนถึงสิ้นปี 2025
ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันในช่วงนี้จากอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า "กลุ่มโอเปกพลัสอาจจะเลื่อนกำหนดการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค.ออกไป เพราะว่าตลาดน้ำมันไม่ได้อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งมากพอ" ทั้งนี้ ข่าวเรื่องโอเปกพลัสมีส่วนช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.01% มาปิดตลาดวันพุธที่ 72.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ระดับ 68.68 ดอลลาร์ ซึ่งทำไว้ในวันที่ 10 ก.ย.
นายอเล็กซานเดอร์ โนแวค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเพิ่งกล่าวในเตือนนี้ว่า ขณะนี้ยังคงเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะตัดสินได้ว่า จำเป็นจะต้องมีการปรับเพิ่มอุปทานน้ำมันในตลาดหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐมนตรีของกลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมกันเพื่อตัดสินเรื่องนโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 1 ธ.ค.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่า ราคาทองจะทะยานขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า ขณะที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่เอื้อหนุน และสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเพิ่มความน่าสนใจของทอง โดยราคาทองในตลาดสปอตพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,771.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวานนี้ ซึ่งทองได้แรงหนุนในช่วงที่ผ่านมาจากความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งผลสำรวจความเห็นพบว่ายังคงสูสี
ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ 36 คนคาดว่า ค่ากลางราคาทองจะอยู่ที่ 2,674 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 2,496 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่คาดไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน และเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เฉลี่ยของปีนี้ที่ 2,384 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และในไตรมาสแรกปีหน้า คาดว่าราคาทองจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองจะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของปีนี้ โดยราคาทองพุ่งขึ้น 33% แล้วในปีนี้ ขณะที่ข้อมูลของ LSEG Workspace พบว่า ปีนี้จะเป็นการปรับขึ้นเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซนต์รายปีมากที่สุดของราคาทองนับตั้งแต่ปี 1979 ถ้าตลาดยังคงอยู่ใกล้ระดับปัจจุบัน
หนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นราคาทองพุ่งขึ้นก็คือการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเริ่มต้นด้วยการลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจของทองในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน
นักวิเคราะห์ระบุว่า เนื่องจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก และการคาดการณ์ว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีก จึงคาดว่าทองจะทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีก--จบ--
Eikon source text
ปักกิ่ง--29 ต.ค.--รอยเตอร์
สมาคมทองจีนรายงานในวันจันทร์ว่า ปริมาณการใช้ทองในจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2024 ดิ่งลง 11.18% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน สู่ 741.732 ตัน เนื่องจากราคาทองที่ระดับสูงส่งผลลบต่อความต้องการซื้อเครื่องประดับทอง ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อเครื่องประดับทองในจีน ซึ่งครองสัดส่วน 53.9% ของปริมาณการใช้ทองทั้งหมดในจีน ดิ่งลงสู่ 400.038 ตันในเดือนม.ค.-ก.ย.ปีนี้ โดยรูดลง 27.53% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
ราคาสัญญาทองในตลาดสัญญาล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้น 23.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยทะยานขึ้นสู่ 596.72 หยวน (83.69 ดอลลาร์) ต่อกรัมในวันที่ 30 ก.ย. และหลังจากนั้นราคาสัญญาทองก็พุ่งขึ้นต่อไปจนแตะสถิติสูงสุดที่ 630.44 หยวนต่อกรัมในวันที่ 23 ต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้งนี้ สมาคมทองจีนระบุว่า "ราคาทองพุ่งขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ และสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อเครื่องประดับ ถึงแม้ว่าปริมาณการซื้อเครื่องประดับทองขนาดเล็กได้รับแรงกระตุ้นจากรูปแบบการค้าทางระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงไลฟ์สตรีมมิง และการค้าปลีกแบบจัดส่งทันที"
ปริมาณการซื้อทองแท่งและเหรียญทองในจีน ซึ่งมักจะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย พุ่งขึ้น 27.14% สู่ 282.721 ตันในช่วงสามไตรมาสแรก โดยได้รับแรงหนุนจาก "ค่าพรีเมียมที่ระดับต่ำ" ส่วนปริมาณการใช้ทองในภาคอุตสาหกรรมและภาคอื่น ๆ ของจีนร่วงลง 2.78% สู่ 58.97 ตันในช่วงสามไตรมาสแรก
ปริมาณผลผลิตทองจากวัตถุดิบภายในจีนร่วงลง 1.17% สู่ 268.068 ตันในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ โดยสมาคมทองจีนระบุว่า "อุตสาหกรรมทองในจีนอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนกำลังการผลิตจากเก่าไปใหม่ และเหมืองทองขนาดใหญ่ที่เพิ่งขุดในจีนก็ยังไม่ได้จัดตั้งกำลังการผลิตใหม่ ดังนั้นปริมาณผลผลิตทองจึงยังไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความคาดหมาย อย่างไรก็ดี ในระยะยาวนั้น ปริมาณผลผลิตทองในจีนมีแนวโน้มที่ดี ถึงแม้ว่าผลผลิตร่วงลงชั่วคราวในตอนนี้" ทั้งนี้ ปริมาณผลผลิตทองจากวัตถุดิบนำเข้าพุ่งขึ้น 15.51% เมื่อเทียบรายปี สู่ 111.207 ตันในช่วงสามไตรมาสแรก และส่งผลให้ปริมาณผลผลิตทองทั้งหมดในจีนอยู่ที่ 379.275 ตันในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.ปีนี้ โดยปรับขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
สิงคโปร์--28 ต.ค.--รอยเตอร์
ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากอิสราเอลโจมตีอิหร่านในวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้โจมตีโรงงานน้ำมันและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน และการโจมตีดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงาน ดังนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงช่วยลดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐดิ่งลง 3.27 ดอลลาร์ หรือ 4.6% สู่ 68.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรูดลงแตะ 67.79 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์รูดลง 3.35 ดอลลาร์ หรือ 4.4% สู่ 72.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดิ่งลงแตะ 71.99 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่งปิดตลาดสัปดาห์ที่แล้วด้วยการพุ่งขึ้น 4% จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ในขณะที่นักลงทุนมีความกังวลในสัปดาห์ที่แล้วว่าอิสราเอลจะดำเนินมาตรการอย่างไรในการตอบโต้อิหร่าน หลังจากอิหร่านใช้ขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลในวันที่ 1 ต.ค. ทั้งนี้ อิสราเอลได้ส่งเครื่องบินหลายลำไปโจมตีอิหร่าน 3 ระลอกในช่วงก่อนเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 26 ต.ค. โดยเป็นการโจมตีโรงงานขีปนาวุธและจุดอื่น ๆ ใกล้กรุงเตหะรานและในภาคตะวันตกของอิหร่าน
นายซอล คาโวนิค นักวิเคราะห์พลังงานของบริษัทเอ็มเอสที มาร์คีระบุว่า "อิสราเอลโจมตีเพียงในวงจำกัด และหลีกเลี่ยงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมัน และการทำเช่นนี้ก็ทำให้มีการตั้งความหวังกันว่า จะมีการลดระดับความขัดแย้งลงในอนาคต และส่งผลให้ค่าพรีเมียมความเสี่ยงของราคาน้ำมันลดลงมา 2-3 ดอลลาร์" และเขากล่าวเสริมว่า "ตลาดจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า อิหร่านจะโจมตีกลับหรือไม่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า" ทั้งนี้ นายวิเวค ดาร์ นักวิเคราะห์ของธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลียคาดว่า ตลาดจะมุ่งความสนใจไปยังการเจรจาเรื่องการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เขากล่าวเสริมว่า เขาไม่แน่ใจว่าอิสราเอลกับกลุ่มต่าง ๆ ที่เป็นตัวแทนของอิหร่าน ซึ่งรวมถึงกลุ่มฮามาสกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ จะสามารถทำข้อตกลงหยุดยิงได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
ซิตี้กรุ๊ปปรับลดตัวเลขเป้าหมายราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับช่วง 3 เดือนข้างหน้าลงสู่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 74 ดอลลาร์ เนื่องจากค่าพรีเมียมความเสี่ยงปรับลดลงในระยะใกล้ ทั้งนี้ นายทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ของบริษัทอีแวนส์ เอ็นเนอร์จีระบุว่า "มีความเสี่ยงที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) อาจจะผลักดันให้มีการเลื่อนกำหนดการปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณการผลิตน้ำมันออกไปอีก จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ในเดือนธ.ค."
กลุ่มโอเปกพลัสเคยตกลงกันในเดือนต.ค.ว่า ทางกลุ่มจะตรึงเป้าหมายปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ที่ระดับเดิม แต่จะเริ่มต้นปรับเพิ่มปริมาณการผลิตตั้งแต่เดือนธ.ค.เป็นต้นไป โดยทางกลุ่มจะจัดการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 1 ธ.ค.--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
นิวยอร์ค--10 ต.ค.--รอยเตอร์
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้นในวันอังคารที่ผ่านมา โดยรายงานฉบับนี้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 76.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2024 โดยปรับลดลง 2.4% จากรายงานคาดการณ์ครั้งก่อน และรายงานฉบับนี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ โดยปรับลดลง 2.3% จากรายงานคาดการณ์ครั้งก่อน ทั้งนี้ รายงานฉบับนี้ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดสหรัฐและตลาดโลกสำหรับปี 2025 ลงด้วย โดยเป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีนและในทวีปอเมริกาเหนือ
รายงานของ EIA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะอยู่ที่ราว 103.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยปรับลดลง 20,000 บาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน และรายงานคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ 104.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยปรับลดลงราว 300,000 บาร์เรลต่อวันจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน ทั้งนี้ EIA ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับปี 2024 ลงในครั้งนี้เพราะว่า อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในจีนปรับลดลง และปริมาณการนำเข้าน้ำมันในจีนปรับลดลง โดยจีนถือเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนการปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกสำหรับปี 2025 เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวลงในภาคโรงงานและในการผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐและแคนาดา
EIA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐอาจจะอยู่ที่ 20.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 ซึ่งเท่ากับตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐอาจจะปรับขึ้นสู่ 20.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า แต่ตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้ปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 20.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
EIA คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจจะอยู่ที่ 13.22 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 13.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ EIA คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐอาจจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 13.54 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 โดยปรับลดลงราว 1% จากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 13.67 ล้านบาร์เรลต่อวัน
หน่วยงานชั้นนำในตลาดน้ำมันโลกคาดการณ์ตัวเลขที่แตกต่างกันไปในปีนี้ โดยเป็นผลจากมุมมองที่แตกต่างกันที่มีต่อเศรษฐกิจจีน และต่อความเร็วในการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานทดแทนได้ โดยองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะเพิ่มขึ้น 950,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า ส่วนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะพุ่งขึ้น 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งสามแห่งนี้คาดการณ์ตัวเลขที่แตกต่างกันสำหรับปี 2024 ด้วยเช่นกัน โดย EIA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะเพิ่มขึ้น 940,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2024 ส่วน IEA คาดว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2024 ทางด้านโอเปกคาดว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจจะพุ่งขึ้นกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024--จบ--
Eikon source text
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;
กลุ่มผู้เข้าร่วมการประชุมปิโตรเลียมเอเชียแปซิฟิค (APPEC) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของจีนไปสู่การใช้เชื้อเพลิงที่มีคาร์บอนลดลง และเศรษฐกิจที่ซบเซาจะถ่วงความต้องการใช้น้ำมันในจีน
นายดาอัน สตูเวน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยน้ำมันของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ความต้องการน้ำมันต่อปีของจีนชะลอตัวลงจากราว 500,000-600,000 บาร์เรลต่อวันในระยะ 5 ปีก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 สู่ระดับ 200,000 บาร์เรลต่อวันในขณะนี้ และสาเหตุหลักก็คือการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการใช้รถบรรทุกที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แทนน้ำมันดีเซล "จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนถ่ายพลังงานด้วยการผลักดันด้านอุปทาน ซึ่งกำลังจะทำให้พลังงานทางเลือกมีราคาถูกกว่า"
ในไตรมาส 2 ความต้องการใช้น้ำมันของจีนชะลอตัวอย่างมาก โดยถูกกดดันจากกำลังการผลิตของโรงกลั่นที่ลดลง และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
นายหง-ปิง เฉิน รองประธานบริษัทในสิงคโปร์ในเครือหรงเซิง ปิโตรเคมิกัลของจีนกล่าวว่า ขณะที่การบริโภคน้ำมันของจีนถูกกดดันจากความต้องการดีเซลที่ย่ำแย่ แต่การขยายตัวของอุปสงค์ในอนาคต 75-80% จะถูกขับเคลื่อนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ "ในฉากทัศน์ที่เป็นกลาง เราคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของจีนจะเพิ่มขึ้น 2.5-3% ในปีหน้า โดยมีการเจาะตลาดของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น"
แต่เทรดเดร์บางคนยังคงมองว่าภาวะตกต่ำของอุปสงค์น้ำมันโดยรวมของจีนเป็นเรื่องตามวัฏจักร โดยนายซาอัด ราฮิม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากทราฟิกูรา กล่าวว่า "เราคิดว่าอุปสงค์ที่ชะลอตัวในจีนเป็นเรื่องทางวัฏจักรมากกว่าโครงสร้าง แต่ก็ยังคงอยู่ในภาวะตกต่ำตามวัฏจักรในขณะนี้ เราจึงต้องเห็นภาวะตกต่ำนี้ฟื้นตัวและกลับมา"--จบ--
Eikon source text
ไวท์เลเบล
Data API
ปลั๊กอินเว็บไซต์
เครื่องมือออกแบบโปสเตอร์
โครงการพันธมิตร
ความเสี่ยงของการสูญเสียในการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น FX สินค้าโภคภัณฑ์ ฟิวเจอร์ส พันธบัตร ETFs หรือเงินดิจิทัลอาจมีมาก คุณอาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดที่คุณฝากไว้กับโบรกเกอร์ของคุณ ดังนั้น คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการซื้อขายดังกล่าวเหมาะสมกับคุณหรือไม่ในสถานการณ์และทรัพยากรทางการเงินของคุณ
ไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยตัวเองหรือปรึกษากับที่ปรึกษาทางการเงินของคุณ เนื้อหาเว็บของเราอาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากเราไม่ทราบเงื่อนไขทางการเงินและความต้องการในการลงทุนของคุณ ข้อมูลทางการเงินของเราอาจมีความล่าช้าหรือมีความไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณควรรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจซื้อขายและการลงทุนของคุณ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียเงินทุนของคุณ
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเว็บไซต์ คุณจะไม่สามารถคัดลอกกราฟิก ข้อความ หรือเครื่องหมายการค้าของเว็บไซต์ได้ สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในเนื้อหาหรือข้อมูลที่รวมอยู่ในเว็บไซต์นี้เป็นของผู้ให้บริการและผู้ค้าแลกเปลี่ยน